เพลงนี้มีความหมาย

คมชัดลึก : ครูชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติ ผู้ประพันธ์เพลงลูกทุ่งที่มีผลงานเพลงเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องชาติและพระมหากษัตริย์มากที่สุดในบรรดานักแต่งเพลงเมืองไทย ย้อนถึงเพลง “ยอมตายที่ตาพระยา” ที่เขียนไว้เมื่อประมาณกว่า 30 ปี และถูกทางการห้ามเผยแพร่ออกอากาศ ว่า

“ประมาณปี 2519-2520 เหตุเกิดที่ อ.ตาพระยา (จังหวัดปราจีนบุรี) เขมรเข้ามาฆ่าคนไทย ผมจึงแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แต่เพลงนี้ กบว.เขาห้ามเปิดออกอากาศ เพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนสัมพันธไมตรี ผมแต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพราะผมรักคนไทย หวงแหนประเทศไทย

เพลงนี้เขากล่าวหาว่าใช้คำรุนแรง (กู-มัน) ที่ผมต้องใช้สรรพนามอย่างนั้น เพราะจะให้ใช้คำสุภาพกับข้าศึกหรือ ผมใช้คำสมัยพ่อขุนรามคำแหง ผมว่ามันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำไป อยากแสดงให้คนเขมรรู้ว่า มันทำเกินไป ย้อนไปถึงเรื่องในประวัติศาสตร์ก็ยังกำแหง ตั้งแต่สมัยเรื่องพระยาละแวก จะไปกลัวเขาหาอะไร เพราะคนไทยเราเป็นเลือดนักสู้ ผมโกรธและน้อยใจมากที่เพลงถูกห้ามเปิดในสมัยนั้น ทางการไม่ให้ความสำคัญ ผมเขียนแทนใจคนไทยทุกคน ไม่ช้านี้ผมจะมีเพลงแนวนี้ออกมาอีก กรณีนี้กับสมัยก่อนมันต่างกัน ต้องสืบเสาะข้อมูลให้ดีก่อนเขียน ระดับผมเขียนเพลงไม่ให้ใครว่าได้ เพราะเพลงลูกทุ่ง คือบันทึกประวัติศาสตร์”

สำหรับเหตุการณ์ที่มาของเพลงดังกล่าว มีผู้ใช้นามว่า ส.สัญจร เขียนบันทึกไว้ในบทความชื่อ "วิถีชีวิต…คนตาพระยา” ในตอนหนึ่งว่า

“ตาพระยาเป็นอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดปราจีนบุรี แต่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศและทั่วโลกจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2520 ทหารเขมรแดงได้บุกเข้ามาทำร้ายราษฎรหมู่บ้านสันลอชะงัน (บ้านแกงอร่อย) และบ้านแสง์ (สะ-แหง แปลว่าข้าวชนิดหนึ่งที่มีปลายเมล็ดเป็นหางคล้ายข้าวบาร์เล่ย์ ) ตำบลทัพเสด็จ ด้วยความโหดเหี้ยมไล่เข่นฆ่าราษฎรทั้งสองหมู่บ้าน ไม่เว้นลูกเด็กเล็กแดง จากคำบอกเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า

"คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย หลังกินข้าวแล้ว หลายบ้านเข้านอน หลายบ้านนั่งคุยกันอยู่ที่ชานบ้าน แล้วจู่ๆ เสียงปืนนานาชนิดก็ดังขึ้นติดต่อกัน ไล่มาตั้งแต่หัวหมู่บ้าน เป้าหมายอยู่ที่บ้านเรือนของราษฎร โดยเฉพาะบ้านที่มีเสียงเด็กๆ ยิ่งตกเป็นเป้าหมายของคมกระสุน เสียงปืนดังสนั่นจนแทบจะไม่สามารถควบคุมจิตใจตัวเองได้ เด็กหลายคนที่พ่อแม่ถูกฆ่าตายวิ่งพลัดหลงกันชุลมุน เด็กบางคนโชคร้ายถูกทหารเขมรแดงที่บ้าคลั่งจับโยนแล้วแทงสวนด้วยดาบปลายปืน เป็นภาพที่โหดร้ายทารุณยากที่จะลืมเลือน"

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ราษฎรไทยเสียชีวิต 31 คน อำเภอตาพระย เกิดความไม่สงบจากการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองการปกครองของประเทศกัมพูชาเรื่อยมา ตาพระยาจึงมีชื่อเสียงในเรื่องความน่ากลัวและความโหดร้ายมาโดยตลอด“

สำหรับ พระยาละแวก ที่ครูชลธีอ้างไว้ในเพลงนั้น ในบล็อกโอเคเนชั่น ได้บันทึกไว้โดย พายัพ วนาสุวรรณ อย่างละเอียด แต่ขอย่อมาพอสังเขปว่า

“พระยาละแวกปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2075 ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิของไทย พระยาละแวกเคยยกทัพเขมรเข้ามาทางปราจีนบุรี แล้วกวาดต้อนผู้คนกลับไปจำนวนมาก และปี 2113 รัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช หลังจากที่ไทยเสียกรุงให้แก่พม่าเพียงปีเดียว พระยาละแวกถือโอกาสเข้ามาปล้นและตีเมืองนครนายก นอกจากนี้ยังเคยนำทัพมากวาดต้อนผู้คนแถวจันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และยกทัพมาถึงปากน้ำพระประแดง โจมตีเมืองธนบุรี จับชาวเมืองธนบุรีและนนทบุรีเป็นเชลยจำนวนมาก พระยาละแวกได้รวบรวมไพร่พลหมายจะเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา

ปี 2133 หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์ ทรงจัดกองทัพไทยไปตีกรุงกัมพูชาจนแตกพ่ายไป สมเด็จพระนเรศวรทรงจับพระยาละแวกประหารชีวิต"

	ผู้เขียน	หัวข้อ: เพลงนี้มีความหมาย (อ่าน 2470 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้