เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เมื่อวาน ผมดู ซีรี่ย์ CSI Miami ทางช่อง 7

ในหนังมีกระสุนปืนไรเฟิล 0.223 แบบพิเศษ หัวกระสุนมีปลอกพลาสติกหุ้มเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตรวจเกลียวลำกล้องได้ โดยปลอกพลาสติก  จะหลุดออกจากหัวกระสุนเมื่อกระสุนพ้นจากลำกล้องปืน  และก็บอกว่า เป็นกระสุนที่ถูกกฎหมายอเมริกาอีกด้วย

ชัวร์  หรือ  มั่วนิ่มครับ??

 

รอถามผู้รู้นะครับ

กระสุน "ใส่เกิ๊ยะ" ครับ มาจากคำว่า sabot แปลว่ารองเท้าไม้  แต่ sabot สำหรับหัวกระสุน เป็นพลาสติกครับ

หัวกระสุน .223 หุ้มพลาสติกแล้วใส่ในปลอก .308 หรือ .30-06 ครับ เวลายิงพลาสติกจับเกลียว  แต่เมื่อพ้นปลายลำกล้องแล้วหัวกระสุนมันหนัก จะวิ่งต่อไป  แต่พลาสติกฉีกตัวหลุดอยู่ห่างปลายลำกล้องสัก 4-5 เมตรครับ  คล้ายๆ หมอนของปืนลูกซองน่ะครับ  จุดประสงค์เพื่อให้ปืนที่ใช้กระสุน .30 สามารถยิงหัวกระสุนเล็กๆ เบาๆ ใช้กับสัตว์รบกวนขนาดเล็กได้ด้วย  ไม่ใช่ของใหม่ครับ  มีขายมานานกว่ายี่สิบปีแล้วครับ

คำว่า sabot คือต้นกำเนิดของ sabotage ที่แปลว่า "ก่อวินาศกรรม" คือแกล้งทำให้เสียครับ  สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม คนงานเอารองเท้าไม้ (sabot) โยนเข้าไปในเครื่องจักรให้เครื่องพัง  เพราะเป็นต้นเหตุทำให้พวกเขาตกงาน

โอ่......ความรู้ใหม่ เลยครับขอบคุณครับผม

สุดยอดเลยครับอาจารย์ ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ครับ

(http://tinypic.com/kdpxsp.jpg)

แต่ก่อนมีเรมิงตัน อัดกระสุน .224 ใส่ sabot ลงปลอก .308 เรียกว่า Accelerator แต่เดี๋ยวนี้มีขายให้ซื้อมาอัดเองได้ครับ  และพวกที่ใช้ปืนประจุปาก(เมืองนอก)นิยมกันมาก  ลำกล้อง .50 ใส่หัว .38 เป็นต้น

พอดีผมได้ดูหนังเรื่องนี้
แต่มั่วนิดนึง  ตรงความแม่นยำ  กระสุนแบบนี้ไม่แม่นนัก เพราะเปลือก sabot จะบีบเข้ามารอบด้านอย่างแรงมาก   ต้องใช้กับหัวกระสุนแบบ FMJ BT ที่หุ้มตะกั่วไว้แน่นสักหน่อย   ใช้กับหัวกระสุนแข่งขันไม่ได้   จึงมีความแม่นยำได้เท่าที่หัวกระสุนแบบ FMJ จะทำได้เท่านั้น

และกระสุน sabot ที่ใช้ทางทหารจะหมายถึงกระสุน ปืนรถถัง ขนาด 105 มม.ถึง 120 มม.  เป็นลูกดอกทังสเตนคาไบด์ มีครีบหาง  ลำตัวเคลือบ DU หรือยูเรเนี่ยมเสื่อมสภาพ ขนาด 30-40 มม. หุ้มด้วยเปลือกพลาสติค 3-4 ชิ้น  ระยะยิง 2 กม.วิ่งไม่ถึงวินาที   เป้าจะถูกทำลายเพราะความร้อนหลายหมื่นองศา ที่เกิดขึ้นระหว่างหัวกระสุนเจาะเกราะเข้าไป   ถ้าไม่ตายเพราะความร้อน หรือแรงระเบิดจากความร้อน ก็ตายเพราะควันพิษ หรือไม่ก็เป็นลูคีเมีย หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี

กระสุนเก่า แต่ได้ความรู้ใหม่ และยังมีของเก่าอีกเยอะที่เรายังไม่ทราบ ขอบคุณครับ

เรียกว่ายังไงก็ไม่รอดใช่มั้ยครับ o_o

           กระสุนแบบนี้ มีการทำงานอย่างไรครับ ผมหมายถึง กระสุน 105 มม.ที่ท่านผู้การกล่าวมาข้างบนหน่ะครับ

 ;D

พลอยได้อานิสงฆ์..ขอบคุณคร๊าบบบบบบบ

ขอบคุณมากครับ...สำหรับความรู้

แต่ในหนัง ผมว่าระยะ 650 เหลา ด้วยกระสุน 0.223 มันเกินจริงไปนะครับ

ขอบคุณครับที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยครับ ;)

ขอบคุณสําหรับความรู้ใหม่ครับ

...ไม่ทราบว่าบ้านเรามีกระสุนแบบนี้ขายมั้ยครับ...

