เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 10, 2025, 04:20:44 AM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
>
สนทนาภาษาปืน
>
สนทนาภาษาปืน
(ผู้ดูแล:
ผองพัฒ
) >
ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
หน้า:
1
2
3
4
[
5
]
6
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม (อ่าน 22702 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายรัก-รักในหลวง-
เลือด สี น้ำ เงิน
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 203
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1646
จงภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #60 เมื่อ:
มกราคม 12, 2011, 03:38:01 PM »
อ้างจาก: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ มกราคม 11, 2011, 03:07:41 PM
อ้างจาก: mekajit ที่ มกราคม 11, 2011, 11:48:37 AM
"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"
สงสัยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทราบเรื่อง "การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์"
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงกีฬาพวก ขว้างจักร ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน เป็นต้นครับ
มีอย่างที่ไหน "พุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"
มั่วและมั่ว ผมสอนฟิสิกส์มา10กว่าปี การเคลื่อนที่วิถีโค้ง(Projectile Motion)ระยะที่วัตถุจะตกไกลที่สุดเมื่อไม่คิดแรงต้านของอากาศจะเป็นไปตามสมการ R=V
2
sin2มุม/g นั้นคือค่า(Sin2มุม)จะมีค่ามากที่สุดคือ1 หาอินเวิร์สออกมาแล้ว มุมที่ได้คือ45องศา นั้นคือต้องการยิงวัตถุให้ตกไกลที่สุด มุมยิงต้องมีค่าเท่า 45 องศากับแนวระดับ..นักวิชาการจากสถาบันไหนนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น สมควรทำอย่างในรูป จะได้สูญพันธุ์จากประเทศนี้ซะที หุหุ
เอ ผมอ่านในกระทู้ของเว็ปเรานี่แหล่ะ ท่านผู้รู้ของเราเคยกล่าวใว้ว่า (ขออภัยผมจำนามของท่านไม่ได้) เมื่อยิงทำมุม 45 องศา ไปได้ไม่ไกลเท่า ยิงทำมุม 30 องศาเนื่องจาก ลูกกระสุนจะถูกดึงต่ำลงจากแรงโน้มถ่วงของโลก และแรงต้านอากาศครับ
บันทึกการเข้า
"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
Marcuechio
Full Member
คะแนน 23
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 419
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #61 เมื่อ:
มกราคม 12, 2011, 06:14:22 PM »
อ้างจาก: Ro@d - รักในหลวง ที่ มกราคม 12, 2011, 08:57:00 AM
อ้างจาก: เอ.เค. ที่ มกราคม 12, 2011, 07:59:04 AM
อ้างจาก: Ro@d - รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 09:35:39 AM
กระสุนที่ตกในแนวดิ่ง ที่ขึ้นจากพื้น อย่างหัวกระสุน เมือหมดความเร็ว จักถูกแรงงดึงดูด ดึงมา ไม่มีวิถี และจะมีอัตราความเร็ว คงที่ ที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที
ขออนุญาตครับ จากหลักฟิสิกส์
ความเร็วปลาย = ความเร็วต้น + (ความเร่ง x เวลา)
(V = U + at)
เมื่อยิงปืนขึ้นฟ้าไปจนหมดแรงส่งแล้วหัวกระสุนเริ่มวกกลับตามแรงดึงดูดโลก
ณ จุดนั้น ความเร็วต้น (U) = 0 ม./วินาที
โดยมีความเร่ง (a) = 9.81 ม./วินาที^2 ตามแรงดึงดูดโลก(g)
ดังนั้นความเร็วปลาย(V) จึงแปรผันตามระยะเวลาที่หัวกระสุนลอยอยู่ในอากาศครับ
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่หัวกระสุนลอยขึ้นไปนั่นเอง ยิ่งลอยขึ้นไปสูงยิ่งมีความเร็วที่จุดตกสูง
ทีนี้มาดูแรงที่กระทบ จากสูตร P = MV
P = แรง
M = มวล(น้ำหนัก)
V = ความเร็ว
ก็ลองคำนวณดูครับว่ากระสุนขนาดใดจะตกกระทบเป้าหมายได้แรงกว่ากัน
และเมื่อหัวกระสุนกระทบเป้าหมายแล้ว ลองดูพื้นที่หน้าตัดที่รับแรงด้วยว่าพื้นที่หน้าตัดที่รับแรง ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของหัวกระสุน
ถ้าสัมผัสเต็มหน้าตัดกระสุน ยิ่งพื้นที่หน้าตัดมาก ก็จะกระจายแรงได้มาก (แต่ผมว่าพื้นที่หน้าตัดมันต่างกันนิดเดียว น่าจะมีผลกระทบน้อย)
แล้วก็มาดูวัตถุที่ถูกกระทบว่าสามารถรับแรงได้แค่ไหน กี่ ksc. เป็นต้น
นอกเรื่องมาไกล ขออภัย
ปล. ผมเคยเห็นคุณวิช7สี เป็นสมาชิกอยู่ ไม่ทราบจำผิดหรือเปล่า ถ้าไม่ผิด รบกวนแจ้งฝ่ายข่าวให้ทำความเข้าใจกับอาวุธสงครามให้ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
แต่ตรงที่ผมแถบสี อยากให้ทบทวนตรงนี้ นิดนึง ครับ.
