เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:08:09 AM



หัวข้อ: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:08:09 AM
ปืน รศ ๑๒๑
(http://img19.imageshack.us/img19/3175/imgp0668f.jpg)


(http://img526.imageshack.us/img526/2195/imgp0669w.jpg)

(http://img163.imageshack.us/img163/121/imgp0678b.jpg)

(http://img221.imageshack.us/img221/3523/imgp0681qq.jpg)

(http://img835.imageshack.us/img835/9347/imgp0687n.jpg)
กว่าจะเป็นปืน ร.ศ.
ครั้งหนึ่งเคยมีคนกล่าวเล่นๆว่า "พระเจ้าซาร์แห่งอิหร่านท่านซื้อทุกอย่างที่บินได้" เพราะบรรดาอาหรับเศรษฐีน้ำมัน
เขาไม่กระเทือนกระเป๋าหรอกครับขอให้มีอาวุธรุ่นใหม่มาอวดกัน  จึงไม่น่าแปลกใจว่าอยู่ๆก็มีศัตรูยกทัพมาเอาชนะ
ง่ายๆแถมกวาดเอาอาวุธกลับไปใช้เสียฉิบ ไอ้การที่สยามจะซื้อปืน ร.ศ. สัก 4 - 5 หมื่นกระบอก ก็ไม่เห็นยากแค่สั่งจาก
นอกก็ได้แล้ว หากว่าขืนทำแบบนี้เราก็เหมือนพวกอาหรับเพราะทหารใช้ไม่เป็น เผลอเข้าฝรั่งบุกมายึดไว้ทั้งปืนทั้ง
ประเทศ แต่สมัย ร.5 นั้นเราบ้อท่าอีกขั้นหนึ่งเพราะเงินในคลังก็ไม่มี ทหารก็ไม่มี แถมทรงขาดอำนาจบริหารงานแผ่น
ดินโดยสิ้นเชิง กว่าจะได้ปืน ร.ศ. มาจึงยากกว่าที่คิดนัก  ในขณะที่ต่างชาติจ้องจะรวบสยามเป็นเมืองขึ้นนั้นได้กลาย
เป็นปัจจัยให้เกิดกระบวนการปฎิรูปการปกครอง การทหารและการคลังพร้อมๆ กันใช้เวลาหลายสิบปีครับ

"เมื่อพ่อได้ราชสมบัติในเวลาเพียง 15 ปีเท่านั้น เหมือนตะเกียงริบหรี่จวนจะดับ ไม่มีมารดา มีญาติ ฝ่ายมารดาก็ล้วน
แต่โลเลเหลวไหลหรือก็มิได้ตั้งอยู่ในตำแหน่งราชการอันใดเป็นหลักฐาน ญาติฝ่ายข้างพ่อคือเจ้านายทั้งปวง ก็ตก
อยู่ในอำนาจสมเด็จเจ้าพระยาฯ  และต้องรักษาชีวิตอยู่ด้วยกันทุกพระองค์"

จากพระราชหัตถเลขาถึงพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิต ในปี ร.ศ. 112  เผยถึงสถานทางการเมืองของ
 ร.5 เป็นอย่างดี การดึงอำนาจกลับมาสู่พระองค์จำจะต้องค่อยๆทำ มิให้เกิดแตกแยกร้าวฉาน และที่ขาดไม่ได้ คือ
กองทหารของพระองค์ที่จะช่วยเป็นฐานอำนาจไว้  ทรงได้อธิบายต่อไปว่า

"ฝ่ายข้าราชการถึงว่ามีผู้ที่รักใคร่สนิทสนมอยู่บ้างก็เป็นแต่ผู้น้อยโดยมาก" และ "ฝ่ายพี่น้องซึ่งร่วมบิดาก็เป็นเด็ก มีแต่
อายุต่ำกว่าพ่อ" (เป็นเพราะ ร.4 ทรงลาผนวชมาครองราชย์เมื่อพระชนมายุมากแล้ว และมิได้มีพระราชโอรสธิดามาก่อน
หน้านั้นเลย) แต่เมื่อมีผู้รักใคร่ในตำแหน่งเล็กๆและมีน้องอายุยังน้อย จึงทรงเริ่มด้วยกองทหารส่วนพระองค์แบบเด็ก
เล่นไปก่อน เรียกว่า "ทหารไล่กา" เอาไว้ไล่นกไล่กาเวลาเสด็จแต่ใช้ระเบียบทหาร แล้วต่อมาก็เอาข้าหลวงเดิมหรือ
บรรดาผู้รักใคร่ในตำแหน่งเล็กๆมาเป็นทหาร เรียกว่า "ทหารสองโหล" เพราะมีกันแค่ 24 คน พอวางกรอบได้แล้วจึงตั้ง
 กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ภายใน 3 ปี มีทหาร 72 คน ท่านเหล่านี้ก็เติบโตขึ้นในแวดวงทหารในกองทัพ
น้อยๆเช่นนี้ เกิดรักใคร่กลมเกลียวกันกลายเป็นกำลังพัฒนาประเทศสนองนโยบายเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งรวมไปถึงสม
เด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สมเด็จกรมพระยาภาณุรังษีสว่างวงศ์ เจ้าพระยา
สุรศักดิ์มนตรี เป็นต้น

พอทรงบรรลุนิติภาวะ ในปี พ.ศ. 2417  จึงพอจะทวงอำนาจบริหารกลับมาได้เพราะมีทหารในพระหัตถ์ถึง 6 กองร้อย
แถมด้วยทหารม้า ทหารหน้า (รวมเอาทหารล้อมวังและกรมรักษาพระองค์เก่า)มาไว้พร้อมกองปืนกลแก๊ตลิง

จะเห็นนะครับว่าทรงพัฒนาฐานอำนาจของพระองค์ได้รวดเร็วพอสมควร ก.ม.ทั้ง 4 ฉบับ เป็นการประกาศเจตนารมย์
ของพระเจ้าอยู่หัวว่ายุคใหม่ของคนหนุ่มมาแล้ว แต่จะเป็นด้วยธรรมชาติในการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยหรืออย่าง
ไรไม่ทราบที่จะต้องพบกระแสต่อต้านอย่างหนัก ทำให้การพัฒนาออกจะเชื่องช้าอย่างน่าเสียดายทุกทีไป ก.ม.ทั้งหมด
กระทบอำนาจและกระเป๋าของขุนนางกลุ่มอำนาจเดิมอย่างจัง  จากนั้นไม่กี่เดือนวังหน้าก็เริ่มระดมทหารถึง 6 - 7 ร้อย
คนอาวุธครบมือ โดยมีอังกฤษและข้าราชการผู้ใหญ่หลายกรมกองแสดงความเห็นอกเห็นใจอยู่ข้างหลัง

วิกฤติการณ์ครั้งนั้นตึงเครียดถึงจุดที่ทั้งสองวังเตรียมทหารพร้อม แล้วมาเกิดเหตุไฟไหม้ตึกดินซึ่งเก็บดินปืนในวังขึ้น
ทำให้กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข(วังหน้า) ทรงตัดสินใจเสด็จเข้าประทับในสถานทูตอังกฤษถึง 2 เดือนกว่าที่สมเด็จ
เจ้าพระยาฯจะกล่อมให้คลายพระทัยกลับออกมาได้ เรื่องนี้ประกอบกับกระแสคลื่นใต้ดินใต้น้ำ ทำให้ ร.5 ต้องฝืนพระทัย
ชลอแผนปฎิรูปอื่นๆไปอีก 10 ปี หันมาใช้วิธีค่อยทำค่อยไปกลายเป็นจุดเด่นของการแก้ปัญหาในสมัยของพระองค์   
เมื่อทรงดึงอำนาจบริหารราชการมาได้บ้างแล้วก็จะต้องแก้ปัญหาใหญ่อีกถึง 2 เปลาะ  แรกคือ หาตังค์มาซื้อปืนก่อน