 8)ขอบคุณมากๆครับสำหรับความรู้ใหม่ 8)

ความรู้ใหม่ ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ใหม่ๆ

มีแต่กระสุนลูกซอง  ส่วนใหญ่เป็นของเฟเดอรัล ลดลงมาเป็น.50 แต่ยังหนัก 1 ออนซ์
ส่วนของไรเฟิล ผมเคยมีอยู่เหมือนกัน แต่หาไม่เจอแล้ว สงสัยยิงเล่นหมด   ใครฝากพี่บุญ ซื้อของบ่อย ๆ  ช่วยสั่งเปลือกพลาสติค .30-.22  มาสักกล่องซิครับ  จะฝาก รวท.โหลดมายิงให้ดู

ที่นี่ส่งขายทั่วโลกครับ http://www.ammo-one.com/SABOT.html

ขอบคุณมากครับ  ผมได้ความรู้ใหม่ ๆ มากเลยครับ

มีคนแอบโทร.มาถามว่า sabot ออกเสียงอย่างไร
แบบดั้งเดิม  ซา-โบ้ (เน้นพยางค์หลัง)
แบบอเมริกัน  ซ้าบ-บด (เน้นพยางค์หน้า)
sabotage อ่าน ซับ-บ่-ถาจ (เน้นพยางค์หน้า ลากยาวพยางค์หลัง)

เว็ป อวป. จะกลายเป็นภาษาปืนวันละครับหรือเปล่าครับเนี่ย

ภาพกระสุนซาโบ้ของผู้การสุพินท์
(http://tinypic.com/kesnzn.jpg)

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ  สำหรับ เรื่องลับ ที่ไม่ลับ อีกต่อไป   ได้ความรู้ขึ้น อีก  ทั้ง เรื่องปืน และ ภาษา ครับ

อาจารย์ครับ................กระสุนปืนใหญ่รถถังแบบนี้ ชื่อในภาษาราชการยาวเฟื้อยเลยครับ

"กระสุนต่อสู้รถถังความเร็วต้นสูงแบบเจาะเกราะสลัดครอบทิ้งเอง"

นี่ก็ความรู้ใหม่ของผมเหมือนกันครับผู้การ  ถ้าอย่างนั้นเราควรเรียกกระสุนพวกนี้ว่า "กระสุนสลัดครอบ"  ฟังดูดีกว่า "ใส่เกิ๊ยะ" เยอะเลย

มีข้อสงสัยว่า กระสุนแบบ"กระสุนต่อสู้รถถังความเร็วต้นสูงแบบเจาะเกราะสลัดครอบทิ้งเอง" มีระบบการเจาะเกราะอย่างไรครับ มันเกี่ยวอย่างไรกับเรื่องความร้อนอย่างที่ท่านผู้การสุพินท์ กล่าวมาข้างต้นครับ

 :D ขอบคุณครับ เป็นความรู้ใหม่ที่น่าติดตามครับ  ;D

ใส่เกี๊ยะ ฟังดูเหมือนสวมมากกว่าครับอาจารย์........... :D


ขออนุญาตอธิบายแบบคร่าวๆนะครับ...............เพราะหากจะเอาข้อมูลแบบเจ๋งๆ ต้องเปิดตำรากัน

"กระสุนต่อสู้รถถังความเร็วต้นสูงแบบเจาะเกราะสลัดครอบทิ้งเอง"  หัวกระสุนจะทำให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า กว้างปากลำกล้องจริง อย่างที่เห็น.................หัวกระสุนจะมีครีบช่วยการทรงตัว.............ส่วนหัวจะทำด้วยโลหะพิเศษ โดยแกนเป็นทังสเตนคาร์ไบน์ที่มีความแข็งสูงมาก และเคลือบผิวด้วยโลหะอื่นๆ แบบที่พี่สุพินท์กล่าว...............

