ข่าวจากไทยรัฐวันนี้อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ

ช่วยเหลือดญ.14 ขี้เมาข่มขืน ท้อง-ร.ร.ไล่ออก

สังเวช ด.ญ.อายุแค่ 14 ปี แต่ชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็น หลังถูกขี้เมาบุกบ้านข่มขืนจนมีลูก ซ้ำโดนถ่ายคลิปไว้ข่มขู่-แบล็กเมล์ เคราะห์ร้ายถูกโรงเรียนไล่ออก เดือดร้อนยายต้องรับไปดูแลเนื่องจากแม่พิการปัญญาอ่อนแต่กำเนิด...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มี.ค. นายอุดม คำอุดม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุโขทัย พร้อมด้วย นางกมลพร ปาลวิสุทธิ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม อบต.หนองอ้อ และคณะ เดินทางไปยังบ้านไม่มีเลขที่ใน ต.หนองอ้อ หลังรับแจ้งมีครอบครัว 2 แม่ลูกชีวิตรันทด เบื้องต้นทราบว่า แม่อายุ 39 ปี ซึ่งพิการปัญญาอ่อน มีอาชีพรับจ้างเผาถ่านเลี้ยงลูกสาวอายุ 14 ปี ซึ่งถูกคนร้ายข่มขืนจนท้องและถ่ายคลิปวิดีโอไว้ข่มขู่

โดยบ้านของสองแม่ลูกเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กๆ สภาพซอมซ่อ โดยผู้เป็นแม่อยู่ตามลำพัง ส่วนลูกสาวไปอยู่บ้านญาติใกล้ๆ กัน เพื่อความสะดวกหลังจากเพิ่งคลอดลูกชายอายุ 26 วัน จึงตามไปตรวจสอบ

ยายของ ด.ญ.วัย 14 และเป็นเจ้าของบ้านให้ข้อมูลโดยอ้างว่า ลูกสาวตน หรือแม่ของ ด.ญ.วัย 14 ได้พิการปัญญาอ่อนมาตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาเคยมีสามี แต่เสียชีวิตหลายปีแล้ว มีอาชีพรับจ้างเผาถ่านให้เพื่อนบ้านรายได้ไม่แน่นอน ขณะที่ อบต. จ่ายเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาท ส่วน ด.ญ. วัย 14 เป็นหลานคนเดียว ก่อนหน้านี้เรียนอยู่ชั้น ม.2 แต่หลังเกิดเรื่องถูกให้ออก โดยยายของ ด.ญ.เล่าว่า เมื่อประมาณเดือน พ.ค. 2553 นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ได้ตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนอยู่ใกล้ๆ บ้าน ขณะที่ ด.ญ.วัย 14 อยู่คนเดียวเนื่องจากแม่ไปรับจ้างเผาถ่าน ก่อนบุกข่มขืนและใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ข่มขู่แบล็กเมล์ และข่มขืนอีกหลายครั้ง เมื่อตนรู้เรื่องจึงพา ด.ญ.วัย 14 เข้าแจ้งความ ล่าสุด ศาลตัดสินจำคุกนายเอ 7 ปี 5เดือน

"สงสารหลานสาวมาก จากเดิมเป็นเด็กร่าเริง เรียนหนังสือเก่ง ได้เกรด 3-4 ตลอด แต่หลังเกิดเรื่องกลายเป็นเด็กซึมเศร้า เหม่อลอย แถมยังถูกโรงเรียนให้ออก ส่วนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแทบไม่มี ลำพังเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท และรายได้ของแม่คงไม่พอ จึงพามาอยู่ด้วย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะก็ต้องอาศัยลูก ซึ่งทำงานอยู่ต่างจังหวัดส่งเงินมาให้" ยายของ ด.ญ.เคราะห์ร้ายกล่าว