อยากมีปืนแต่ไม่มีเงิน
 "การปฎิรูประบบการคลัง ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพระองค์" เซอร์เอ็ดเวิด คุก      (Sir Edward Cook) ที่ปรึกษา
ราชการแผ่นดิน

 ใน พ.ศ.2416 ร.5 ได้ทรงโปรดให้จัดตั้งหอรัษฎาพิพัฒน์ เพื่อจัดระเบียบการภาษีเสียใหม่เพราะ
1. ภาษีเงินได้เดิมอยู่กับเจ้านายที่คุมกรมพระกลาโหม กรมมหาดไทย กรมนาและกรมพระคลังสินค้า เป็นต้น พอเก็บ
ได้ก็ใช้ในราชการของตนเสียก่อน กรมที่คุมเงินส่วนกลางได้แต่มองตาปริบๆเพราะไม่มีใครส่งเงินเข้าพระคลังมหา
สมบัติ
2. การตั้งเจ้าภาษีนายอากรผูกขาดการเก็บภาษีให้หลวงนั้นเขาส่งเงินในคลังปีละหน ส่วนมากก็ขอผ่อนส่ง (ภาษีของ
เราแท้ๆดันเก็บไปแล้วขอผ่อน อย่างนี้พวกผมเสียภาษีแบบผ่อนส่งบ้างได้ไหมก็ไม่รู้) หนักเข้าหลวงจะลงโทษ นาย
อากรก็เผ่นหนีไปตีกอล์ฟวันเว้นวัน แบบเสี่ย NPL ล้มบนฟูกทั้งหลายในยุคนี้

3. ตั้งแต่สมัย ร.1 - ร.4 การทำบัญชีไม่เรียบร้อยแปลว่าหามาตรวจกันไม่ได้  แต่ละกรมกองบัญชีอยู่กับนาย  พอนาย
ตายบัญชีก็หายไปทุกที

การรวมบัญชีรับจ่ายและการส่งภาษีมาขึ้นกับหอรัษฎาพิพัฒน์สามารถเร่งรัดภาษีให้ตรงเวลา และจัดระเบียบการเบิก
การส่งเงินให้แก่ทุกกรมกลายเป็นการบังคับให้แต่ละท่านต้องหัดทำงบประมาณฉบับแรกขึ้น ในปี พ.ศ. 2433 ทรงยก
กรมพระคลังมหาสมบัติ (ซึ่งเวลานี้มีสมบัติเต็มคลังเสียที)เป็นกระทรวงและอีกเพียง 2 ปี ก็ทรงยุบระบบจตุสดมภ์ที่มี
มาแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสียเลย เมื่อมีเงินแล้วกระนั้นยังมีปัญหาทรัพยากรบุคคลมาให้แก้อีกเรื่องหนึ่ง

กองทัพไร้ทหาร
ผมไปพบจดหมายเก่าๆของพระองค์เจ้าหญิงท่านหนึ่งทำถวาย ร.5 ในปี ร.ศ. 111 (พ.ศ. 2435) ความบางตอนว่า
"เดิมข้าพระพุทธเจ้าให้พี่เลี้ยงกับสมุห์บัญชีทำสักเลขมาไว้กับข้าฯ รวม 213 คน" หมายถึงระบบศักดินาไทย มีวิธีควบ
คุมพลเมืองไว้ใช้ราชการโดยให้ขึ้นกับเจ้านายต่างๆติดต่อกันชั่วลูกหลาน เรียกกันว่าไพร่ พออายุ 18 ปีก็มารายงานตัว
เรียกว่า "ไพร่สม" เหมือนมาถูกหัดงาน พอครบ 20 ปี ก็เลื่อนเป็น "ไพร่หลวง" แล้วสังกัดเจ้านายไปถึงอายุ 70 ปี สมัย
อยุธยาให้ปีหนึ่งมาอยู่ในราชการ 6 เดือน ก็นานพอดูคิดถึงเมียแย่ สมัย ร.5 ท่านก็ลดลงให้เหลือแค่ 3 เดือน ท่าน
หญิงพระองค์นี้ก็ได้มาขึ้นบัญชี 213 คน  คำว่า "สักเลข" ก็คือ หลวงเขาจับเกณฑ์มาจากครอบครัวที่เคยสังกัดแล้ว
สักลงบนท้องแขนให้รู้ว่าเบอร์นี้อยู่สำนักใด พวกที่ยังไม่โดนจับตัวได้เขาเรียกว่าพวก "แขนขาว" ไพร่หลวงที่สังกัด
กรมราชการทหารก็มาเป็นทหารปีละ 3 เดือน  ปีหน้ามาใหม่ก็ลืมที่หัดหมด วันทยาหัตถ์ด้วยมือซ้ายเหมือนไอ้เณร
กันเป็นแถว ใช้การจริงไม่ค่อยได้หรอกครับแค่แบกปืนเฝ้าวังโก้ๆเป็นพอแล้ว ระบบไพร่นี่ก็พอใช้ได้ในตอนต้นพอ
นานๆเข้าพ่อก็หนีไม่ยอมถูกจับปั๊มเบอร์บนแขนกันใหญ่  ที่ขึ้นทะเบียนก็หาทางหลบ  ยิ่งถ้าต้องไปรบต้องเป็นผู้มี
สปิริตสูงพอควร พวกขี้เกียจมารับราชการปีละ 3 เดือนก็มีทางออก เพราะเงินย่อมเป็นทางออกหนึ่งของปัญหาเสมอ
  โดยสามารถจ่ายให้เจ้านายที่คุมกรมปีละ 6 บาท เป็นการจ้างใครก็ไม่รู้มาแบกปืนยืนยามแทน  เงินนี้เราเรียกว่า
"เงินค่าราชการ" หรือ "เงินภาษีรัชชูปราการ" ซึ่งเป็นรายได้ของชาติที่ดีหากเจ้านายท่านจะยอมส่งเข้าคลังหลวงนะ
ครับ มาดูท่อนต่อไปของจดหมายดีกว่าว่าท่านหญิงท่านทำอย่างไรกับรายได้ก้อนนี้

"จะเป็นเงินมากน้อยเท่าใด ข้าฯหาทราบเกล้าไม่ ด้วยเจ้าพนักงานยังไม่เกณฑ์ (เรียกเก็บเงิน) ข้าฯ ได้ให้พี่เลี้ยงและ
สมุห์บัญชีไปเก็บเงินมาส่งเจ้าพนักงานก็เก็บเอาเงินไปใช้สอยเสียหมด หาส่งให้ครบจำนวนที่ยังคงค้างอยู่นั้นไม่ บัด
นี้พี่เลี้ยงกับสมุห์บัญชีก็ถึงแก่กรรมเสียแล้ว"

ดูเอาเถิดครับ เห็นเจ้านายเป็นหญิงชรา เลยโกงเงินภาษีที่จะส่งหลวงไปกาสิโนที่ชายแดนเสียหมด ทั้งที่มิได้อยู่ใน
คณะกรรมมาธิการอะไรกับเขาเลย เรื่องแบบนี้กลายเป็นลูกโซ่ บรรดาเจ้านายหลายกรมต้องรับกรรมหาเงินมาใช้หลวง
 เป็นหนี้เป็นสินมากเข้าก็เขียนหนังสือมาขอทำการลดหนี้ทั้งต้นทั้งดอก เรียกว่าทำ Haircut แล้วก็โบกมือลาขอคืน
เจ้าพวกสักเลข พ้นๆหน้าที่ไปดีกว่า