เมื่อทำการยิง...............กระสุนชนิดนี้จะพ้นปากลำกล้องออกมาด้วยความเร็วที่สูงมาก(ผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่?).......................เมื่อพ้นออกมาสักระยะหนึ่ง ครอบพลาสติคที่หุ้มหัวกระสุน จะสลัดออกด้วยแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง.....................เท่ากับเป็นการละทิ้งมวลสารในกฎโมเมนตัม..............หัวกระสุนจะทวีความเร็วขึ้นอีก2-3 เท่าจากเดิม.................แล้วโคจรเข้าสู้เป้าหมาย  ระยะประมาณ 2 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 วินาที........................

เมื่อกระทบเป้าหมายที่เป็นเกราะ...............หัวกระสุนที่เป็นแกนทังสเตนฯ จะเจาะกระแทกเข้าที่เนื้อเกราะ................แหวกเข้าไปในแผ่นเกราะ..............จากนั้นพลังงานจลน์ที่มหาศาล................จะกลายเป็นพลังงานความร้อนสูงพุ่งเป็นลำเจาะเข้าไปในตัวรถถัง...............

คิดดูก็แล้วกันครับว่า..................แรงโมเมนตัมจากการเจาะกระแทกด้วยความเร็วสูงและแรงความร้อนสูงที่เป็นลำพุ่งเข้าไปในตัวรถ..................ทั้งรถถังและพลประจำจะอยู่ในสภาพเช่นไร :OO

ขอบคุณผู้การ มะขิ่น ครับ อ่านแล้วมองเห็นภาพเลยครับ

ฝรั่งเรียกว่า APFSDS  ประมาณว่า armor piercing fin stability discard sabot อะไรแบบนี้

กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบไม่มีดินระเบิดนะครับอามะขิ่นแต่ จะเป็นกระสุนที่ความเร็วสูงมาก ประมาณ2000- 2500 เมตรต่อวินาที มีพลังงานจลน์สูงมาก และแกนจะเป็นทังเสตนคาร์ไบด์ หรือ u235 เสื่อมสภาพ(u235 จะมีความถ่วงจำเพาะสูงกว่า ตะกั่ว หรือ ทังเสตนคาร์ไบ 1 เท่ากว่าๆ ทำให้สะสมพลังงานจลน์ได้มากกว่าในความเร็วต้นเท่าๆกัน คล้าย กระสุนลูกซองเหล็กกับตะกั่วน่ะครับ ลูกตะกั่วจะมีระยะยิงไกลกว่าและอำนาจหยุดยั้งดีกว่า) แล้วเวลาที่กระสุนกระทบเป้าพลังงานจลน์เมื่อเจอเกราะตามกฏฟิสิกส์เมื่อความเร็วลดลงจะเปลี่ยนพลังงานจลน์เป็นพลังงานความร้อน หลายหมื่นองศาเกราะจะละลายและเกินแรงระเบิดของความร้อน ทำให้เกราะทุกชนิดละลายครับ

ขอบคุณครับ................ผมเองไม่ได้เปิดตำราตอบครับ

.... ความเร็วลดลง ... พลังงานจลน์เปลี่ยนเป็นพลังงานเสียงก็ได้ครับ (ก็รถเบรดดังเอี๊ยดดดดดดดดดดดดด) .... ;D

ผมเห็นว่ากระสุนเจาะเกราะสลัดครอบ ยิงทะลุเกราะรถถังได้ เป็นเพราะใช้โลหะที่แข็งกว่าเกราะมาทำหัวกระสุนครับ (ต้องความเร็วสูงด้วยนะครับ) .... สมมติว่าเกิดมีรถถังที่แปะเกราะ deplete uranium ทั่วตัว ... แล้วโดนยิงด้วยลูกดอกทังสเตน ผมว่าก็แค่ผิว ๆ ครับ

เมื่อโลหะที่แข็งกว่าแทรกตัวเองเข้าไปในเกราะ พลังงานจลน์ที่สะสมมาจากการวิ่งด้วยความเร็วสูง ก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนครับ (ที่บอกมาถูกต้องอยู่แล้ว)  ผมว่าร้อนจนทำให้กระสุนในคลังระเบิดได้เอง ร้อนจนพลประจำรถถังสุก และร้อนจนเกราะที่ดีที่สุดละลาย ..... (คงไม่มีใครบ้าเอา DU มาทำแผ่นเกราะอย่างที่ผมบอกหรอก)