จากเว็ปปืน กลายมาเป็นเว็ป สอน ฟิสิกส์ ซะแล้ว ฮ่าๆ
บันทึกการเข้า
cz_dee *รักในหลวง
Sr. Member
คะแนน 236
ออฟไลน์
กระทู้: 893
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #62 เมื่อ:
มกราคม 12, 2011, 08:34:27 PM »
ผมอยากมีอาวุธสงครามจัง
บันทึกการเข้า
Sutt
Full Member
คะแนน 7
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 119
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #63 เมื่อ:
มกราคม 13, 2011, 03:56:24 PM »
ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ แต่เป็นความเห็นที่แตกต่างออกไปบ้าง ผิดถูกช่วยชี้แนะด้วยครับ
- จากการพิจารณา ขีปนวิถีจริงจะมีแรงต้านอากาศ(drag force) มาเกี่ยวด้วย ซึ่งแรงดังกล่าวแปรตามลักษณะกายภาพของหัวกระสุน (drag coefficient; Cd) ความหนาแน่นของอากาศ และความเร็ว (relative velocity) ยกกำลังสอง
- หมายความว่ายิ่งความเร็วสูงจะเจอกับแรงต้านมากทวีคูณ(ยกกำลังสอง)
แต่หลังจากความเร็วลดลงแรงนี้จะลดตาม
- แรงนี้เองจะทำให้ความเร็วในแนวระนาบ(และแนวดิ่ว)ลดลงอย่างรวดเร็ว (F=ma)
1. หาก Cd และ air density กับมีเวลามากพอ จะทำให้ความเร็วในแนวราบเหลือน้อยมาก ซึ่งอาจทำให้หัวกระสุนตกลงมาใกล้เคียงแนวดิ่ง
??!!?!
2. สำหรับแนวดิ่งจริงในช่วงตกลงมา หัวกระสุนจะเพิ่มความเร็วขึ้นจนถึงความเร็วหนึ่ง terminal Velocity ซึ่งเป็นจุดสมดุลที่ drag force เท่ากับ แรงโน้มถ่วงของโลก แล้วจะตกลงมาด้วยความเร็วคงที่ค่าหนึ่ง (ขึ้นกับ drag force และน้ำหนักหัวกระสุน)
จึงมีความเห็นว่า
มีความ
เป็นไปได้
ที่หัวกระสุน
(ที่มี Cd มากพอ)
จะตกลงมาใกล้เคียงกับแนวดิ่งในเกือบทุกมุมยิง
ลองขยำกระดาษเป็นก้อนหลวมๆแล้วขว้าง ตอนตกจะตกเกือบจะเป็นแนวดิ่ง
หมายเหตุ : ผมลองพยายามคำนวณให้ได้ค่าออกมาทำได้ยากมากเนื่องจาก แรงเปลี่ยนแปลงตลอด ทำให้ ความเร่งเปลี่ยนในจุดต่อจุด ต้องใช้วิธีแก้สมการเชิงอนุพันธ์
ซึ่งผมส่งกลับคืนอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว
แหะ แหะ ลืมไปแล้ว ครับ
แต่ผมไม่ใช่"ผู้ชำนาญการ" คนนั้นนะครับ
บันทึกการเข้า
Rath72 รักในหลวง
Full Member
คะแนน 68
ออฟไลน์
กระทู้: 341
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #64 เมื่อ:
มกราคม 14, 2011, 02:45:27 PM »
ใบป.4 ของผมระบุว่า อนุญาตให้มี .45 ไว้ เพื่อการกีฬา
แสดงว่านายทะเบียนบ้านเราใจถึงมาก อนุญาตให้ชาวบ้านเอาอาวุธสงครามไปเล่นกีฬา
บันทึกการเข้า
iamjass
Jr. Member
คะแนน 5
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 67
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #65 เมื่อ:
มกราคม 14, 2011, 03:33:26 PM »
11 จ้า เจ้าห่างไกลข้าออกไปทุกที T..T
บันทึกการเข้า
kwanpun
Newbie
คะแนน 2
ออฟไลน์
กระทู้: 18
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #66 เมื่อ:
มกราคม 14, 2011, 08:46:56 PM »
แล้ว barratta 92 fs ramington 870 ที่ สหรัฐใช้ในสมรถูมิเข้าข่ายหมดเลย ประชาชนเซ็งครับนาย..........