"ข้าฯ ไม่มีเงินที่จะส่งต่อไป จึงขอพระราชทานเงินค้าง (ขอยกเลิกหนี้) เก่าและใหม่ที่ยังค้างเพราะเหลือสติกำลังที่จะ
คุมเลขไว้ต่อไป ขอทูลเกล้าถวายเลขทั้ง 183 คน เป็นไพร่หลวงจ่าย แต่ข้าฯ จะขอรับพระราชทานเลขไว้ 30 คน ส่วน
ที่เกี่ยวข้องเป็นสุพันธุ์ญาติและคนเก่า" 
สาธุ! ถึงตรงนี้ผมอดนึกถึงผู้หญิงชราผมขาวโพลนหลังค่อมน่าสงสารนั่งอยู่ในตำหนักเล็กๆไม่ได้  ด้วยพระเมตตาที่มี
ต่อหญิงสูงศักดิ์ท่านนี้ จึงทรงมีพระบรมราชานุญาตตามที่ขอ

พอดูปีที่จดหมายถูกเขียนแล้วตกใจ ตรงกับ พ.ศ. 2435 อีกปีเดียวก็จะยิงกันที่ปากน้ำแล้วยังคงใช้ระบบโบราณอยู่
เลย พอ ร.5 จะให้หัดทหารแบบใหม่ก็พบปัญหาไพร่หลวงไม่พอใช้เพราะหนีบ้าง จ้างคนมาแทนบ้าง  หรือกลุ่มที่เขา
มีอำนาจอยู่เดิมไม่ร่วมมือปล่อยคนมาบ้าง ก็อาศัยการโอนเลขจากท่านๆที่กล่าวข้างต้นนี่ละครับมาใช้งานทหาร
โชคร้ายก็จะเจอแต่ไพร่หลวงแก่ๆแบกปืนไม่ไหว(แต่อาจยังเตะปี๊บดังอยู่) อย่างนี้ไม่พอปกป้องสยามหรอกครับเมื่อ
ถึงคราวฝรั่งเศสมาหาเรื่องในปี พ.ศ. 2435 พบว่ากรมยุทธนาธิการ มีทหารอยู่ในบัญชีทั้งประเทศแค่ 5,605 คน เรื่อง
นี้ถูกแก้สำเร็จด้วยการเลิกทาสแล้วออก พรบ. เกณฑ์ทหารขึ้น
 http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html (http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html)


(http://img442.imageshack.us/img442/2660/imgp0688.jpg)

(http://img831.imageshack.us/img831/9760/imgp0689j.jpg)

(http://img687.imageshack.us/img687/103/imgp0691t.jpg)


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:09:51 AM
(http://img14.imageshack.us/img14/9839/imgp0703w.jpg)

(http://img215.imageshack.us/img215/1724/imgp0705xc.jpg)

"ปืน ร.ศ.121
 
http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html (http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html)
หาอ่านรายละเอียดได้จากลิงค์ด้านบนครับ
 (http://img841.imageshack.us/img841/8357/imgp0708i.jpg)

(http://img51.imageshack.us/img51/4205/imgp0711j.jpg)

(http://img99.imageshack.us/img99/9841/imgp0710uy.jpg)


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:10:35 AM
(http://img819.imageshack.us/img819/46/imgp0707m.jpg)
กระบอกนี้สภาพโทรมนิดหน่อย

(http://img825.imageshack.us/img825/9136/imgp0712g.jpg)
เทียบกับปืนเมาเซอร์ของทางยุโรป ของเราจะมีครอบกันฝุ่น
(http://img42.imageshack.us/img42/5426/imgp0715c.jpg)

(http://img819.imageshack.us/img819/9019/imgp0716u.jpg)

(http://img339.imageshack.us/img339/4362/imgp0717y.jpg)

(http://img406.imageshack.us/img406/4075/imgp0719.jpg)


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:13:05 AM
(http://img41.imageshack.us/img41/5238/imgp0686x.jpg)
รายละเอียดตรงนี้ชัดเจนมาก :<>
(http://img526.imageshack.us/img526/2529/imgp0704.jpg)

ปืนรุ่นนี้เท่าที่รู้ตอนนี้ มีคนไทย3คนที่เป็นเจ้าของครับ และคิดว่าคงมีอีกหลานท่านที่หาเก็บสะสมใว้
ผม คุณเจษ(USP40) และก็หลานโอ๊คลาสเวกัส ผมได้มา2แบ่งให้หลาน1กระบอก

 ::014::Siam  mauserกระบอกนี้เป็นปืนที่ภูมิใจมากสุดๆ เพราะเคยเป็นสมบัติของชาติไทยมาก่อน
ร้านที่คนนำมาฝากขาย อยู่ห่างจากบ้านผมประมาณ50ไมล์ ต้องขับรถไปกลับถึง6เที่ยว
ใช้เวลาตรวจประวัติปืน30วัน ถึงทำเรื่องโอนได้ โอนแล้วต้องรอจนครบ10วันถึงรับปืนกลับมาบ้าน
ทางร้านมีอยู่2กระบอก ผมรวบมาหมด +เมาเซอร์ของยูโกอีก1กระบอก 300กว่าไมล์ได้มา3กระบอก :D


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:17:21 AM
ยินดีด้วยครับพี่บุญ ....................

มีดาบปลายปืนด้วยหรือเปล่าครับ ............


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:26:09 AM
ดาบปลายปืนยังไม่มีครับ คุยกับคุณเจษอยู่เหมือนกันว่าจะหาจากทางไหนดี  ก้านทำความสะอาดปืนก็ไม่มีติดมา :~)


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:26:52 AM
 :o :o :o :o :o ::014:: ประวัติศาสตร์ของเราครับ ยินดีด้วยครับน้าบุญ  ::014:: :D


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ตี๋ br ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:27:01 AM
   งามแท้ๆ ตัวเลขบอกระยะ เป็นตัวเลขไทยด้วย เป็นบุญตาจริงๆครับ
ท่านboon+1.ให้ จากใจครับ ::002:: :VOV: ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: wiched ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:27:23 AM
 ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: khwanphet_NAVY 39 ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:33:03 AM
......................................ขอบคุณครับที่ได้ชมปืนสวยๆ.................................................................. ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:38:54 AM
ยินดีด้วยครับที่ได้ครอบครองปืนที่ทรงคุณค่ามหาศาล..


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: chaiwat_colt.45 ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:39:03 AM
สุดยอดเลยครับ ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:47:06 AM
ยินดีด้วยครับพี่บุญ  น้อยคนไทยที่ได้ครอบครองปืนประวัติศาสตร์นี้ครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มีนาคม 16, 2012, 09:54:32 AM
 ::014::ยินดีด้วยครับพี่...เลขไทยด้วย...ขลังจริงๆ ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มีนาคม 16, 2012, 10:04:06 AM
ยินดีด้วยกับทั้งสามท่านครับ... ::002:: ::002:: ::002::


::014::



หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มีนาคม 16, 2012, 10:04:40 AM
::014::ยินดีด้วยครับพี่...เลขไทยด้วย...ขลังจริงๆ ::002::

ผมถึงชอบเลขไทยไงครับน้าเป้า... ::014::



หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: D.Thanakorn +รักในหลวง+ ที่ มีนาคม 16, 2012, 10:06:19 AM
ยินดีด้วยครับ..ปืนที่ทรงคุณค่าครับผม.. :D ;D ::002:: ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: พยัคฆ์เมฆ ที่ มีนาคม 16, 2012, 10:09:06 AM

                  ได้เห็นเป็นบุญตาจริงๆครับ โดยเฉพาะเลขไทยที่ผมยังพยายามใช้

                   อยู่เสมอ และวันนี้ผมคงจะได้เลขบ้างแล้วครับพี่บุญ...