ที่ผู้การมะขิ่นบอกถึง "ภายในบรรจุดินระเบิดแรงสูงแบบ ดินโพรง" ก็เป็นกระสุนเจาะเกราะอีกแบบหนึ่งครับ โดยใช้หลักของ ดร.มอนโรล โดยรวมกระแสการระเบิดของหัวกระสุน ให้เป็นกระแสความร้อนพุ่งไปในทิศทางเดียวกัน (คือพุ่งใส่เกราะ) ทำให้เกราะละลาย .... กระสุนแบบนี้ทำให้เกิดเกราะแบบปฏิกิริยา แบบที่แปะระเบิดไว้รอบรถถัง พอโดนกระสุนพวกนี้เข้าไปก็อาศัยแรงระเบิดช่วยลดกระแสความร้อน .... ทำให้ TOW ต้องพัฒนาเป็น TOW2 ใส่หัวรบสองชุดเสียเลย  :o

ปล .... อวป. ลงเรื่องนี้เป็นชุดใหญ่ไปแล้วครับ คนเขียนบอกว่า ถ้าถามว่าจะใช้อะไรสู้กับรถถังดี (ปืน/จรวด) ... ท่านขอรถถังกับ"กระสุนต่อสู้รถถังความเร็วต้นสูงแบบเจาะเกราะสลัดครอบทิ้งเอง" ครับ ;D ;D ;D

ไหนๆก็ไหนๆแล้วเอาให้ครบไปเลยแล้วกันครับที่พี่ๆโพสท์มาขาดไปอีกแบบครับคือกระสุนแบบกระเทาะเกราะ กระสุนแบบนี้จะไม่เจาะเข้าไปในเป้าหมายแต่จะใช้วิธีกระทบที่ผิวแล้วให้วัตถุระเบิดที่บรรจุมาแบนติดกับผิวเกราะแล้วจุดระเบิดทำให้เกิดแรงกระแทกสูงทำให้ผิวเกราะที่อยู่ด้านในกระเทาะแตกเป็นสะเก็ดเข้าไปทำลายสิ่งที่อยู่ภายในเอง วิธีป้องกันคือใส่เกราะแบบ Active ที่สามารถส่งแรงระเบิดสวนออกมาได้

โอ๊ว.... ความรู้ใหม่ครับ ขอบคุณทุกท่านครับ  ขออนุญาต เจ้าของกระทู้ ถามต่อนะครับ ว่าเกราะแบบปฏิกิริยา มันคืออะไรครับท่านjakrit ช่วยอธิบายเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ มีภาพประกอบด้วยจะขอบพระคุณมากครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆครับ.....

เกราะแบบ Active หรือเกราะปฏิกิริยา เป็นเกราะที่สามารถระเบิดออกไปด้านนอกเพื่อทอนหรือเบี่ยงเบนแรงประทะของกระสุนปืนที่ยิงมาใช้ได้ผลกับหัวรบแบบดินโพรงกับแบบกระเทาะเกราะแต่ไม่ค่อยได้เรื่องเมื่อเจอกับกระสุนลูกดอกยูเรเนียมเนื่องจากมีความเร็วและมวลความหนาแน่นสูงมาก รูปถาพคงต้องรอพี่ๆท่านอื่นครับ

เจอแล้วครับเป็น T-72S MAIN BATTLE TANK, RUSSIA/UKRAINE  ติดเกราะปฏิกิริยา (explosive reactive armour)ที่เห็นเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆติดอยู่รอบคันนั่นแหละครับ(http://www.army-technology.com/projects/t72/images/t-72_3.jpg)(http://www.army-technology.com/projects/t72/images/t-72_1.jpg) ;D ;D

อันนี้เป็นแท่นยิงพร้อมลูก The TOW 2 system launcher features schematic
(http://www.army-technology.com/projects/tow/images/tow3.jpg)

The TOW 2A missile
(http://www.army-technology.com/projects/tow/images/tow5.jpg)  

The TOW 2B  
(http://www.army-technology.com/projects/tow/images/tow6.jpg)

ถ้าสงสัยว่าหัวรบดินโพรงหน้าตาเป็นไงก็ดูรูป TOW 2A missile

.....................ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณขอรับ......................

 :D คิดว่าตอบว่า เลือกปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 120 ม.ม. เสียอีกคับ...  :D

ความรู้เพียบครับ ขอบคุณครับ

บ้านเรา...............มีกระสุนกระเทาะเกราะใช้ใน ปืนใหญ่รถถังความเร็วต้นต่ำ ขนาด 76 มม. ของ ถ.เบา สกอร์เปี้ยนครับ...............

ส่วนกระสุนต่อสู้รถถังระเบิดแรงสูง.............มีใช้ในปืนใหญ่รถถัง(ปถ.) ความเร็วต้นสูงขนาด 76 มม. ของ ถ.เอ็ม 41  ขนาด 105 มม. ใน ถ.M48A5  ถ.M60A3 ถ.เบาสตริงเรย์.................และในปถ.ความเร็วต้นปานกลางของ ร๔เกราะ V-150 ........