บันทึกการเข้า
มะนาวโห่(ฮิ้ว)
Sr. Member
คะแนน 35
ออฟไลน์
กระทู้: 687
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #67 เมื่อ:
มกราคม 14, 2011, 11:19:17 PM »
อ้างจาก: JoeyTank2k ที่ มกราคม 10, 2011, 10:42:57 PM
ผู้เชี่ยวชาญจริงหรือเปล่า??? มุม 60 องศา หลักฟิสิกส์ก็ตกแล้ว
.
+1 เอาใจไปเลยคร๊าบ
บันทึกการเข้า
Ultraman Taro #รักในหลวง#
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 195
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1624
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #68 เมื่อ:
มกราคม 14, 2011, 11:24:26 PM »
ผู้เชี่ยวชาญด้านการมั่ว
บันทึกการเข้า
"อย่าแก่เพราะกินข้าว อย่าเฒ่าเพราะอยู่นาน"
โบราณว่า อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา ใจเย็นเข้าไว้
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
คะแนน 534
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 6303
If you heard my shot. You were not the target.
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #69 เมื่อ:
มกราคม 14, 2011, 11:45:08 PM »
จ้า... บอกว่า 60 ก็ 60 ซิ.... จะมาเถียงผู้ชำนาญการเรื่องอาวุธปืนได้เยี่ยงไร..........
......... ปืน 11 มอมอ..เป็นอาวุธสงครามนะ ตำรวจขอมา ผมยังไม่กล้าอนุญาโตตุลาการเลย..เอ้ย อนุญาตเลย...
...... ก่อนออกจากห้อง บริจาคค่าซ่อมประตูหน่อยนะ ขวิดซะวงกบหลุดไปเลย.........
บันทึกการเข้า
Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
rung
Full Member
คะแนน 7
ออฟไลน์
กระทู้: 226
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #70 เมื่อ:
มกราคม 16, 2011, 11:20:56 PM »
ไม่มีความรู้ด้านฟิสิกส์เลยครับ อยากทราบว่ากระสุน.45 ซึ่งความเร็วปกติ
ประมาณ8-900 ฟุต/วินาที ถ้ายิงทำมุม 90 องศา หรือ 60 หรือ30 องศา
ความเร็วของกระสุนตกจากการยิงขึ้นฟ้าจะเหลือ กี่ฟุต/วินาที ครับ
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 4088
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 20186
1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #71 เมื่อ:
มกราคม 17, 2011, 11:32:13 AM »
อ้างจาก: rung ที่ มกราคม 16, 2011, 11:20:56 PM
ไม่มีความรู้ด้านฟิสิกส์เลยครับ อยากทราบว่ากระสุน.45 ซึ่งความเร็วปกติ
ประมาณ8-900 ฟุต/วินาที ถ้ายิงทำมุม 90 องศา หรือ 60 หรือ30 องศา
ความเร็วของกระสุนตกจากการยิงขึ้นฟ้าจะเหลือ กี่ฟุต/วินาที ครับ
ในมุม ๙๐ องศา ความเร็วของวัตถุที่ตกสู่พื้นโลก ถ้าเพราะเแรงดึงดูดเพียงอย่างเดียว จะมีอากาศเป็นตัวต้านความเร็ว เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง
จะัมีความเร็วที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที.. ไม่เร็วไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่ใช่ ยิ่งสูง ยิ่งเร็ว ครับ ..
อันตรายจึงขึ้นอยู่กับ ขนาด และ้ำน้ำหนัก หรือลักษณะของวัตถุที่ตกใส่ แหลม แบน ทู่
ส่วนในมุมทะแยง จะกีองศาใดก็ตาม กระสุนไปด้วยความเร็วของแก๊สจากดินปืน เมื่อความเร็วลดลง เพราะอากาศต้าน ใกล้-ไกล จึงผกผันกับแรงดึงดูด
เส้นทางจะไปแบบวิถีโค้ง ขณะตกถึงพื้นดิน ที่ืเรียกว่าตำบลกระสุนตก จึงยังมีความเร็ว และมีวิถีเป็นของตนเอง เพียงแต่สู้แรงดึงดูดที่โน้มลงมาไม่ได้
หัวกระสุนจึงทิ่มลงพื้น ซะก่อน ที่จะหมดความเร็ว
ฉะนั้น อะไรมาขวาง ย่อมได้รับอันตราย เจ็บ-ตาย ได้แน่นอน ครับ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 17, 2011, 11:34:04 AM โดย Ro@d - รักในหลวง
»
บันทึกการเข้า
"อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด"
http://www.youtube.com/watch?v=yQpbyEnHqSM
http://www.youtube.com/watch?v=s4I8Lsv37Fo&
http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=100748
.