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มีนาคม 16, 2012, 10:20:03 AM
ดาบปลายปืนยังไม่มีครับ คุยกับคุณเจษอยู่เหมือนกันว่าจะหาจากทางไหนดี  ก้านทำความสะอาดปืนก็ไม่มีติดมา :~)

งั้นผมช่วยหาให้ครับ ................... ;)

ยังพอมีครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ มีนาคม 16, 2012, 10:27:37 AM
ดาบปลายปืนยังไม่มีครับ
คุยกับคุณเจษอยู่เหมือนกันว่าจะหาจากทางไหนดี 
ก้านทำความสะอาดปืนก็ไม่มีติดมา :~)


็Ha Ha Ha ฮา "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา

ดาบปลายปืน  ที่ตีอักษร  รศ. 121  อ่ะ
เมื่อปีสองปีก่อน  พี่เปี๋ยก  กิจจา  ข้างร้านกาแฟ  อ่ะ

แกเอามาขาย  เป็นร้อยเล่ม  เลย อ่ะ ฮา
ราคา  แปดร้อย หรือพัน นึง เท่านั้นแหละ ฮา
ลองโทรไปถามแกดูอ่ะ   081-8295637  ฮา


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 10:52:29 AM
ดาบปลายปืนยังไม่มีครับ
คุยกับคุณเจษอยู่เหมือนกันว่าจะหาจากทางไหนดี 
ก้านทำความสะอาดปืนก็ไม่มีติดมา :~)


็Ha Ha Ha ฮา "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา

ดาบปลายปืน  ที่ตีอักษร  รศ. 121  อ่ะ
เมื่อปีสองปีก่อน  พี่เปี๋ยก  กิจจา  ข้างร้านกาแฟ  อ่ะ

แกเอามาขาย  เป็นร้อยเล่ม  เลย อ่ะ ฮา
ราคา  แปดร้อย หรือพัน นึง เท่านั้นแหละ ฮา
ลองโทรไปถามแกดูอ่ะ   081-8295637  ฮา
ขอบคุณท่านbabaraมากครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ มีนาคม 16, 2012, 11:15:04 AM
ถึงจะเก่าแต่ก็งามมากเลยครับ  เป็นบุญตาครับพี่ที่ได้เห็น ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: bas541 ที่ มีนาคม 16, 2012, 11:34:17 AM
มาใหม่ยินดีด้วยครับ ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง ที่ มีนาคม 16, 2012, 01:53:22 PM
ยินดีด้วยครับพี่บุญที่ได้ครอบครองของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์อย่างถูกกฎหมายได้ครับ เมืองไทยมีปืนดีๆเก่าๆอยู่อีกเยอะแต่ครอบครองขึ้นทะเบียนไม่ได้.... น่าเสียดายจริงๆครับ ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 01:56:33 PM
ในบันทึกทำให้ทราบว่า พท. นัมบู พูดอังกฤษได้ดีมาเป็นล่ามให้ตลอด ฝ่ายไทยยังต้องแปลกใจเมื่อพบว่าโรงงาน
สรรพาวุธแห่งนี้ใช้คนงานถึง 2 พันคน ทำงานทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเช้ายัน 2 ทุ่ม โดยไม่ทราบว่าเตรียมอาวุธไปรบกับ
ใครกันแน่ พท. นัมบู ให้ความร่วมมืออันดีในการออกแบบเข็มขัดคันชีพสำหรับเหน็บอุปกรณ์และมีดปลายปืน ร.ศ.
พร้อมทั้งช่วยกันออกแบบปุ่มปลดแผ่นรองแม็กกาซีนให้ต่างจากปืนเมาเซอร์ทั่วไปด้วย

(http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/140m.jpg)
http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html
ปุ่มปลดล็อคที่นัมบูและพระองค์เจ้าบวรเดชร่วมกันทำขึ้น
 :<>
ในส่วนของปืนที่ผมรับมาทั้ง2กระบอก ตรงส่วนปุ่มปลดล๊อคจะแตกต่างจากข้อมูลในเว๊ป
ของที่ผมมีปุ่มปลอดล๊อคจะอยู่ที่โกรงไกปืน
(http://img192.imageshack.us/img192/2074/imgp0721s.jpg)
(http://img338.imageshack.us/img338/6586/imgp0722f.jpg)
ปุ่มปลดฝาแมกอยู่ที่โกรงไกด้านหน้า
(http://img51.imageshack.us/img51/2106/imgp0723x.jpg)

(http://img268.imageshack.us/img268/4579/imgp0725t.jpg)

(http://img826.imageshack.us/img826/7993/imgp0727i.jpg)



(http://img408.imageshack.us/img408/5918/imgp0729f.jpg)
กระบอกนี้ปั้มเลข๑๗ไทยใว้บนเซฟ แต่อีกกระบอกไม่พบ
ปืนที่ได้มาน่าจะเป็นปืนชุด60000กระบอกแรก


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 16, 2012, 01:59:36 PM
http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html
(http://img42.imageshack.us/img42/5426/imgp0715c.jpg)
 :<>พี่ยุ่นล็อบบี้สุดแรง
ระหว่างนี้ญี่ปุ่นก็ไม่เลิกความพยายามขอส่งนายทหารเดินทางจากโตเกียว เพื่อมาชักชวนให้ซื้อปืนของเขาอีกรอบ
หนึ่ง ร้อนถึงเสนาบดีทรงมีหนังสือกราบทูลอีกครั้งว่า นายอินากากิ (M.Inagaki) ทูตญี่ปุ่นขอพบและพูดจาเกี่ยวกับ
การทหารของไทย ซึ่งมีคำถามแปลกๆเรื่องการจัดกำลังรบแล้วยังวกมาถามถึงเรื่องการซื้อปืนอีก

นายอินากากิ  "ปืนที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่งมาให้ดีหรือไม่ดี และเห็นว่าเราเป็นชาวตะวันออกด้วยกันควรใช้ปืนอย่างเดียวกัน
 เมื่อเวลามีช่องโอกาสที่สองพระนครจะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ก็จะได้อาศัยใช้ปืนและกระสุนดินดำซึ่งกันและกันได้ "

ท่านผู้อ่านคงวินิจฉัยจากคำพูดของท่านทูตได้ว่า ญี่ปุ่นซึ่งได้พัฒนาประเทศเพื่อรักษาเอกราชจากฝรั่งก่อนหน้าไทยเรา
 ได้แซงหน้าไปถึงขนาดคิดการใหญ่ มาชวนคนไทยร่วมพันธมิตรทางการทหารในอนาคต โรงงานผลิตอาวุธในญี่ปุ่น
นั้นทำได้เกือบทุกอย่าง สินค้าญี่ปุ่นก็มีราคาถูกกว่าฝรั่งมาก และเริ่มทะลักเข้ามาแย่งตลาดสินค้าฝรั่งในเมืองไทยและ
ประเทศอานานิคมอื่นๆ อันเป็นแหล่งระบายสินค้าอุตสาหกรรมของเหล่าประเทศมหาอำนาจ ดูแล้วก็คล้ายๆสินค้า
ราคาถูกจากเมืองจีนซึ่งระบาดไปทั่วโลกในปัจจุบันนะครับ ฝรั่งจึงเริ่มจะรู้สึกถึงผลกระทบทางการค้าจากญี่ปุ่น แต่
แล้วอีกไม่กี่ปีก็จะต้องเสียวสันหลัง เมื่อ ทร.ญี่ปุ่นบี้กองทัพเรือรัสเซียเสียสิ้นซากในช่องแคบ ทุซิม่า (Tsushima)