ด้านนายอุดม กล่าวว่า เบื้องต้นได้เตรียมเงินช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน 2,000 บาท ส่วนในระยะยาวจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาฟื้นฟูสภาพจิตใจ ด.ญ.วัย 14 และดำเนินการให้ได้เรียนต่อ ขณะที่นางกมลพร กล่าวว่า กล่าวว่า ขณะนี้ อบต.ได้เร่งให้ผู้นำชุมชนทำเรื่องแจ้งตามระเบียบการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งพร้อมดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่.
อีกข่าวก็นรกสั่งมันมาเกิดแท้ๆ
รวบ3โฉดทรชนโทรมเมียต่อหน้าผัว-ล่าอีก1

4 ทรชนโหดบุกปล้น 2 ผัวเมียพม่า ใช้ด้ามปืนทุบหัวผัวสลบแล้วลากเมียที่แอบอยู่ใต้เตียงไปเรียงคิวข่มขืนในป่า ละเมาะต่อหน้าผัวที่ฟื้นมาเห็น ไม่หนำใช้สันมีดตีหัวเมียจับกดน้ำตายสยอง ตำรวจตามรวบได้ 3...
เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2554 พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์ รอง.ผบก.ภ.จ.ชุมพร และ พ.ต.อ.วิมล พิทักษ์บูรพา ผกก.สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดแถลงข่าวการจับกุม 4 ทรชน ปล้นฆ่าแรงงานชาวพม่าอย่างโหดเหี้ยม ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ 3 คน ประกอบด้วย นายพรศักดิ์ หรือ แอ๊ด ศรีชาติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 998 หมู่ 5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร 2 นายศักดิ์ชัย โพธิ์น้อย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 248 หมู่ 6 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และนายแม็ก (นามสมมติ)อายุ 17 ปี ชาว ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ส่วนผู้ที่หลบหนีอีก 1 คน คือ นายปิยะพงศ์ หรือ เบน ศรีชาติ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 หมู่ 8 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร (ออกหมายจับแล้ว)

