แล้วถ้ามองเรื่องรายได้ที่เข้ามาล่ะครับ ยังไงประเทศเราก็ต้องปลูกต้นไม้กันอยู่แล้ว ถ้าขายเครดิตได้ไม่ดีกว่าปลูกเฉย ๆ
แล้วรอเวลาตัดขายไม้อย่างหรือครับ คนปลูกยาง ปลูกปาล์มก็ต้องรอ ๒๕-๓๐ ปีอยู่แล้วกว่าจะโค่นแล้วปลูกใหม่
ได้เงินฟรี ๆ
๑ แสนบาท+/ไร่/ปี ไปฟรี ๆ มีรายได้เพิ่มเข้ามาน่าจะดีนะครับ หรือมีอย่างอื่นที่ผมไม่ทราบอีกครับ

นั่นเป็นรายได้ที่สูงกว่ารายได้จากยางหรือปาล์มที่ผลิตได้เลยนะครับ
ผมมองว่า มีอะไรซ่อนอยู่มากกว่านั้น เพียงแต่ผม อาจจะจุลภาคเกินไป เลยมองไม่ออก
น้าแฉ็ง ไม่ได้จุลภาคเกินไปมั้ยครับ
ลองดูดีๆในกระทู้นี้ ที่โพสต์กันมาก็พอได้คำตอบ
ผลกระทบจะตกอยู่กับภาคเกษตรก่อน พวกกลุ่มชาวนา หรือปศุสัตว์
ทำนาก็ก่อให้เกิดคาร์บอน เลี้ยงสัตว์ก็ก่อให้เกิดคาร์บอน เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องมี
คาร์บอน เครดิตด้วย เพราะคุณเป็นผู้ก่อให้เกิดคาร์บอนเหมือนกัน
ในขณะที่ทำคาร์บอน เครดิต ต้นทุนการผลิตข้าวหรือการเลี้ยงสัตว์ ก็จะเพิ่มขึ้น
โอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติก็จะลดลง ประเทศผู้ซื้อก็มีเรื่องการตั้งแง่เรื่องคาร์บอน
เครดิต เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเจรจา
ทุกวันนี้ชาวนาทำนา รัฐบาลยังต้องมาช่วยประกันราคา จำนำข้าว แล้วแต่จะคิดกันมา
เพื่อให้โรงสีรวย....
ถ้าเกิดเมืองไทยต้องมีการซื้อคาร์บอน เครดิต รัฐบาลก็ยิ้มแก้มตุ่ย เพราะชาวนาไทย ไม่รู้เรื่อง
ต้องลงไปช่วย ดึงงบประมาณกันมาช่วยชาวนา สัตวบาลซื้อคาร์บอน เครดิต

เห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้วนะครับ

(ไม่อยากดึงเข้าหาการเมือง แต่ว่ามันเกี่ยวกันจริงๆนะ ขออภัยผู้ตั้งกระทู้ด้วย

)