เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม  ::014::  http://hilight.kapook.com/view/79754

          สืบเนื่องจากเหตุการณ์อันเศร้าสลด เมื่อมีชายอเมริกันคนหนึ่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงโรงเรียนอนุบาล จนคร่าชีวิตเด็ก และครูไป รวม 27 ราย ในรัฐคอนเนคติคัส สหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นข่าวที่สะเทือนใจผู้คนไปทั่วโลก และเมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่า ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการบุกยิงโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาในต่างประเทศบ่อยครั้ง ทำให้ประเทศเหล่านั้น ต้องหันมาทบทวนกฎหมายเกี่ยวกับการซื้อ-ขาย หรือครอบครองอาวุธปืนเสียใหม่ ซึ่งในประเทศไทยเองก็เริ่มมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน
 
          และจากการนำเสนอข่าวของสื่อต่าง ๆ พบว่า ปัญหาอาชญากรรมจำนวนมากที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เกิดจากการใช้ปืนเป็นอาวุธเช่นกัน เช่น ข่าวการปล้นชิงทรัพย์ หรือการก่อเหตุความรุนแรงต่าง ๆ รวมถึงการยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความคึกคะนอง เนื่องจากในปัจจุบันมีการจำหน่ายปืน และกระสุนปืนแต่ละชนิดอย่างเสรี ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย วันที่ 8 ธันวาคม 2555 รัฐบาลได้ชี้แจงถึงมาตรการควบคุมการจำหน่ายปืน และกระสุนปืนในประเทศไทย ดังนี้
 
          1. ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทย (มท.) ออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน ร้านประกอบ ซ่อมแซมเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน และกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า ลงวันที่ 8 กันยายน 2552 ตามรายละเอียดต่อไปนี้
 
          1) อาวุธปืนยาวทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 50 กระบอก
          2) อาวุธปืนสั้นทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 30 กระบอก
          3) เครื่องกระสุนปืน แยกเป็น

           กระสุนปืนลูกโดดทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 2,000 นัด
           กระสุนปืนลูกซองทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 7,500 นัด
           กระสุนปืนลูกกรดทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 10,000 นัด
           กระสุนปืนอัดลมทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 30,000 นัด
 
          โดยร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจะต้องรายงานยอดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่คงอยู่และที่จำหน่ายไปให้นายทะเบียนท้องที่ทราบทุกเดือน และยังมีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจติดตามการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปดำเนินการตรวจสอบเป็นประจำ และมีการจัดทำโครงการฐานข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสามารถตรวจสอบข้อมูลติดตามการจำหน่ายกระสุนปืนได้อย่างเป็นระบบทั่วประเทศ
 
          ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2550-2554 ร้านจำหน่ายกระสุนปืนได้แจ้งจำนวนการจำหน่ายกระสุนปืนแต่ละประเภท ดังนี้

           กระสุนปืนลูกโดด จำนวน 263,272 นัด
           กระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1,218,389 นัด
           กระสุนปืนลูกกรด จำนวน 557,900 นัด
           กระสุนปืนอัดลม จำนวน 1,260,000 นัด
 
          2. มท.ไม่มีนโยบายใช้บาร์โค้ดกำกับการซื้อขายกระสุนปืน แต่มีโครงการจัดเก็บข้อมูลหัวกระสุนปืนเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลประวัติอาวุธปืน สำหรับใช้ในการตรวจสอบประวัติการกระทำผิด เพื่อการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสถิติจำนวนร้านจำหน่ายปืนและหลักเกณฑ์การพิจารณา มีดังนี้
 
           1) มท. ได้มีคำสั่งในปี 2535 เรื่องการออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน ร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน และกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2535 โดยจำกัดการเพิ่มร้านค้าอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนมิให้เพิ่มจำนวนขึ้น และหากเห็นสมควรให้ลดจำนวนลงได้
 
           2) มท. ได้มีคำสั่งในปี 2552 เรื่อง การออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน ร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน และกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า ลงวันที่ 8 กันยายน 2552 ยกเลิกคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ตามข้อ 1)
 