ส่วน APFSDS มีใน ปถ.ความเร็วต้นสูง ขนาด 105 มม...........

ยังมีกระสุนมหาโหด APER (Anti Personal) .................หัวกระสุน บรรจุวัตถุระเบิดแรงสูงและลูกดอกพลาสติคขนาดและลักษณะคล้ายๆเมล็ดสะตอ..............ติดชนวนถ่วงเวลาแบบตั้งระยะ..................ใช้สำหรับยิงทหารราบในที่โล่ง ที่เป็นกลุ่มก้อน.................ด้วยการตั้งระยะที่ชนวนหัวกระสุน(เวลาโคจร)ว่าให้แตกออกพ้นปากลำกล้องไปแล้วกี่เมตร......................พอยิงใส่ทหารราบ หัวกระสุนวิ่งออกพ้นปากลำกล้องเข้าหา พอได้ระยะ(เวลาที่ตั้งไว้)..................ก็ระเบิดตัวออก สาดเม็ดลูกปลายพลาสติคขนาดใหญ่ออกไปข้างหน้า........................ถือว่าเป็นลูกซองขนาดยักษ์เหมือนกัน

 :o :o :o

คุณjakrit ครับ ผมไม่แน่ใจว่า du นี่ ที่เอามาทำแกนกระสุนเจาะเกราะสลัดครอบนี่เพราะความถ่วงจำเพาะสูงทำให้สะสมพลังงานจลน์ได้มากเพียงอย่างเดียว(เหตุผลเดียวกับที่ใช้ตะกั่วทำหัวกระสุนทั้งๆที่เหล็กมีความแข็งมากกว่าตะกั่ว)หรือ ว่ามีความแข็งแกร่งสูงด้วย ใครทราบรบกวนขอข้อมูลด้วยครับ

เรื่อง du น่าจะถ้าคุณ "ดุลจักร" เพราะเป็นคนเขียนซีรีย์ ;) และที่สังเกตุในบอร์ด เรื่องเกี่ยวกับโลหะก็มีคุณโจที่ความรู้แน่นมาก ;D

พลังงานจลน์ เกิดจากการเคลื่อนที่ครับ ถ้าบอกเป็นสูตรก็คือ 0.5 x มวล x ความเร็วยกกำลังสอง .... แสดงว่าความเร็วยิ่งมาก พลังงานจลน์ยิ่งมากขึ้นครับ (เพิ่มมวล พลังงานเพิ่งเชิงเลขคณิต ... เพิ่มความเร็ว พลังงานเพิ่มเชิงเรขาคณิต)

เรื่องหัวกระสุนตะกั่ว ผมว่าเป็นเพราะตะกั่วหาง่าย ขึ้นรูปได้ง่าย และความแข็งน้อยกว่าเหล็กลำกล้องปืนครับ  พอกระสุนความเร็วสูงขึ้น จึงต้องหาวัสดุอื่นมาหุ้ม (ทองแดง) เพื่อไม่ให้ตะกั่วละลายติดเกลียว ....

จริง ๆ หัวกระสุนน่าจะเรียกเป็นอัลลอยนะครับ คงไม่มีใครใช้ตะกั่วเพียว ๆ มาทำ (โรงงาน Titanium ใช้ตะกั่ว + พลวง + ดีบุก ตั้ง ๓ สูตร เพื่อหล่อหัวกระสุนขนาดต่าง ๆ)  อีกทั้งลูกดอกทังสเตน ผมก็ว่าน่าจะมีการผสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการเช่นกัน ..... งานนี้ใครเป็นนักโลหะวิทยาช่วยเผยแพร่ความรู้หน่อยครับ ;D

การที่ใช้ตะกั่วอัลลอยทำหัวกระสุนนอกจากขึ้นรูปง่ายแล้วยังเนื่องจาก ตะกั่วมีค่า ถพ.สูงกว่าเหล็กทำให้สะสมพลังงานไว้ได้มากกว่า ทำให้กระสุนที่ใช้ตะกั่วทำมีค่าBallisticCoefficient ที่สูง ในความเร็วต้นเท่ากันตะกั่วจะมีอัตราลดของความเร็วน้อยกว่าเหล็ก ทำให้กระสุนตะกั่วยิงได้ไกลและมีอำนาจทำลายและพลังงานมากกว่ากระสุนเหล็ก 
คาไบด์ คือ การที่เอาผงเกรนของเหล็กที่มีคาร์บอนสูงใน%ที่มากๆ (เหล็กที่มีคาร์บอนสูงจะมีความแข็งสูงมากๆ เรียกคาร์ไบด์แต่มีธาตุพื้นฐานคือเหล็ก) มาขึ้นรูปด้วยวิธีการซินเตอร์ริ่ง คือการเอาผงคาร์ไบด์มาผสมกับสารที่ให้คุณสมบัติยึดเกาะ ให้ความร้อนแล้วอัดให้ขึ้นเป็นรูปร่าง
แต่ทังเสตนคาร์ไบด์ น่าจะเป็นคาร์ไบด์ที่ผสมทังเสตนเป็นตัวยึดเกาะผงเกรนคาร์ไบด์หรือเปล่าอันนี้ผมไม่แน่ใจครับต้องรอผู้รู้มาช่วยตอบ