ด้วยแรงตื้อของพี่ยุ่นบวกกับปัญหาจัดซื้อปืนเมาเซอร์ของไทย ทางออกที่สวยก็คือเอาแบบปืน ร.ศ. จากเยอรมันมา
จ้างญี่ปุ่นทำ ไม่ต้องทนซื้อปืนอาริซากะ แต่ได้ใช้ปืนราคาถูกอย่างญี่ปุ่น ดังนั้นญี่ปุ่นซึ่งแพ้การประกวดไปคราวก่อน
จึงได้เสนอตัวผลิตปืน ร.ศ. ในราคาที่ยากจะ ปฎิเสธและได้ตกลงให้โรงงานสรรพาวุธ โคอิชิกาว่า กรุงโตเกียว(Koishi
kawa Arsenal) เป็นผู้ผลิต 

สัญญาสั่งซื้อปืน ร.ศ. จึงถูกทำแยก 3 ฉบับ ในสมัยที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุรังษีสว่างวงศ์ ว่าการกระทรวงกลา
โหม ทำกับบริษัท Mitsui Bussan Kaisha ซึ่งแท้จริงเป็นนายหน้าขายอาวุธในนามรัฐบาลญี่ปุ่นและสามารถรับผิด
ชอบในการจัดส่งเบ็ดเสร็จเงื่อนไขก็คล้ายๆกันคือขอจ่ายล่วงหน้าเมื่อเซ็นสัญญา 1/3 ของมูลค่าทั้งหมด ที่เหลือจ่าย
เมื่อรับปืนที่กรุงเทพแล้ว สัญญาแยกให้เห็นว่ามี ลิขสิทธิ์บางส่วนที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ๆไม่เกี่ยวกับเมาเซอร์ คือ ฝาครอบ
ลูกเลื่อนเพื่อกันฝุ่นโคลน และวิธีปลดฝาปิดใต้แม็กกาซีน ให้ไปเจรจากันระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจรับปืนฝ่ายไทยและหัว
หน้าโรงงานสรรพาวุธปืนเล็กของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ซึ่งในที่สุดเป็นปุ่มปลดทรงสี่เหลี่ยมไม่เหมือนใคร ส่วน
แม็กกาซีนและกลไกต่างๆ ถูกปรับปรุงให้รับกับกระสุนมีขอบจานท้าย (Rimmed Cartridge)  และคลิปขนาด 8 มม.
ที่ไทยใช้อยู่ ซึ่งหมายถึงจะมีขนาดใหญ่กว่าแม็กกาซีนปืนที่เมาเซอร์ออกแบบไว้ให้กระสุน 8 มม. เมาเซอร์แบบไม่มีริม
 (Rimless Cartridge)
 
 


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: hangseri - รักในหลวง ที่ มีนาคม 16, 2012, 03:19:39 PM
มีหนทางบ้างหรือเปล่าครับที่จะกลับสู่แผ่นดินไทย


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: tao bangkhaen ที่ มีนาคม 16, 2012, 03:26:27 PM
อ่านประวัติศาสตร์ในการผลิตอาวุธของเลือดบูชิโด.......ลูกพระอาทิตย์ และประวัติการเอาชนะฝรั่งได้แล้ว สยองขวัญเลยนะครับ ......  
เพราะมีเขาเพียงชาติเดียวเท่านั้น ที่เป็นหัวดำเอเชีย ที่ทำให้ฝรั่งหัวแดง เกิดความเจ็บปวดได้
นอกเรื่องนิดหนึ่งนะครับ ........ก็แค่เสียใจกับชาวสยาม อย่างเราๆ เท่านั้น ที่ทำไม ไม่ได้ทำปืนเองเสียที (ด้วยเหตุผลอะไร ไม่อยากรับรู้แล้ว รู้อย่างเดียว อยากภูมิใจในอาวุธของชาติตัวเอง เท่านั้นแหละ)

แต่ก็สะใจอีกที  ตอนนี้ ตามสนามยิงปืนบ้านเรา  ไปดูซีครับ  เวลาทัวร์ญี่ปุ่นมาเมืองไทย เห็นแล้วน่าสงสาร กึ่งๆ เวทนานิดๆ


ประชาชนชาวไทย แม้ไม่ใช่ทหารอาชีพก็จริงอยู่ เวลาจับปืนผา หน้าไม้ อย่างน้อย ก็ยังพอมีฟอร์มอยู่บ้างแหละ
แต่ลูกบูชิโด ที่มาเมืองไทยตอนนี้ซิครับ  (คงไม่ใช่กองกำลังป้องกันตัวเองนะ) เวลาจับปืนตามสนามในเมืองไทยทีไร
พี่เลี้ยง ที่เป็นทหารใหม่ประจำสนาม ต้องคอยระมัดระวังกันพัลวล เลย  เพราะพี่ญี่ปุ่นแกดูค่อนข้างเหมือนจะไม่ค่อยจะรู้เรื่องเอาเสียเลย แต่อยากยิงมากๆ ......

ฝรั่ง ทำให้ภาพ ทหารญี่ปุ่นในสายตาของชาวสยาม หมดสภาพไปเลยครับ.(อย่าถือสา เห็นปืนมีเลขไทยแล้วเครียด อยากเห็นมีขึ้นมาอีก ปืนเลขไทย)


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มีนาคม 16, 2012, 04:14:38 PM
ขอแสดงความยินดีด้วยครับพี่บุญ ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ มีนาคม 16, 2012, 04:22:39 PM
+๑ ครับ ขอบคุณสำหรับรูปปืนสวยๆของไทยในอดีตครับ
ขอบคุณสำหรับลิงค์ที่เอามาลงครับถูกใจคนชอบอ่านครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: คนหน้าเขา - รักในหลวง - ที่ มีนาคม 16, 2012, 04:42:03 PM
 ::014:: ::014:: ::014:: ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 16, 2012, 05:05:30 PM
พี่บุญตรวจรังเพลิงด้วยนะครับว่าเป็น 50 มม.หรือ 52 มม.


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มีนาคม 16, 2012, 05:17:35 PM
+1ครับพี่  คุณค่านี้มหาศาลมาก ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มีนาคม 16, 2012, 05:43:47 PM
ยินดีด้วย ครับ คุณบุญ  :D 


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: poosb ที่ มีนาคม 16, 2012, 07:11:37 PM
ปืนสวยมากครับ..


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: volkflyer ที่ มีนาคม 16, 2012, 07:43:11 PM
 ::014::ขอบพระคุณมากครับ งามจริงๆครับพี่ :~) ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มีนาคม 16, 2012, 11:52:04 PM
ยินดีด้วยครับพี่


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มีนาคม 17, 2012, 12:33:12 AM
ยินดีด้วยอย่างยิ่งกับพี่บุญครับ... ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ARTANY ที่ มีนาคม 17, 2012, 12:54:44 AM
สวยงามมากครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ มีนาคม 17, 2012, 07:48:06 AM
ยินดีด้วยครับกับปืนประวัติศาสตร์
ร้านปืนแถวบ้านผมไม่เคยเห็นเอามาขายเลย..
อยากได้ๆๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มีนาคม 17, 2012, 07:52:37 AM
มีคำถามครับพี่บุญ  ว่า ฝรั่งเมื่อเห็นเลขไทย แล้ว เขาพอจะเดาออกไหมครับว่า เป็นเลขอะไรเมื่อเทียบกับเลขอารบิก


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มีนาคม 17, 2012, 11:40:30 AM
ยังมีปืนเหล่านี้ทั้ง รศ.121 ปลย.83 ปลย.83/ด.88 ฯลฯ ของกองทัพไทยในอดีต สภาพดีๆสวยๆ ..............อยู่ในคลังอีกพอสมควรครับ ....................และคงไม่ได้ถูกขายทอดตลาดเหมือนยุคก่อนๆแล้ว

เมื่อช่วงผบ.ทบ. คนที่แล้ว มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งรับเรื่องมาจากบริษัทฝรั่ง มาติดต่อขอซื้อปืนเหล่านี้ โดยแลกกับปืนไรเฟิลโจมตีสมัยใหม่ ในจำนวนที่คุ้มค่า(หากคิดเป็นเงิน) .................. แต่ ผบ.ท่านปฎิเสธ และให้นโยบายในการเก็บรักษาอาวุธเก่าเหล่านี้ไว้ต่อไป ..............