songchai_n
Sr. Member
คะแนน 34
ออฟไลน์
กระทู้: 501
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #72 เมื่อ:
มกราคม 17, 2011, 10:35:59 PM »
โอ เรามีอาวุธสงครามในครอบครองด้วยหรือนี่ กำเลยตู
งั้นเวลายึดคืนผมขอ อาวุธสำหรับประชาชน .44 เก็บไว้นะครับนาย
บันทึกการเข้า
D-LUFFY
Jr. Member
คะแนน 3
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50
จะเป็นคนอยู่ได้อย่างไร ถ้าไม่ทำให้โลกดีกว่าเดิม..
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #73 เมื่อ:
มกราคม 18, 2011, 10:39:22 AM »
ผมไม่เชี่ยวชาญเรื่องคำนวนครับแต่มีเรื่องความเร็วของกระสุนมาให้คำนวนครับ
หากถามผู้ใช้อาวุธปืนไม่ว่าจะเป็นการยิงเพื่อการกีฬา หรือเพื่อการป้องกันตัวว่า"กระสุนในดวงใจ"ของแต่ละคนนั้นคือขนาดใด ให้เลือกมา 2 คำตอบ เชื่อว่ากว่า 99 เปอร์เซ็นต์จะต้องมีกระสุนขนาด .45 เอซีพี อยู่ในคำตอบนั้นด้วย เป็นขนาดกระสุนที่นักนิยมปืนเกือบทุกคนพยายามเหลือเกินที่จะแสวงหามาไว้ในครอบครองอย่างน้อยก็สักกระบอกหนึ่ง กระสุนขนาดนี้มีอานุภาพแค่ไหน? ทำไมทุกคนถึงอยากได้ไว้ในครอบครอง ยังมีความเร้นลับและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระสุนขนาดนี้อีกมากมาย อะไรคือข้อเท็จจริง...ต่อไปนี้คือคำตอบ
กระสุนที่มีหน้าตัดขนาด .45 นิ้วถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ็คชั่น อาร์มี่ เอ็ม 1873 หรือที่รู้จักกันดีในอีกชื่อหนึ่งว่าโค้ลท์ พี๊ซเมคเก้อร์(Colt Peacer Maker)ผลงานของแซมมวล โค้ลท์(Samuel Colt)ชาวสหรัฐฯซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่างปีค.ศ. 1814-1862 เรียกว่า .45 ลองโค้ลท์ เป็นแบบมีขอบหรือ"ริมเมด"(Rimmed)ออกแบบขึ้นมาในปีค.ศ. 1872 น้ำหนักหัวกระสุน 250 เกรน ความเร็วต้น 860 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 420 ฟุต/ปอนด์ ยุคแรกใช้ดินขับแบบดินดำหรือ"แบล็ค เพาเด้อร์"(Black Powder) ก่อนเปลี่ยนมาเป็นดินขับไนโตร(Nitro-powder)
ในปีค.ศ.1900 กองทัพบกสหรัฐฯก็ปลดประจำการเอ็ม 1973 นำโค้ลท์ ดับเบิ้ล แอ็คชั่น .38 ลองโค้ลท์เข้าประจำการแทน เนื่องจากมีความเห็นว่าเป็นปืนที่มีน้ำหนักมาก การบรรจุและการคายปลอกกระสุนเชื่องช้าไม่ทันต่อการต่อสู้ แต่ในปีเดียวกันนั้นกองทัพบกสหรัฐฯก็ได้รับบทเรียนอันเจ็บปวด และกลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญยิ่งของโลกอาวุธปืน กันยายน 1900 พันตรีโรเบิร์ต บุลลาดนำเรือแคนนูขนาดเล็ก เข้าเกยชายหาดทะเลสาบลันโนของฟิลิปปินส์ ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นนักรบของพวกกบฏโมโร ที่ดักซุ่มรออยู่ในพุ่มไม้ห่างออกไปราว 20 หลาก็พุ่งทะยานเข้าหาพร้อมด้วยดาบโบโล่ที่คมกริบ พันตรีบุลลาดใช้โค้ลท์ ดับเบิ้ล แอ็คชั่น .38 ลองโค้ลท์ยิงสวนออกไป กระสุนจับเข้าที่ร่างของนักรบโมโรนัดแล้วนัดเล่า แต่ไม่อาจหยุดอีกฝ่ายหนึ่งได้ จนกระทั่งเขาระเบิดกระสุนนัดสุดท้ายออกไป นักรบผู้นั้นจึงทรุดยวบลงพร้อม ๆ กับที่เขาถึงตัวเขา นายทหารหนุ่มฟาดปืนในมือลงบนหัวอย่างไม่นับ จนฝ่ายตรงข้ามนิ่งเงียบไป เมื่อพลิกศพขึ้นดูก็พบว่ากระสุน.38 