บทความนี้กล่าวได้ดีครับ แต่...

ปัจจัยในการตัดสินใจของผู้หญิง จะอยู่ที่วัยครับ เช่น
วัยเรียน...ถ้าคนสวยจะชอบคนมาจีบ เอาใจ เดินตามต้อยๆ ไปเรียนตึกนู้นตึกนี่ ไว้โชว์เพื่อน
...ถ้าหน้าตาธรรมดาจะชอบคนที่ มาจีบ เติมในส่วนที่เหงา

...เรื่องอื่นๆ (ส่วนใหญ่)ไม่สำคัญ
วัยทำงาน...เมื่อเริ่มทำงานก็จะมีรายได้ เริ่มเที่ยว เริ่มอิสระในการคบหา
...มักชอบคนที่เหมือนตัวเอง เที่ยวด้วยกันได้ เจ้าชู้พอกัน ทันเล่ห์กัน ถึงจะมีรสชาต ผู้ชายดีกว่าตัวไม่ชอบ

เพราะจะทำให้คิดเอาเองและสำนึกตนว่าเป็นคนที่บกพร่องตลอดเวลา จึงพูดเอาเองว่า "เค้าดีเกินไป"
มักจะมองในสิ่งที่ชอบ ฟังคำหวาน แม้จะรู้ว่ามันไม่จริง ชอบคนที่ใส่หน้ากากหลายใบ แล้วทำให้ตน "แค่" รู้สึกดี
พอเจอตัวตนของผู้ชายบางคน ก็โศก เรียกร้องอะไรกลับมาไม่ได้แล้ว

...นอกจากคู่ที่คบกันมายาวนานจากที่เรียนก็มักแต่งกันแล้ว น่าชื่นชม

วัยใกล้ 30 ...เริ่มมองตนเองว่า อะไรคือสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตคู่
การเที่ยวไตร่ การเจ้าชู้ การต้องคอยมานั่งจับผิด ที่แต่ก่อนเคยคิดว่าสนุกดี การกินเหล้าอย่างหนัก การสูบบุหรี่ตอนเวลา
นั้นใช่หรือ.......
...จะเริ่มมองถึงสิ่งที่ควรจะเป็นในชีวิตคู่มากขึ้น เช่น ฐานะผู้ชายต้องไม่กัดก้อนเกลือกิน ตั้งใจทำงาน ไม่เจ้าชู้ มีความเป็น
ผู้นำ กินเหล้าแต่พอดี ที่สำคํญ รักเราและพร้อมที่จะเป็นสามี และพ่อที่ดีตลอดไป
เคยมีหลายคนที่ผมเห็น พยายามไขว่คว้าหารักแท้ แต่ตัวเองมักเลือกคนที่เติมแต่ความสุขเฮฮา จนน้ำตาเช็ดหัวเข่า ถึงคิดได้
ความรักช่วงต้นเป็นการเลือกโดยใช้ความรู้สึกชอบ
แต่ความรักในช่วงมีวัยวุฒิ มักเลือกด้วยเหตุผล
เฟอร์เฟคหรือไม่ ผมว่าไม่สำคัญ ขอให้เข้าใจกัน ดูแลกัน เติมเต็มในส่วนด้อยของกันและกัน นี่จะเป็นคู่รักเต็มร้อย
ไม่มีคำว่าดีเกินไป นอกจากตัวเองไม่รักเค้า
ทุกคนล้วนบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น
การที่เราไม่เห็นข้อบกพร่องนั้น อาจไม่ใช่เค้าพยายามปิดบัง แต่อาจแก้ไขแล้ว
นอกจากเราไม่รัก จึงไม่เปิดใจรับ และเรียนรู้ เพราะชีวิตคนเสมือนหนังสือเล่มใหญ่ มีเรื่องให้เรียนรู้มากมาย
บางเล่มปกไม่สวยแต่ขลังดีนักแล..(เหมือนหนังสือ สารคดี ข้อมูลไม่มีวันเก่า เช่น National Geographic)
บางเล่มปกสวย ฉาบฉวย อ่านครั้งเดียวทิ้ง เพราะสาระไม่มี จะหยิบจับ หรือเก็บไว้เพื่ออะไร (รกบ้าน เหมือนหนังสือดารา แฟชั่น)
ไม่มีคำว่าดีเกินไป มีแต่คำว่าเลวเกินรับได้

ทั้งชายและหญิง