พี่บุญโชคดีแล้วครับที่ได้ปืนกระบอกนี้มา ................เพราะปัจจุบันไม่มีทางแล้วที่บริษัทฝรั่งจะได้ปืนเหล่านี้ไปจากกองทัพอีก


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: chatphisit ที่ มีนาคม 17, 2012, 01:51:36 PM
 ::014:: เป็นบุญตาครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้  ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 17, 2012, 01:55:38 PM
ยังมีปืนเหล่านี้ทั้ง รศ.121 ปลย.83 ปลย.83/ด.88 ฯลฯ ของกองทัพไทยในอดีต สภาพดีๆสวยๆ ..............อยู่ในคลังอีกพอสมควรครับ ....................และคงไม่ได้ถูกขายทอดตลาดเหมือนยุคก่อนๆแล้ว

เมื่อช่วงผบ.ทบ. คนที่แล้ว มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งรับเรื่องมาจากบริษัทฝรั่ง มาติดต่อขอซื้อปืนเหล่านี้ โดยแลกกับปืนไรเฟิลโจมตีสมัยใหม่ ในจำนวนที่คุ้มค่า(หากคิดเป็นเงิน) .................. แต่ ผบ.ท่านปฎิเสธ และให้นโยบายในการเก็บรักษาอาวุธเก่าเหล่านี้ไว้ต่อไป ..............

พี่บุญโชคดีแล้วครับที่ได้ปืนกระบอกนี้มา ................เพราะปัจจุบันไม่มีทางแล้วที่บริษัทฝรั่งจะได้ปืนเหล่านี้ไปจากกองทัพอีก

ผมเข้ารับราชการทันได้เห็นการขายปืนชุดนี้  เล่นใช้รถฟอร์คลิฟท์ตักใส่ลังเหมือนขายเศษเหล็ก  คนรักปืนมองดูน้ำตาร่วงไปตาม ๆ กัน


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: OO BUCK ที่ มีนาคม 17, 2012, 02:51:41 PM
ยังมีปืนเหล่านี้ทั้ง รศ.121 ปลย.83 ปลย.83/ด.88 ฯลฯ ของกองทัพไทยในอดีต สภาพดีๆสวยๆ ..............อยู่ในคลังอีกพอสมควรครับ ....................และคงไม่ได้ถูกขายทอดตลาดเหมือนยุคก่อนๆแล้ว

เมื่อช่วงผบ.ทบ. คนที่แล้ว มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งรับเรื่องมาจากบริษัทฝรั่ง มาติดต่อขอซื้อปืนเหล่านี้ โดยแลกกับปืนไรเฟิลโจมตีสมัยใหม่ ในจำนวนที่คุ้มค่า(หากคิดเป็นเงิน) .................. แต่ ผบ.ท่านปฎิเสธ และให้นโยบายในการเก็บรักษาอาวุธเก่าเหล่านี้ไว้ต่อไป ..............

พี่บุญโชคดีแล้วครับที่ได้ปืนกระบอกนี้มา ................เพราะปัจจุบันไม่มีทางแล้วที่บริษัทฝรั่งจะได้ปืนเหล่านี้ไปจากกองทัพอีก


     ชื่นใจที่ได้ยินเช่นนี้ครับ

     เรียนถามผู้การเพิ่มเติมอีกนิดครับว่า คาร์บิน(.30)ที่เราปลดประจำการแล้ว ได้มอบให้ สปป.ลาว แบบเป็นการช่วยเหลือทางทหารจริงเท็จประการใดครับ  ::014::

     


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: jomcz ที่ มีนาคม 17, 2012, 02:59:58 PM
 ::014:: เป็นสิ่งที่ควรเก็บรักษาไว้มากๆ ครับ..


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 17, 2012, 03:10:32 PM
ยังมีปืนเหล่านี้ทั้ง รศ.121 ปลย.83 ปลย.83/ด.88 ฯลฯ ของกองทัพไทยในอดีต สภาพดีๆสวยๆ ..............อยู่ในคลังอีกพอสมควรครับ ....................และคงไม่ได้ถูกขายทอดตลาดเหมือนยุคก่อนๆแล้ว

เมื่อช่วงผบ.ทบ. คนที่แล้ว มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งรับเรื่องมาจากบริษัทฝรั่ง มาติดต่อขอซื้อปืนเหล่านี้ โดยแลกกับปืนไรเฟิลโจมตีสมัยใหม่ ในจำนวนที่คุ้มค่า(หากคิดเป็นเงิน) .................. แต่ ผบ.ท่านปฎิเสธ และให้นโยบายในการเก็บรักษาอาวุธเก่าเหล่านี้ไว้ต่อไป ..............

พี่บุญโชคดีแล้วครับที่ได้ปืนกระบอกนี้มา ................เพราะปัจจุบันไม่มีทางแล้วที่บริษัทฝรั่งจะได้ปืนเหล่านี้ไปจากกองทัพอีก


     ชื่นใจที่ได้ยินเช่นนี้ครับ

     เรียนถามผู้การเพิ่มเติมอีกนิดครับว่า คาร์บิน(.30)ที่เราปลดประจำการแล้ว ได้มอบให้ สปป.ลาว แบบเป็นการช่วยเหลือทางทหารจริงเท็จประการใดครับ  ::014::     

คงไม่ใช่ครับ
ทราบว่ามอบให้กรมการปกครองกับกรมราชทัณฑ์  และปัจจุบันก็ส่งคืนกลับมาแล้ว  เพราะเขาจะซื้อปืนใหม่
ส่วนที่มอบให้ลาว  อาจจะเป็นช่วงสงครามกลางเมืองในลาว  ตอนนั้นค่อนข้างมั่ว  อาวุธบางประเภทอย่างเช่นเครื่องบิน T28  วันเดียวพ่นสีธง 3 ชาติก็มี  ตอนเช้าบินมาลงอุดร  เปลี่ยนเครื่องหมายจากอเมริกันเป็นไทย  พอตอนบ่าย เปลี่ยนเป็นลาว บินไปลงล่องแจ้งซะงั้น


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: OO BUCK ที่ มีนาคม 17, 2012, 03:34:55 PM


     ขอบคุณผู้การที่ไขข้อข้องใจให้ครับ  ::014::

     หลงเสียดายมาตั้งนาน  :D :D :D


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: UNFINISHED ที่ มีนาคม 17, 2012, 07:14:19 PM
เป็นที่น่าภาคภูมิใจของลูกหลานครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙ ที่ มีนาคม 17, 2012, 07:15:30 PM
ปืนประวัติศาสตร์มีคุณค่าครับ  หลักฐานว่าบรรพกษัตริย์ของเรารักแผ่นดินไทยขนาดไหน

เทียบกับตอม่อข้างถนนวิภาวดี ที่เป็นหลักฐานความรักชาติของนักการเมืองยุคนี้ดูซิ...


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙ ที่ มีนาคม 17, 2012, 07:18:25 PM
ยังมีปืนเหล่านี้ทั้ง รศ.121 ปลย.83 ปลย.83/ด.88 ฯลฯ ของกองทัพไทยในอดีต สภาพดีๆสวยๆ ..............อยู่ในคลังอีกพอสมควรครับ ....................และคงไม่ได้ถูกขายทอดตลาดเหมือนยุคก่อนๆแล้ว

เมื่อช่วงผบ.ทบ. คนที่แล้ว มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งรับเรื่องมาจากบริษัทฝรั่ง มาติดต่อขอซื้อปืนเหล่านี้ โดยแลกกับปืนไรเฟิลโจมตีสมัยใหม่ ในจำนวนที่คุ้มค่า(หากคิดเป็นเงิน) .................. แต่ ผบ.ท่านปฎิเสธ และให้นโยบายในการเก็บรักษาอาวุธเก่าเหล่านี้ไว้ต่อไป ..............