ทั้ง 6 นัดจับเข้าที่กลางทรวงอกอันเป็นจุดตายทั้งสิ้น แต่อานุภาพของกระสุนไม่สามารถจะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็พบว่า นักรบบ้าเลือดผู้นั้นเสียชีวิตเพราะถูกทุบจนกระโหลกร้าว ทำให้เชื่อว่าลำพังอำนาจของกระสุน.38 คงไม่ทำให้นักรบหนุ่มเสียชีวิตเร็วอย่างนั้น 28 กันยายน 1900 กองพันทหารราบที่ 9 ของสหรัฐฯจำนวนกว่า 200 นายที่ส่งไปประจำการอยู่ที่ ตำบลบาลังกีกาของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ เพื่อทำการปราบ"กลุ่มกบฏโมโร" โดยมีอาวุธหลักประกอบด้วยไรเฟิ่ลแคร๊กขนาด .30-40และปืนรีวอลเว่อร์โค้ลท์ ดับเบิ้ล แอ็คชั่น .38 ลองโค้ลท์ ถูกพวกกบฏที่มีเพียง"ดาบโบโล่"บุกเข้าสังหารเสียชีวิตเกือบกองพัน เหลือเอาชีวิตรอดมาได้เพียงแค่ 28 คน มีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ! ทำให้สหรัฐฯต้องนำโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ็คชั่น อาร์มี่ .45 ลองโค้ลท์ที่ปลดไปแล้วกลับเข้าประจำการอีกครั้ง พร้อมกับให้บริษัทโค้ลท์ผลิตรีวอลเว่อร์ดับเบิ้ล แอ็คชั่นโค้ลท์ นิวเซอร์วิส .45 ลองโค้ลท์เพิ่มอีก 5,000 กระบอกเพื่อส่งเข้าไปที่ฟิลิปปินส์ บทเรียนราคาแพงในครั้งนั้น กองทัพบกจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อค้นคว้าเรื่องอำนาจหยุดยั้งของกระสุนปืนสั้นขึ้นในปีค.ศ. 1904 ทำการค้นคว้าและทดสอบกระสุนตั้งแต่ .30 นิ้วขึ้นไปจนถึง .476 นิ้ว มีน้ำหนักหัวกระสุนตั้งแต่ 93 เกรนไปจนถึง 288 เกรน ความเร็วต้นตั้งแต่ 700 ฟุต/วินาทีถึง 1,420 ฟุต/วินาที ประกอบด้วยหัวกระสุนที่ใช้โลหะแตกต่างกันทั้งตะกั่วล้วน, ตะกั่วหุ้มเปลือกแข็ง ตลอดไปจนถึงรูปแบบต่าง ๆ ของหัวกระสุนเช่น หัวมนหรือราวด์โน๊ส(Round Nose)และหัวรูหรือ ฮอลโล่ว์ พ๊อยท์(Hollow Point) ทดสอบด้วยการยิงเป้าหมายที่มีชีวิตจริงได้แก่วัว 16 ตัว ม้า 2 ตัว รวมไปถึงศพของมนุษย์ที่ใช้ในการศึกษาทางการแพทย์อีกจำนวนมาก เพื่อดูผลอำนาจการทำลายล้างของกระสุนแต่ละขนาด ผลสรุปออกมาว่า...กระสุนปืนสั้นที่ให้อำนาจหยุดยั้งที่น่าเชื่อถือได้ต้องมีหน้าตัดไม่ต่ำกว่า .45 นิ้ว ในปีค.ศ. 1902 กองทัพบกสหรัฐฯจึงให้เบราว์นิ่งก์พัฒนาปืนพกกึ่งอัตโนมัติโค้ลท์ เอ็ม 1902 ขนาด .38 ที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1900 เพื่อให้ใช้กระสุนที่มีหน้าตัด .45 นิ้ว
กำเนิด.45 เอซีพี ในปีค.ศ. 1905 จอห์น โมเสส เบราว์นิ่งก์และบริษัทโค้ลท์ ไฟร์อาร์มส์(Colt Firearms)พัฒนาปืนออโต้ฯของโค้ลท์ เอ็ม 1905 ออกมาใช้กระสุนขนาด .45 ก่อนพัฒนาเป็นเอ็ม 1911 เรียกกระสุนที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ว่า... ".45 เอซีพี"( ACP= Automatic Colt Pistol) กระสุนมาตรฐานมีน้ำหนักหัวกระสุน 230 เกรน ยิงจากลำกล้องทดสอบ 5 นิ้วได้ความเร็วต้น 850 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 369 ฟุต/ปอนด์ โค้ลท์ เอ็ม 1911-เอ1และกระสุน .45 เอซีพี ผ่านสงครามใหญ่ ๆ มาแล้วอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1, ครั้งที่ 2, สงครามเกาหลีมาจนถึงสงครามเวียตนาม ก่อนถูกปลดในปี 1988 หลังจากที่รับใช้บรรดาจีไอมายาวนานถึง 77 ปี การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้มองกันว่ากระสุน.45 เอซีพี ได้เดินทางมาถึงวันสุดท้ายแล้ว สาเหตุที่แท้จริงก็เพื่อความสะดวกในการส่งกำลังบำรุง เนื่องจากประเทศในกลุ่มนาโต้ หรือนอร์ธ แอ็ตแลนติก ทรีตตี้ ออร์แกนไนเซชั่น(North Atlantic Treaty Organization) ใช้กระสุน 9 มม.