Ballistic Coefficient นี่หามาอย่างไรครับ ... (ไม่ทราบจริง ๆ) ... แล้วค่า ถพ. นี่เป็นปัจจัยในการคำนวณ B.C. ด้วยหรือ ... ผมนึกว่าขึ้นกับรูปร่างของหัวกระสุนเสียอีก

กระสุนที่หนักกว่าจะมีโมเมนตัมมากกว่า (ถ้าให้ความเร็วเท่ากัน) .... คือเคลื่อนที่ได้ดีกว่า ..... (หรือเปล่า ???)

ผมขอถามหน่อยครับ (อาจใช้คำพูดไม่ถูกต้อง) เวลาผู้บังคับการรถถังสั่งให้ พลยิงกระสุน "กระสุนต่อสู้รถถังความเร็วต้นสูงแบบเจาะเกราะสลัดครอบทิ้งเอง"  เขาจะสั่งอย่างไรครับ ผมเห็นว่าชื่อมันยาว กว่าจะสั่งเสร็จฝั่งตรงข้ามก็หายไปแล้ว (ไม่รู้จริงๆครับ) :~)

อืมมมมมมม................ผมไม่ได้เป็นทหารม้าเสียด้วยสิ...............แต่เคยรับการฝึกเป็นพลยิงและพลบรรจุ ใน ถ.M-41 .............

ผบ.รถถัง จะสั่งพลบรรจุ(เท่าที่จำได้)ว่า................

กระสุน HEAT สั่งว่า พลยิง.............กระสุนต่อสู้รถถังระเบิดแรงสูง บรรจุ!!!!!!!!!

กระสุน APER สั่งว่า พลยิง กระสุนเอเป้อ ตั้งระยะ 200  บรรจุ..........

กระสุนแบบที่ถาม  ผมได้ยินว่า พลยิง กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบทิ้งเอง บรรจุ

ร้องบอกพลยิงซึ่งระหว่างนี้ พลยิงจะร้องบอกทวนคำสั่งด้วย......... แต่พลบรรจุเป็นคนหยิบกระสุนจากคลัง โหลดใส่รังเพลิงปืนครับ..................ทั้งนี้เพื่อให้ทราบกันทั้งรถว่า นัดต่อไปเป็นกระสุนอะไร?................ที่เห็นมาพลบรรจุก็บรรจุทันทุกทีครับ

เล่าตามที่เห็นมา

ถพ.และรูปทรงเกี่ยวกับ bc ครับ เพราะ แรงต้านอากาศ ถ้ากระสุนรูปทรงเดียวกันหน้าตัวเท่ากัน ก็จะมีแรงต้านที่กระทำต่อกระสุนในอัตราคงที่เท่ากัน แต่กระสุนที่มี ถพ. สูงจะมีพลังงานจลน์สะสมไว้มากกว่า  และแรงต้านเป็นvector ในทิศตรงข้ามกับการโคจรของหัวกระสุนมีค่าคงที่ มวลที่มีพลังงานจลน์มากกว่าจะสูญเสียพลังงานจลน์จากแรงต้านในอัตราที่เท่ากับมวล ที่พลังงานจลน์น้อยกว่า แต่คิดเป็น % แล้ว มวลที่มีถพ.มากกว่าจะ สูญเสียพลังงานในอัตราที่น้อยกว่า ทำให้สูญเสียอัตราเร็วและอัตราตกแนวดิ่งของหัวกระสุนน้อยกว่าครับ

 ::)  ความเร็ว   ๒  กม./ วินาที     เท่ากับ    ๖๕๑๖.๖๗๙๗  ฟุต/วินาที   หรือความเร็ว  ๖.๕ มัค

     

ขอบคุณท่าน Iron ครับ
สงสัยต่อ ... ถ้ารูปร่างเหมือนกันเป๊ะ แต่ นน. ต่างกันเพราะวัสดุที่หล่อกระสุนต่างกัน (แต่วัสดุเปลือกเหมือนกัน) ค่า BC จะต่างกันไหมครับ