พ.ต.อ.วิมล พิทักษ์บูรพา ผกก.สภ.ท่าแซะ เปิดเผยถึงพฤติกรรมโหด ว่า เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 26 ก.พ. 2554 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุขสันต์ ยิ้มแย้ม ร้อยเวร สภ.ท่าแซะ รับแจ้งเหตุ ปล้นฆ่ากัน ที่กลางสวนยางพารา หมู่ที่ 6 ต.หินแก้ว ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงรายงานให้ พ.ต.อ.วิมล พิทักษ์บูรพา ผกก.ทราบแล้วนำกำลังเดินทางไปสอบสวนที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.ท่าแซะ หน่วยกู้ภัยสายชลชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวไม่มีเลขที่ตั้งอยู่กลางสวนยางพารา บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักของ 2 สามีภรรยาแรงงานชาวพม่าที่มารับจ้างกรีดยางพารา พบประตูบ้านเปิดอ้า ข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้นกระจุย ห่างจากบ้านประมาณ 30 เมตร ที่ริมหนองน้ำพบกอหญ้าราบเป็นแปลง ในหนองน้ำ พบศพ นางวินวิน อายุ 22 ปี ชาวพม่าสภาพศพหัวทิ่มจมอยู่ในน้ำ ที่ศีรษะมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งจนกะโหลกเปิดเป็นทางยาวประมาณ 3 นิ้ว ส่วนสามีคือนายเอ๊า อายุ 22 ปี ถูกตีและถูกยิงด้วยอาวุธปืน อาการสาหัสชาวบ้านที่มีสวนยางอยู่ติดกันนำตัวส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 27 ก.พ.54 พ.ต.ท.อารมณ์ น้ำใจสุข สว.สส.สภ.ท่าแซะ ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายพรศักดิ์ หรือ แอ๊ด ศรีชาติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 998 หมู่ 5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และนายแม็ก อายุ 17 ปี ชาว อ.ท่าแซะ และ นายศักดิ์ชัย โพธิ์น้อย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 248 หมู่6 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร 3 ผู้ต้องหาได้ขณะทุกคนหลบหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากการสอบสวน นายพรศักดิ์ ซึ่งเป็นหัวโจ๊ก ยอมรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตน 4 คนได้ตั้งวงกินเหล้ากัน จนเมาได้ที่ จากนั้นได้วางแผนกันเพื่อไปปล้นบ้านของสองผัวเมียแรงงานชาวพม่า ซึ่งเป็นลูกจ้างกรีดยางของ นางอุไรวรรณ อินนิมิตร ชาว อ.ท่าแซะ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกตนทั้ง 4 คน เคยไปขู่ตบทรัพย์ 2 ผัวเมียมาแล้ว 2 ครั้ง ฐานหลบหนีเข้าเมือง จนกระทั่งเวลา 23.00 น.พวกตนทั้ง 4 คน ได้ขับรถ จยย.2 คัน ไปจอดห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 10 เมตร แล้วเดินย่องไปที่บ้านพร้อมอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มีดพร้า 1 เล่ม ก่อนที่ นายแม็ก จะเคาะประตูเรียกขอกินกาแฟ พอนายเอ๊า เปิดประตูบ้านออกมาและกลับเข้าไปเสียบหม้อน้ำร้อนไฟฟ้า ขณะที่นายเอ๊ากำลังก้มเสียบหม้อน้ำร้อน นายแม็ก ใช้ด้ามปืนทุบที่หัวนายเอ๊า จนหัวทิ่มก่อนที่ นายพรศักดิ์ และนายศักดิ์ชัย รวมทั้งนายปิยะพงศ์ จะกรูกันเข้ามาในบ้านและใช้ผ้าขนหนูคุมหัวนายเอ๊าจับมัดมือไขว้หลังด้วยเชือกไนล่อนลากตัวไปที่เนินดินใกล้หนองน้ำข้างบ้าน ส่วนนายศักดิ์ชัย ได้ตามไปลากตัวนางวินวิน ที่แอบไปหลบอยู่ใต้เตียงในห้องนอนออกมา และอุ้มออกมานอกบ้านตรงไปที่เนินดินใกล้หนองน้ำ ก่อนที่นายพรศักดิ์ จะจับนางวินวินข่มขืนเป็นคนแรก โดยที่นายเอ๊าฟื้นขึ้นมานอนดูภรรยาของตัวถูก 4 ทรชนข่มขืนเวียนเทียนจนครบ

หลังจากข่มขืนเสร็จ นายปิยะพงศ์ จับนางวินวิน ลากตัวไปที่ริมหนองน้ำก่อนจะใช้สันมีดพร้าตีไปที่ศีรษะจนล้มลงแล้วจับศีรษะกดน้ำจนตายคามือ ส่วนนายเอ๊าถูกนายพรศักดิ์ และ นายแม็ก จับตัวลากไปโยนลงหนองน้ำ ก่อนจะยิงซ้ำด้วยปืน แล้วทั้ง 4 คน ได้ย้อนกลับไปรื้อค้นทรัพย์สินที่บ้าน 2 สามีภรรยา ได้เงินสดไปจำนวน 14,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียร์ 1 เครื่อง ก่อนจะหลบหนีไปกบดานอยู่บ้าน จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้

ส่วนนายปิยะพงศ์ หรือเบน ศรีชาติ ที่หนีรอดไปได้ ขณะนี้ ตำรวจขอหมายจับกุมตัวแล้ว เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่นโดยมีและใช้อาวุธจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยมีและใช้อาวุธอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและพยายามฆ่าผู้อื่น ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อยากจะถามว่ามันเหมาะสมแค่ไหนครับที่ นสพ ไทยรัฐ เอารูปของคนที่โดนข่มขืนมาลงให้เห็นหน้ากัน ถึงแม้เขาจะตายไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าคนโดนข่มขืนไม่ได้ตายหรือไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมว่าไทยรัฐงานเข้าแน่ๆ
ผมสงสารนาง วินวินสุดๆเลยครับ สมมุติถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์นาทีนั้น ไอ้4คนโดนลูกปืนตายเรียบ

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ข่าวจากไทยรัฐวันนี้อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ (อ่าน 5313 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้