พาราฯ ซึ่งได้เปรียบในเรื่องวิถีที่ราบเรียบกว่าและน้ำหนักของกระสุนที่น้อยกว่า ทำให้ทหารสามารถนำพากระสุน 9 มม.พาราฯติดตัวไปได้มากกว่าในน้ำหนักรวมที่เท่ากัน แต่นักยิงปืนที่ศึกษาในเรื่องอำนาจหยุดยั้งอย่างจริงจัง ทั้งในอเมริกาเองและในประเทศไทย ยังคงเชื่อมั่นในอำนาจหยุดยั้งของกระสุน .45 เอซีพีอย่างไม่เสื่อมคลาย พล.อ.จูเลี่ยน แฮ๊ทเช่อร์(Julain Hatcher) ติดตามผลการทดลองปีค.ศ. 1904 มาตลอดตั้งสูตรคำนวณหา"อำนาจทำลายสัมพันธ์"หรือ"อาร์เอสที"((Relative Stopping Power)ระบุว่า... "อำนาจทำลายของกระสุนปืนขึ้นตรงเป็นอัตราส่วนกับโมเม้นตั้มของหัวกระสุน และพื้นที่หน้าตัดของกระสุน ตลอดจนรูปลักษณะของหัวกระสุน
ได้มาจากผุรู้ครับ
บันทึกการเข้า
อำนาจทีแท้จริงอยู่ที่ไหน........คงอยู่ที่ปลายปืนและการประท้วง
D-LUFFY
Jr. Member
คะแนน 3
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50
จะเป็นคนอยู่ได้อย่างไร ถ้าไม่ทำให้โลกดีกว่าเดิม..
Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
«
ตอบ #74 เมื่อ:
มกราคม 18, 2011, 10:46:22 AM »
ต่อให้อีกนิดนะครับ
พล.อ.จูเลี่ยน แฮ๊ทเช่อร์สรุปว่า...กระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งเชื่อถือได้ ต้องมีอำนาจทำลายสัมพันธ์ไม่ต่ำกว่า 50 หน่วย ส่วนกระสุนที่พอใช้ป้องกันตัวได้ต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า 30 หน่วย เทาเซ่น เวเลนและจอมปืนอย่างเอลเม่อร์ คี๊ธซึ่งล้วนแต่เป็นปรมาจารย์ของอาวุธปืนสั้น ก็ตั้งทฤษฎีเอาไว้ตรงกันว่า กระสุนปืนที่มีอำนาจหยุดยั้งมนุษย์ได้ดีที่สุด คือกระสุนที่มีความเร็วพอประมาณ แต่ต้องมีหน้าตัดที่โตและต้องมีน้ำหนักมาก ขณะเดียวกับที่พ.อ.นายแพทย์มาร์ติน แฟ๊คเล่อร์(Martine Faclor)แห่งกองทัพบกสหรัฐฯก็ระบุว่า... "รูกระสุนที่ใหญ่กว่าและลึกกว่าจะทำให้สูญเสียโลหิตในปริมาณมาก ส่งผลให้ข้าศึกหมดสมรรถภาพในการสู้รบอย่างรวดเร็ว" ด้วยขนาดของหน้าตัด, น้ำหนักหัวกระสุนและความเร็วที่มีความสัมพันธ์กันได้อย่างลงตัว ถือเป็น"ความบังเอิญ"ทางเทคนิค นอกเหนือไปจากอำนาจหยุดยั้งอันศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีความแม่นยำสูงกว่ากระสุนปืนสั้นขนาดอื่น ๆ โดยเฉพาะในระยะไม่เกิน 25 เมตร ปัจจุบันผู้ผลิตกระสุนได้พยายามออกแบบหัวกระสุน ให้มีคุณสมบัติในการทำลายล้างและหยุดยั้งให้ดีขึ้นกว่ากระสุนหัวบอลเคลือบเปลือกแข็งที่ใช้กันมานาน กระสุนที่ให้อำนาจหยุดยั้งได้ดีก็คือ กระสุนหัวรูซึ่งเมื่อกระทบเป้าหมายหัวกระสุนไว้จะฉีกและแบะบานออก เพิ่มขนาดของหน้าตัดให้ใหญ่ขึ้นกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จาก .45 นิ้วจะเพิ่มขึ้นเป็น .60-.61 นิ้วสร้างความยับเยินให้กับบาดแผลมากขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลจากเหตุการณ์ที่ยิงกันจริง ๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยอีวาล พี. มาร์แชล ตั้งแต่ปีค.ศ. 1971-1996 พบว่า กระสุนเฟดเดอรัล หัวรูแบบไฮดร้าช็อค 230 เกรน ให้อำนาจหยุดยั้งดีที่สุด จากการยิงกันจริงด้วยกระสุนชนิดนี้จำนวน 67 กรณี ผลปรากฏว่าเป็นการยิง"ชนิดโป้งเดียวจอด"สูงถึง 62 ครั้งหรือร้อยละ 93