ท่าน narcissus หมายความว่ากระสุนที่หนักกว่า รักษาความเร็วได้ดีกว่าใช่ไหมครับ  :)

ผมเห็นว่า (หลับตาจินตนาการตามที่ถนัด) สมมติกระสุนลูกดอก ๒ ลูกมี BC เท่ากัน (เพราะรูปร่างเหมือนกันทุกประการ) แต่ นน. ต่างกัน เพราะลูกหนึ่งมีแร่หลักคือ W ส่วนอีกลูกหนึ่งมีแร่หลักคือ U (แร่ U หนักกว่าแร่ W หลาย ๆ) เปลือกหุ้มลูกดอกเป็นวัสดุเดียวกัน สมมติเป็น Cu (ของจริงคงไม่ต้องหุ้ม) ... ยิงออกไปด้วยความเร็วเท่า ๆ กัน สัก ๖.๕ เท่าเสียง  ;D ;D

แรงจากการเผาไหม้ของดินปืน และดันกระสุนให้ออกจากปากลำกล้อง ไม่ได้เป็นแรงเกาะติด (ไปกับกระสุน) ทำให้กระสุนทั้งสองเหมือนออกวิ่งจากปากลำกล้องด้วยความเร็วเท่า ๆ กัน ก็จะต้องวิ่งออกไปด้วยความหน่วงเหมือน ๆ กัน .... ความหน่วงที่ว่ามาจากแรงเสียดทานซึ่งหลัก ๆ คงมาจากแรงต้านอากาศ

สมัยเด็กจำได้ว่า แรงเสียดทานเป็นแรงที่มีค่าแปรตามสัมประสิทธิ์ของแรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวที่สัมผัสกัน และขึ้นกับแรงที่กระทำต่อวัตถุ

แต่กระสุนมันวิ่งโดยไม่มีแรงเกาะติด ดังนั้นแรงเสียดทานที่คำนวณก็น่าจะมาจากแรงที่วัตถุวิ่งไปด้วยความหน่วงนั่นเอง ...  ??? ??? งงหรือยังครับ ... คือผมหมายถึงมันก็วิ่งไปข้างหน้าโดยมีแรงต้านอากาศนั่นเอง

แต่เนื่องจากแรงเสียดทานไม่ได้ขึ้นกับน้ำหนัก ผมจึงเห็นว่าความเร็วที่ลดลงน่าจะใกล้เคียงกัน  ;) แปลว่าเมื่อเข้ากระทบเป้า ลูกดอกทั้งสองก็น่าจะมีความเร็วใกล้เคียงกัน ...

เนื่องจากพลังงานจลน์เป็นค่าที่แปรตามมวล และความเร็ว  ;D ;D ดังนั้น ลูกดอกที่มีมวลมากกว่าจึงมีพลังงานจลน์มากกว่า และเมื่อกระทบเป้า (ตามกฏการอนุรักษ์พลังงาน) พลังงานจลน์ก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานกล/ความร้อน/แสง/เสียง ทำลายเป้าหมายได้ดีกว่า  ;D ;D ;D

เรื่องแรงที่กระทำตามแนวดิ่ง ดึงกระสุนให้ตกลงบนพื้นโลก ผมเห็นว่าไม่น่าสนใจเท่าไร เพราะถ้าปืนกินต่ำ ก็หมุนศูนย์หลังชดเชยได้ครับ  :DD :DD :DD

สรุปก็คือเห็นเหมือนกันอยู่ดี  :<<

เคยดูในสารคดี UBC ผบ.จะสั่งสั้นๆครับเช่นเจอเป้าสั่ง
sabot ...ยิง
 HEAT...ยิง

ตามความเข้าใจของผมนะครับ... ที่เขาใช้ยูเรเนียมเสื่อมสภาพมาเคลือบไว้... น่าจะเป็นเพราะค่าความถ่วงจำเพาะที่สูงกว่าอย่างอื่น... ทำให้กระสุนมีมวลเพิ่มมากขึ้น... โดยที่มีรูปร่างเท่าเดิม... พลังงานจลที่เกิดขึ้นจากการกระทบเป้าก็จะสูงตามไปด้วย... ในคาลิเบอร์ที่เท่ากันกระสุนหัวหนัก ย่อมจะมีพลังงานสูงกว่ากระสุนหัวเบาและสูญเสียพลังงานจากแรงเฉื่อย(แรงต้านจากอากาศ)ได้น้อยกว่าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็ดูรถสิบล้อครับ... สมมุติว่ารุ่นเดียวกันสองคัน...คันนึงบรรทุกหินมาเต็มอัตรา อีกคันเป็นรถปล่า... วิ่งมาด้วยความเร็วเท่าๆ กัน... แล้วเบรคพร้อมกัน... คันที่บรรทุกหินจะใช้ระยะทางมากกว่าครับ... ถ้าชนอะไรก็แหลกครับ... รถเปล่าใช้ระยะทางน้อยกว่าครับ