พี่บุญโชคดีแล้วครับที่ได้ปืนกระบอกนี้มา ................เพราะปัจจุบันไม่มีทางแล้วที่บริษัทฝรั่งจะได้ปืนเหล่านี้ไปจากกองทัพอีก

ผมเข้ารับราชการทันได้เห็นการขายปืนชุดนี้  เล่นใช้รถฟอร์คลิฟท์ตักใส่ลังเหมือนขายเศษเหล็ก  คนรักปืนมองดูน้ำตาร่วงไปตาม ๆ กัน

ถ้าเป็นสวิส เขาให้สิทธิ์ "นักสะสมปืน" ในประเทศซื้อก่อนครับ ราคาชั่งกิโลนี่แหละ เพื่อนสวิสมันเคยบอกว่า กก.ละ ประมาณ 40 ดอลล่าร์     นักสะสมปืนเขามีใบอนุญาตพิเศษให้   ซื้อแต่ละครั้งต้องเก็บอย่างน้อยห้าปืถึงขายได้ (เหมือนปืนโครงการเลยแฮะ)


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙ ที่ มีนาคม 17, 2012, 07:22:34 PM
มีคำถามครับพี่บุญ  ว่า ฝรั่งเมื่อเห็นเลขไทย แล้ว เขาพอจะเดาออกไหมครับว่า เป็นเลขอะไรเมื่อเทียบกับเลขอารบิก

เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ตอนผมเฝ้าร้านปืนอยู่ที่แอตแลนต้า มีลูกค้านำปืนรุ่นนี้เข้ามาขอข้อมูลครับ  ผมนั่งแปลตัวเลขและปี ร.ศ., พ.ศ. เป็น ค.ศ. ให้ไป  กระบอกนั้นเจ้าของเดิมดัดแปลงเป็น .45-70 แล้ว


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Yut64 ที่ มีนาคม 19, 2012, 02:12:16 PM
น่าจะให้สิทธิผู้ที่ได้เคยเป็นทหารประจำการซื้อไว้ออกไปป.4 เพื่อเก็บก็ได้ อยากได้ ปลยบ.88 น่ะ
ตอนี้ยังมีคลิปเปล่าเหลืออยู่


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มีนาคม 19, 2012, 02:25:31 PM
และแล้วไม้พลองปรามนักเลงหัวไม้ของเสด็จพ่อร.5  ก็ได้กลับสู่มือลูกหลานคนไทยอีกครั้ง ผมตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกครับ

ปล.พี่บุญคงพอจะมีของดีไว้คุ้มตัวบ้างกระมังครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2012, 02:32:36 PM
พี่บุญตรวจรังเพลิงด้วยนะครับว่าเป็น 50 มม.หรือ 52 มม.
รอดู หน้าทดสอบของพี่ ครั้งต่อไปนะครับ  ::014::

ลูกยังน่าจะพอหาได้ที่ เมกานะครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ninja 19 + รักในหลวง + ที่ มีนาคม 19, 2012, 03:13:23 PM


.......... :VOV:  เคยเห็นลงในนิตยสารของฝรั่งเหมือนกัน   ดีใจด้วยครับพี่บุญ ได้ครอบครองปืนที่ทรงคุณค่าสูงยิ่ง   ::002:: ::002:: ::002::



หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ครูดำ ที่ มีนาคม 19, 2012, 04:01:44 PM
ยินดีด้วยครับพี่บุญ   ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2012, 06:35:54 PM
พี่บุญตรวจรังเพลิงด้วยนะครับว่าเป็น 50 มม.หรือ 52 มม.
รอดู หน้าทดสอบของพี่ ครั้งต่อไปนะครับ  ::014::

ลูกยังน่าจะพอหาได้ที่ เมกานะครับ

เมกา ไม่มีหรอก  แต่ที่เมืองไทย 8x52 ยังพอหาได้


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2012, 06:42:28 PM
พี่บุญตรวจรังเพลิงด้วยนะครับว่าเป็น 50 มม.หรือ 52 มม.
รอดู หน้าทดสอบของพี่ ครั้งต่อไปนะครับ  ::014::

ลูกยังน่าจะพอหาได้ที่ เมกานะครับ

เมกา ไม่มีหรอก  แต่ที่เมืองไทย 8x52 ยังพอหาได้
งั้นเราพอมีปืนมาทดสอบมั้ยครับพี่  :VOV: ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Half cock ที่ มีนาคม 19, 2012, 06:47:45 PM
ทรงคุณค่า ที่ประเมินเป็นราคามิได้เลย ยินดีด้วยครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2012, 06:48:07 PM
พี่บุญตรวจรังเพลิงด้วยนะครับว่าเป็น 50 มม.หรือ 52 มม.
รอดู หน้าทดสอบของพี่ ครั้งต่อไปนะครับ  ::014::

ลูกยังน่าจะพอหาได้ที่ เมกานะครับ

เมกา ไม่มีหรอก  แต่ที่เมืองไทย 8x52 ยังพอหาได้
งั้นเราพอมีปืนมาทดสอบมั้ยครับพี่  :VOV: ::014::

ตัวแบบของพี่บุญ ออกจะหายาก   แต่ถ้าเป็น ปลย.66 อันนี้มีเยอะแยะ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มีนาคม 19, 2012, 08:20:58 PM
http://www.buffaloarms.com/Detail.aspx?PROD=157877&CAT=3829

http://www.buffaloarms.com/Detail.aspx?PROD=157877&CAT=3829
 ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2012, 09:07:35 PM
มีคำถามครับพี่บุญ  ว่า ฝรั่งเมื่อเห็นเลขไทย แล้ว เขาพอจะเดาออกไหมครับว่า เป็นเลขอะไรเมื่อเทียบกับเลขอารบิก


เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ตอนผมเฝ้าร้านปืนอยู่ที่แอตแลนต้า มีลูกค้านำปืนรุ่นนี้เข้ามาขอข้อมูลครับ  ผมนั่งแปลตัวเลขและปี ร.ศ., พ.ศ. เป็น ค.ศ. ให้ไป  กระบอกนั้นเจ้าของเดิมดัดแปลงเป็น .45-70 แล้ว
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 19, 2012, 10:23:31 PM
พี่บุญตรวจรังเพลิงด้วยนะครับว่าเป็น 50 มม.หรือ 52 มม.
รอดู หน้าทดสอบของพี่ ครั้งต่อไปนะครับ  ::014::

ลูกยังน่าจะพอหาได้ที่ เมกานะครับ

เมกา ไม่มีหรอก  แต่ที่เมืองไทย 8x52 ยังพอหาได้

เอาปลอก 8 มม มาลิเคอร์ มาดัดแปลงพอได้หรือเปล่า   แล้วชองไพร์เมอร์ คนละขนาดกะที่นิยมใช้ในปัจจุบันด้วยใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ มีนาคม 19, 2012, 11:10:56 PM
http://www.qual-cart.com/catalog.pdf


 ::014:: ::014:: ::014:: พี่บุญครับสั่งที่นี้ครับ ::014:: ::014::อันนี้ปลอกนะครับพี่


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 20, 2012, 06:42:43 AM
ฝรั่งเขาว่าสยามเมาเซอร์ เป็นปืนระบบลูกเลื่อนทางทหารที่แข็งแรงมากที่สุดกระบอกหนึ่งทีเดียวเชียว ::014::
http://www.gunsmagazine.com/the-siamese-mauser/

(http://vps5530.inmotionhosting.com/~gunsma5/guns/wp-content/uploads/2011/11/SL-0112-1-2-172x172.jpg)
The Siamese Mauser
This Japanese-Built Rifle Is One Of The Stronger Military Bolt Actions Ever Made
 
My introduction to the Siamese Mauser was a comical calamity. In September, 1975, CBS television, with Dan Rather as narrator no less, aired a vicious, anti-hunting program called The Guns of Autumn. So immediate and strong were the protests from the hunting community, CBS caved to the pressure and immediately began filming what was to be a pro-hunting sequel titled, Echoes of the Guns of Autumn.
 