.45เอซีพี ปะทะ .357 แม็กนั่ม "คู่กัด"ที่มีความสมน้ำสมเนื้อและมักถูกนำมาเปรียบเทียบกับกระสุน .45 เอซีพีมากที่สุดคือ.357 แม็กนั่มซึ่งเป็นกระสุนยอดฮิตที่ใช้ในปืนรีวอลเว่อร์ กระสุนมาตรฐานของ .357 แม็กนั่มมีน้ำหนักหัวกระสุน 158 เกรน ความเร็วต้น 1,235 ฟุต/วินาที ให้แรงปะทะต้น 535 ฟุต/ปอนด์ เมื่อนำเอามาเปรียบเทียบกันจะพบว่า .45 เอซีพีหนักกว่าถึง 72 เกรน มีหน้าตัดใหญ่กว่า 0.10 นิ้วหรือ 2 มิลลิเมตร แต่ .357 แม็กนั่มให้ความเร็วต้นกว่า 385 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้นมากกว่า 166 ฟุต/ปอนด์ จากตัวเลขดังกล่าวกระสุน.357 แม็กนั่มจะดู"เหนือชั้นกว่า" แต่การจะตัดสินชี้ขาดลงไปว่า กระสุนขนาดใดมีอำนาจเหนือกว่านั้น ต้องพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอำนาจหยุดยั้งของกระสุนนั้นแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ ๆ คือ 1. อำนาจหยุดยั้ง หรือ สต็อปปิ้ง เพาเว่อร์ (Stopping Power) 2. อำนาจสังหาร หรือ คีลลิ่ง เพาเว่อร์ (Killing Power) กระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งสูงไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีอำนาจสังหารสูงตามไปด้วย ขณะเดียวกันกระสุนที่มีอำนาจสังหารสูง ก็ไม่ได้หมายความว่า มีอำนาจหยุดยั้งสูงด้วยเช่นเดียวกัน กระสุน .357 แม็กนั่มมีคีลลิ่ง เพาเว่อร์สูง แต่หัวกระสุนที่มีความเร็วสูงนั้นคมเกินไป เมื่อเจาะผ่านร่างกายของเป้าหมายหากไม่ถูกกระดูกขนาดใหญ่แล้วมักจะทะลุผ่าน พร้อมกับสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้เกิดขึ้น ซึ่งหากไม่จับเข้าจุดสำคัญจริง ๆ จะไม่สามารถหยุดหรือคว่ำคู่ต่อสู้ลงได้ในทันที หัวกระสุนจะถ่ายพลังงานเข้าใส่เป้าหมายได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น บางครั้งไม่ถึงครึ่งของพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ ผู้ที่ถูกยิงจะเกิดอาการชาและสามารถใช้อาวุธยิงตอบโต้สวนกลับมาได้ .357 แม็กนั่มจึงเป็นกระสุนที่มีคิลลิ่ง เพาเว่อร์สูง แต่มีสต็อปปิ้ง เพาเว่อร์ต่ำ ส่วนกระสุน.45 เอซีพีแม้มีความเร็วต่ำ แต่ด้วยน้ำหนักและหน้าตัดของหัวกระสุนที่สูง หัวกระสุนจึงมักไม่ทะลุผ่านเป้าหมาย เตลิดเปิดเปิงไปทำอันตรายผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยและสามารถถ่ายทอดพลังงานเข้าใส่เป้าหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมีสต็อปปิ้ง เพาเว่อร์สูงกว่า ทำให้คู่ต่อสู้หยุดปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวลงโดยสิ้นเชิง หมดโอกาสที่จะยิงสวนกลับออกมา ในการดวลกันระหว่าง.357 แม็กนั่มกับ.45 เอซีพี คนที่ถูกยิงด้วยกระสุน.357 