ก่อนขึ้นต้องอธิบายข้อกฎหมายกันก่อนนะครับ ตามแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาถือว่าตำรวจไม่ว่าจะเข้าเวรอยู่หรือออกเวรแล้ว
หรือแม้กระทั่งเป็นตำรวจดับเพลิง ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจอยู่ตลอดเวลาหากมีพบเหตุกระทำความผิดซึ่งหน้าย่อมสามารถจับกุม
คนร้ายได้เสมอ ซึ่งหากยึดถือหลักดังกล่าวก็แปลว่าตำรวจเป็นตำรวจอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและต้องพร้อมจับกุมตัวคนร้ายได้ตลอดเวลา
ซึ่งการจับกุมคนร้ายจะให้ตำรวจใช้มือเปล่าคงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ตามความเห็นของพี่ Ro@d เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะฝ่ายสืบสวนหรือปราบปรามที่มีหน้าที่จับกุมคนร้ายโดยตรง
การปฏิบัติหน้าที่ย่อมเป็นที่ไม่พอใจของคนร้าย พรรคพวก และญาติพี่น้องของคนร้ายบ้าง ไม่มากก็น้อย ในที่นี้เราไม่ได้พูดถึงคนร้าย
ประเภทลักเล็กขโมยน้อย หรือประเภทตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก แต่เราพูดถึงประเภทแก๊งค์ค้ายา แก๊งค์ลักรถ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ซึ่งมีอาวุธ
ปืนพร้อมจะต่อสู้ตลอดเวลา ซึ่งคนร้ายประเภทหลังนี่อันตรายอย่างที่สุดพร้อมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า ลองนึกสภาพดูสิครับหากท่านเป็น
ตำรวจสายสืบออกเวรเลยไม่ได้พกปืน เกิดวันดีคืนดีไปเจอพวกแก๊งค์ค้ายารายใหญ่ที่เพิ่งออกมาจากคุก แล้วท่านมีแต่มือเปล่าจะทำอย่างไร
ขนาดผมไม่ได้มีหน้าที่จับกุมคนร้ายโดยตรง ( แค่มีหน้าที่เอาเข้าคุก ) ยังเคยเจอลูกค้าเก่า ๆ เข้ามายกมือไหว้ทักทาย ดีว่าเป็นคดีเล็ก ๆ
น้อย ๆ แต่ถ้าเป็นคดีใหญ่ และการทำหน้าที่ของผมเกิดไม่ถูกใจพี่เค้าจะเป็นยังไงบ้างหนอ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในปัจจุบันนี้ผมไม่เคย
ไปไหนมือเปล่า ( ทำตามคำแนะนำของพี่ Ro@d

) เพราะไม่รู้ว่าจะไปเจอลูกค้าเก่าเช็คบิลเมื่อไหร่
ทีนี้ก็ย้อนกลับมากรณีตำรวจที่พกปืนตอนออกเวร ถ้าเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนหรือปราบปรามถ้าจะพกปืนตอนออกเวรโดยส่วนตัวผมเห็น
ว่าเป็นเรื่องปกติเพียงแต่ควรจะทำให้มิดชิดไม่ให้เป็นที่หวาดเสียงแก่ประชาชนทั่วไป แต่กรณีของตำรวจที่ใส่ครึ่งท่อนแล้วพกปืนไปทานข้าว
หรือเที่ยวห้าง ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเท่านั้นแต่ก็ไม่ถึงกับผิดร้ายแรง ถ้าท่านเหล่านั้นไม่ได้มีพฤติการณ์ใช้อาวุธปืนไปข่มขู่ประชาชน
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ใช้บทลงโทษทางวินัยน่าจะเหมาะสมกว่า และเชื่อว่าทางตำรวจก็คงมีระเบียบเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนอยูแล้ว ปัญหาก็คือ
การบังคับใช้บทลงโทษทางวินัยนั่นเองว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน และมีประชาชนกล้าร้องเรียนไปที่ต้นสังกัดหรือไม่
ผมได้แต่เฝ้ารอว่าสักวันหนึ่งถ้าประเทศเราพัฒนามากขึ้น ประชาชนมีความรู้และกล้าลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเองมากขึ้น กระบวน
การตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐเข้มแข็งขึ้น ค่านิยมของสังคมเปลี่ยนไป และข้าราชการมีจิตสำนึกมากขึ้นว่าตนเองเป็นผู้บริการประชาชน
ไม่ใช่เจ้านายของประชาชน เรื่องเหล่านี้จะค่อย ๆ หมดไปเองเหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลาย แต่ไม่รู้ว่าผมจะทันเห็นในชาตินี้รึเปล่า