จริงครับพี่ เพื่อนของเพื่อนมั่ง คนรู้จักมั่ง ของผมหลายคนก็เสียคน ทั้งที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานันเทิงหรือร้านเหล้า อะไรเหล่านี้แม้แต่น้อยครับ บางคนก็ติดการพนัน ติดยา ผู้หญิงก็เสียเนื้อเสียตัว
แต่ตรงข้าม กลุ่มผม ที่ไปดื่มตามร้านเหล้าเป็นครั้งคราว (แต่อายุเกิน 18 กันทุกคนแล้วนะครับ) กลับไม่มีใครเลยที่มีพฤติกรรมที่เรียกได้ว่าเสียหาย ดื่มวันหยุด เฮฮากับเพื่อนๆ แล้วก็พักผ่อนไป วันต่อมาก็รับผิดชอบการงานการเรียนได้ ไม่มีใครตาย เพราะว่าเมาไม่ขับอยู่แล้ว ไม่มีใครเสียเนื้อเสียตัว ไปแว๊น ไปติดการพนันติดยา แม้แต่คนเดียว
มันก็คงมีบ้างมีแหละครับ เด็กที่เสียคนจากสถานบันเทิง แต่ผมว่าสถานบันเทิงไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาครับ และไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในการชี้นำเด็กไปสู่ทางที่เสื่อมหรือไม่ ผมว่าขึ้นอยู่กับจิตสำนึก ความคิด และสันดาน ซึ่งมาจากพื้นฐานของสถาบันครอบครัวมากกว่าครับ ว่าอบรมสั่งสอนมาอย่างไร


ถูกครับ แม่สถานบันเทิงเองจะเป้นหนึ่งในสิ่งยั่วยุก็จริง แต่แม้ห้ามเด็กเที่ยวได้ เด็กก็ยังมีทางอื่นอีกเยอะที่จำพาตัวเองไปสู่อบายมุกอื่น ๆ ทุกวันนี้ปัญหาหลัก ๆ เลยก็คือสาเสพติด การเข้าถึงสิ่งเสพติดไม่ใช่เรื่องยาก หรือแม้แต่สุราบุหรี่เอง ก็ไม่มีปัญหาที่เด็กจะหามาดื่มมาสูบได้ ผู้ใหญ่เห็นแก่ตัวหลายคนเป็นคนนำมาให้เสียด้วยซ้ำ

ที่สำคัญก็คือ ยาเสพติดทั้งหลาย เมื่อเวลาเสพ ก็ต้องอยู่ในที่ลับอยู่แล้ว แม้บ่อยครั้งที่จะมีการตรวจสถานบันเทิงและพบสิ่งเสพติด หรือพบนักเที่ยวที่มีสารเสพติดในร่างกาย แต่ที่ผมได้สัมผัสมาคือ มีเพียงน้อยนิดมากที่นำยาเสพติดมาเสพในสถานบันเทิงจริง ๆ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด เสพมาก่อนเข้าเที่ยว และกลับไปเสพหลังจากเที่ยว แล้วพวกเขาไปเสพที่ไหนกันล่ะ ก็ตามห้องพัก หอพัก โรงแรม คอนโด หรือบางครั้งก็บ้านของตัวเอง (ที่ไม่มีผู้ปกครองอยู่)

แล้วเด็กที่ไม่สามารถเข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงได้ล่ะ ก็เช่นเดียวกันตามห้องพักต่าง ๆ นี่คือสวรรค์เลย เขาไม่ได้ง้อที่จะต้องไปเที่ยวสถานบันเทิง ดีเสียอีกที่เงินจำนวนเท่ากันที่จะนำไปเที่ยว สามารถซื้อเหล้าบุหรี่ได้มากกว่า แถมยังจะเหลือเงินซื้อ "ของ" ได้มากขึ้นด้วย แล้วการที่ดันเขาเข้าไปอยู่ในที่ลับมากขึ้น แถวบ้านผมเรียก "เสร็จโจร" เพราะการตรวจตราตรวจสอบก็จะทำได้ลำบากขึ้น เพราะจะมีการกระจายในการลักลอบมั่วสุมเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วไป

ไม่ได้เข้าข้างหรือเห็นด้วยกับสถานบันเทิงนะครับ ซึ่งทุกวันนี้ก็รู้สึกดีระดับหนึ่งที่เห้นเด็กเที่ยวน้อยลง แต่ถึงขนาดว่าน้อยลงแต่ปัญหาต่าง ๆ ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่่างใด แถมเพิ่มมากขึ้นทุกวันเสียด้วยซ้ำ เพราะฉนั้น การห้ามเด็กเที่ยว การห้ามเขาออกจากบ้าน ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดเท่าไร และเห้นว่าในบางมุมจะเป้นการดันเด็กออกไปอยู่ที่ลับมากขึ้นเท่านั้น