แม็กนั่มนั้นตายแน่เนื่องจากบาดแผลที่ฉกรรจ์ แต่ยังมีโอกาสที่จะชักปืนของตนออกมายิงสวนกลับไปได้ ตรงข้ามผู้ที่ถูกยิงด้วยกระสุน .45 เอซีพีอาจไม่ถึงตาย แต่เมื่อถูกยิงเขาจะล้มลงในทันทีหยุดปฏิกิริยาที่จะตอบโต้ลงอย่างเฉียบพลัน ในการต่อสู้ระหว่างปืนกับปืน หลักการสำคัญที่สุดก็คือ จะต้องหยุดคู่ต่อสู้ให้ได้ด้วยกระสุนนัดแรก ตายหรือไม่ตายไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ต้องไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามยิงสวนกลับออกมา ดังนั้นกระสุน .45เอซีพีจึงได้รับความเชื่อถือมากกว่า จากประสบการณ์จริง เจฟฟ์ คูเป้อร์ ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านการต่อสู้และเป็นผู้ที่ใช้โค้ลท์ เอ็ม 1911-เอ1 .45 เอซีพีเป็นปืนคู่มือและก็เป็นผู้ที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว กล่าวว่า... เขาไม่สนใจกับทฤษฎีใหม่ ๆ เกี่ยวกับกระสุนปืน เขารู้แต่เพียงว่าในจำนวนคู่ต่อสู้ที่กระหายเลือดของเขา 20 คน ถูกเขายิงด้วย .45 ล้มคว่ำทันที 19 คน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เสีย ชีวิตทันที เขามีความเชื่อมั่นในกระสุนขนาด .45 เอซีพีมากกว่ากระสุนยุคใหม่ ๆ และประเมินว่าเป็นกระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งระหว่าง 85-92 เปอร์เซ็นต์ ชั๊ค เทเล่อร์ซึ่งเป็นตำรวจมือปราบอีกรายและเป็นเจ้าของสถาบันสอนการยิงปืนอันโด่งดังคือธันเด้อร์ แร๊นช์กล่าวยืนยันความคิดเห็นของเจฟฟ์ คูเป้อร์ว่า... จากการที่เขาดวลปืนกับคนร้ายจำนวน 5 ราย ใน 5 พฤติการณ์ ทั้งหมดถูกหยุดด้วยโค้ลท์ เอ็ม 1911-เอ1 กระสุนขนาด .45 เอซีพีแบบหัวบอล 230 เกรนที่ใช้ในราชการ แต่ละคนถูกเขายิงเพียงคนละ 1 นัดเท่านั้น ไม่มีใครสามารถยิงสวนตอบกลับมา หรือหนีรอดเขาไปได้เลยสักคนเดียว ทั้งหมดเสียชีวิตก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปถึงตัวเสียด้วยซ้ำ เทเล่อร์ยังกล่าวอีกด้วยว่า จากประสบการณ์ของเขา กระสุน .357 แม็กนั่มที่ยิงจากรีวอลเว่อร์ลำกล้อง 4 นิ้วเข้าที่กลางแผ่นอกของคนร้าย ปรากฏว่าคนร้ายยังสามารถวิ่งหนีไปได้ไกลถึง 60 หลาก่อนที่จะล้มลง แต่เขาเองก็ไม่กล้าชี้ขาดลงไปว่า กระสุน .357 แม็กนั่มด้อยอานุภาพในการหยุดยั้งคน ในบ้านเราก็มีผู้ที่มีประสบการณ์จริงเกี่ยวกับอำนาจหยุดยั้งของกระสุน .45 เอซีพีเช่นเดียวกัน
อ้างจากผู้ชี่ยวชาญเรื่องอาวุธปืนครับ
บันทึกการเข้า
อำนาจทีแท้จริงอยู่ที่ไหน........คงอยู่ที่ปลายปืนและการประท้วง
หน้า:
1
2
3
4
[
5
]
6
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
ศูนย์ข้อมูล อวป.
-----------------------------
=> ประกาศ
=> แจ้งข้อผิดพลาดของระบบเว็บ
-----------------------------
สนทนาภาษาปืน
-----------------------------
=> สนทนาภาษาปืน
===> THE DOUBLE GUN & RIFLE CONNOISSEUR
===> PHOENIX IPSC CLUB
===> Airguns Corner
===> IPSC THAILAND
===> IDPA THAILAND
=> หลังแนวยิง
===> ***รวมพลคนอีสานเด้อ**
===> ซึมเศร้าทีม
===> รวมพลคนภาคเหนือ
===> ห้องภาพ อวป.
=> กิจกรรมและการแข่งขัน
=> ทดสอบปืน
กำลังโหลด...