Working for the state Conservation Department at the time, I was elected to go on film with CBS to tell the real story of modern sport hunting. Everything was going along fine on the morning of the filming at our local rod and gun club, that is, until a good friend asked if I would like to step over to the rifle range and try out his new Siamese Mauser rebarreled in .45-70. CBS was still setting up so how could I resist!
 
The setting was impressive that morning. CBS semis parked all over the club grounds, cables strung here and there, cameras, light stands and reflectors being set in place, a million minions running around doing their thing and so, dressed in my mandatory and immaculate red checkered shirt and pressed jeans, I sat down at the bench and loaded the Siamese sporter, topped with a steel, Weaver K-4 scope.
 
Dressed Up
 
I paid no attention to the load. I was thinking about what I was going to say on national television in a few minutes. The .45-70 load turned out to be a 500-grain clone of the .458 Win Mag, and when it was torched off, that Weaver scope slammed back and opened up my right eyebrow like a can of tuna.
 
Now, I admit to having had a “Weatherby eye” before, but there was something really special about the foreshortened mounting distance of the bell of that K4 combined with that little atomic bomb of a handload, because suddenly there was blood everywhere. Fortunately, the CBS crew was so focused on their work they didn’t catch me making a mad dash for the club house to bury my head in the old, red Coke cooler filled with 5-pound blocks of ice.
 
Three-quarters of an hour later, the swelling was under control and with the help of a woman’s make-up kit, I pulled off my debut on CBS without a hitch; however, ever since that memorable day, I’ve had the utmost respect for Siamese Mausers.
 



หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 20, 2012, 06:46:03 AM
 ::014::ขอบคุณ ท่านผู้การสุพินท์ ท่านอาจารย์ผณิศวร และเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่านครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 24, 2012, 01:32:03 PM
วันนี้นำปืนมาถอดออกเพื่อดูชิ้นส่วนภายในและทำความสะอาด
(http://img37.imageshack.us/img37/6933/imgp0732f.jpg)
ชิ้นส่วนภายในสกปรกและมีสนิมในหลายๆจุด
(http://)
.
(http://img259.imageshack.us/img259/9412/imgp0733i.jpg)

(http://img18.imageshack.us/img18/7843/imgp0735h.jpg)
ชิ้นส่วนบางชิ้นปั้มเป็นเลขฝรั่ง
(http://img40.imageshack.us/img40/6735/imgp0737t.jpg)
ชิ้นส่วนไม่ปั้มเป็นเลขไทย
(http://img11.imageshack.us/img11/926/imgp0738c.jpg)
.บางจุดเขียนด้วยดินสอเป็นภาษาไทย อ่านได้ไม่ชัดเจน ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวย่อ หรือชื่อคน
(http://img19.imageshack.us/img19/5817/imgp0739b.jpg)
เลข๑๔ไทยเขียนด้วยดินสอ
(http://img26.imageshack.us/img26/504/imgp0740t.jpg)
แผ่นรองแมกกาซินปั้มเลข๒๖ไทย
(http://img42.imageshack.us/img42/4030/imgp0742r.jpg)


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ มีนาคม 24, 2012, 01:39:09 PM
ขอบคุณพี่บุญครับ... ถ่ายรูปแบบเอาไปลง National Geographic ได้เลยครับ...


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: OOPUGOO ที่ มีนาคม 24, 2012, 02:40:47 PM


     ถามพี่บุญหรือท่านที่ทราบหน่อยครับว่า.....

     เหล็กช่องแม็กกาซีนดูเหมือนเป็นชิ้นเดียวกับโก่รงไกใช่หรือเปล่าครับ

     กรรมวิธีการผลิตสมัยนั้น(น่าจะร้อยปีนิดๆ) ตัดแต่งขึ้นรูปจากเหล็กแท่งโตๆหรือเปล่าครับ

     ดูต่างกับชิ้นส่วนปืนยุคหลังๆ  ที่ออกแบบให้ผลิตได้ง่าย ต้นทุนต่ำ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 24, 2012, 04:11:22 PM
http://www.buffaloarms.com/Detail.aspx?PROD=157877&CAT=3829

http://www.buffaloarms.com/Detail.aspx?PROD=157877&CAT=3829
 ::014:: ::014:: ::014::
::014::ขอบคุณท่านคุณช่างมากครับ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่ยิง วันนี้ถอดปืนเพื่อทำความสะอาด จับแล้วน่าลองเป็นอย่างยิง
ถ้าหาอุปกรณ์การอัดได้ไม่ยากนัก คงต้องลองยิงแน่นอน


     ถามพี่บุญหรือท่านที่ทราบหน่อยครับว่า.....

     เหล็กช่องแม็กกาซีนดูเหมือนเป็นชิ้นเดียวกับโก่รงไกใช่หรือเปล่าครับ

     กรรมวิธีการผลิตสมัยนั้น(น่าจะร้อยปีนิดๆ) ตัดแต่งขึ้นรูปจากเหล็กแท่งโตๆหรือเปล่าครับ

     ดูต่างกับชิ้นส่วนปืนยุคหลังๆ  ที่ออกแบบให้ผลิตได้ง่าย ต้นทุนต่ำ

ผมเองไม่แน่ใจว่าใช้วิธีการอย่างไรแน่ ขอเวลาล้างทำความสะอาด แล้วจะถ่ายภาพชัดๆมาให้พิจารณาดูกันครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 24, 2012, 04:13:50 PM
ขอบคุณพี่บุญครับ... ถ่ายรูปแบบเอาไปลง National Geographic ได้เลยครับ...
ขอบคุณครับ ::014::
ความดีทั้งหลายต้องยกให้กล้องและเลนส์เพนแทกครับ


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 24, 2012, 04:55:00 PM
ที่ตีเลขไทย  น่าจะทำตอนที่ปืนเข้ามาซ่อมครับ
ปืนชุดนี้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น โดยทางการไทยเป็นผู้ขอใช้สิทธิบัตรจากเมาเซอร์ ประเทศเยอรมัน


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: คนหน้าเขา - รักในหลวง - ที่ มีนาคม 24, 2012, 08:25:09 PM
 ::014:: :D~ :D~ :D~ :VOV: ::014::


หัวข้อ: Re: สยามเมาเซอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 24, 2012, 09:24:29 PM


     ถามพี่บุญหรือท่านที่ทราบหน่อยครับว่า.....

     เหล็กช่องแม็กกาซีนดูเหมือนเป็นชิ้นเดียวกับโก่รงไกใช่หรือเปล่าครับ

     กรรมวิธีการผลิตสมัยนั้น(น่าจะร้อยปีนิดๆ) ตัดแต่งขึ้นรูปจากเหล็กแท่งโตๆหรือเปล่าครับ

     ดูต่างกับชิ้นส่วนปืนยุคหลังๆ  ที่ออกแบบให้ผลิตได้ง่าย ต้นทุนต่ำ

ทำเยอะ ๆ จะใช้ฟอร์จจิ้งร่วมกับแต่งด้วยเครื่องมือคมครับ