แรงเสียดทานเป็นแรงที่มีค่าแปรตามสัมประสิทธิ์ของแรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวที่สัมผัสกัน และขึ้นกับแรงที่กระทำต่อวัตถุ

แต่กระสุนมันวิ่งโดยไม่มีแรงเกาะติด ดังนั้นแรงเสียดทานที่คำนวณก็น่าจะมาจากแรงที่วัตถุวิ่งไปด้วยความหน่วงนั่นเอง ...    งงหรือยังครับ ... คือผมหมายถึงมันก็วิ่งไปข้างหน้าโดยมีแรงต้านอากาศนั่นเอง
ถูกแล้วครับแรงต้านจากอากาศเท่ากัน ถ้ากระสุนรูปทรงเดียวกัน ระหว่างแกนทังเสตนคาร์ไบด์กับ uranium สมมุติว่าน้ำหนักต่างกันสามเท่า  แรงต้านอากาศที่ความเร็ว 2000 เมตร=1000 จูล/m น้ำหนังลูกดอกเหล็กให้เป็น 10 kg]] ursanium 30 kg ความเร็วต้นเท่ากันคือ 2000 m/sec
p=1/2mvv
 pเหล็ก=1/2x10x 2000x2000=20,000,000 จูล -แรงต้าน 1000 =1/2x10xvxv
vของลูกดอกทังเสตนเมื่อเคลื่อนที่ไปได้ 1 เมตร เท่ากับรูทของ (19,999,000)x0.2
puranium= 1/2x30x2000x2000=60,000,000 จูล-แรงต้าน1000
vของ ลูกดอกUraniumเมื่อเคลื่อนที่ไปได้ 1 เมตร เท่ากับรูทของ (59,999,000)/15
อัตราลดของความเร็วกระสุนที่ถพ.ต่างกัน จะลดลงต่างกันครับ

แล้วกระสุนอย่างนี้มีด้วยหรือเปล่าครับ ที่เป็นข่าวเมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว ที่ทาง tiwan ประท้วงอเมริกา ที่ใช้เกาะแห่งหนึ่งของ tiwan เป็นที่ทดลองยิงกระสุนที่มีสารกัมมันตภาพรังสีผสมอยู่ โดยยิงจากปืนกลอากาศในเครื่องบินขับไล่ หรือว่าเป็นข้ออ้างในการประท้วงขับไล่ทหารอเมริกา

กระสุนชนิดนี้ไม่ได้เคลือบยูเรเนียมครับแต่เป็นยูเรเนียมทั้งแท่ง เนื่องจากความค่า ถ.พ. และความแข็งสูงมากจึงใช้วิธีขึ้นรูปแบบธรรมดาไม่ได้ครับ
ต้องทำให้ยูเรเนียมเป็นผงก่อนแล้วนำมาอัดในแบบด้วยความกดสูงพร้อมทั้งให้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิวิกฤตจึงจะขึ้นรูปได้ครับ

ที่เห็นรูเล็ก ๆ ข้างป้อมปืนเป็นผลงานของเค้าละครับ  แต่ไม่รู้ว่าโดนอะไรก่อน ระหว่างทุ่นระเบิด กับ กระสุนเจาะเกราะ (เป็นรูปตอนบุกวันแรกน่ะครับ คันนี้หลงทาง  ที่ยืนเป็นทหารอิรักครับ  เป็นเพราะบุกเร็วไป )

อันนี้น่าจะเป็นหัวเจาะเกราะเชพชาร์จ นะครับ เพราะรถถังอิรักคงไม่สามารถออกมาเพ่นพ่านยิงปถ.ได้หรอกครับ น่าจะเป็นอาวุธบุคคลต่อต้านรถถังน่ะครับ

 ;D เห็นด้วยครับ แต่ในภาพน่าจะโดนกับระเบิดก่อนหรือเปล่าครับ ;D

.

.

.

แถม...

 ;Dอ่านกระทู้นี้แล้วต้องตาลีตาเหลือกไปค้น ฟิสิก สมัยเรียน มาอ่าน.......ได้สาระดีครับ ;D

เข้ามาหาข้อมูลแถวนี้ก่อนได้นะครับ ;D
http://th.wikipedia.org/wiki/Category:%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8

แจ่มครับท่าน ;D ;D ;D กระสุนหนักเสียความเร็วน้อยกว่ากระสุนเบา ;D ;D ;D ;D

ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ 8) 8) 8)