          จากเกณฑ์ดังกล่าว พบว่า ก่อนที่จะมีคำสั่งในปี 2535 เรื่องการจำกัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนนั้น มีจำนวนร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาต จำนวน 335 ใบอนุญาต และหลังจากที่มีการออกคำสั่ง ในปี 2552 มีจำนวนร้านค้าที่ขอออกใบอนุญาตเพิ่มขึ้น จำนวน 167 ใบอนุญาต ดังนั้นสรุปได้ว่า ในปัจจุบันมีร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาต จำนวนทั้งสิ้น 502 ใบอนุญาต แยกเป็นในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 381 ใบอนุญาต ในจังหวัดอื่น จำนวน 121 ใบอนุญาต
 
          3. รายละเอียดอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งหมดที่อนุญาตให้ครอบครอง ตั้งแต่ปี 2553-ปัจจุบัน และมีการอนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืน ตั้งแต่ปี 2550-ปัจจุบัน มีดังนี้
 
1) ปัจจุบันอาวุธปืนที่อนุญาตให้บุคคลครอบครองทั่วประเทศมี 2 ประเภท คือ

           1.1 อาวุธปืนสั้น จำนวน 3,744,877 กระบอก
           1.2 อาวุธปืนยาว จำนวน 2,476,303 กระบอก

          รวมจำนวน 6,221,180 กระบอก
 
2) มีการอนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืนตั้งแต่ปี 2550-ปัจจุบัน จำนวน 2 ชนิด คือ อาวุธปืนสั้น และอาวุธปืนยาว จำนวนทั้งสิ้นแยกเป็นรายปี ดังนี้
 
           2.1 ปี 2550 จำนวน 61,112 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 48,063 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 13,049 กระบอก
 
           2.2 ปี 2551 จำนวน 64,798 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 45,826 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 18,972 กระบอก
 
           2.3 ปี 2552 จำนวน 35,589 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 15,933 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 19,656 กระบอก
 
           2.4 ปี 2553 จำนวน 80,730 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 65,193 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 15,537 กระบอก
 
           2.5 ปี 2554 จำนวน 21,102 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 11,175 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 9,927 กระบอก
 
          จากการข้อมูลดังกล่าว ทำให้ทราบว่า มีปืนถูกกฎหมายในประเทศไทยถึง 6.2 ล้านกระบอก จากจำนวนประชากรไทยทั้งหมด 63 ล้านคน ซึ่งสามารถคำนวณง่าย ๆ คือ ทุก 10 คน จะมีปืนถูกกฎหมาย 1 กระบอก โดยจำนวนนี้นับเฉพาะปืนถูกกฎหมาย ยังไม่รวมปืนเถื่อนและปืนไทยประดิษฐ์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวน่าจะทำให้หลายฝ่ายหันมาทบทวนกฎหมายเกี่ยวกับการครอบครองปืนอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นปืน หรือกระสุนปืนชนิดใดก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต 

          ดีมากเลยครับ ที่นำข้อมูลดีๆ มาแชร์ ให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกัน บ่อยๆ นะ +13 ครับ   ;D

ครับ  ข่าวไม่ดีสำหรับคนมีปืนถูกต้องตามกฎหมาย  ส่วนผู้ร้ายครอบครองปืนเถื่อนคงก่ออาชญากรรมด้วยความสบายใจเฉิบ  ::004::

บก นิตยสารเกี่ยวกับอาวุธปืน ควรมีบทบาทมากกว่านี้

 จากการข้อมูลดังกล่าว ทำให้ทราบว่า มีปืนถูกกฎหมายในประเทศไทยถึง 6.2 ล้านกระบอก จากจำนวนประชากรไทยทั้งหมด 63 ล้านคน ซึ่งสามารถคำนวณง่าย ๆ คือ ทุก 10 คน จะมีปืนถูกกฎหมาย 1 กระบอก

    ข้อมูลอันนี้คงไม่สามารถนำมาอ้างอิงได้หรอกครับ ใช้อ่านแล้วในเชิงเปรียบเทียบนะได้ แต่ปัจจุบันอาวุธปืนที่ถูกกฎหมายนะราคาแพงมาก (สมัยที่ยังไม่มีโครงการสวัสดิการออกมา) คนนึงที่มีฐานะพอมีอันจะกินจะครอบครองกันคนละหลายกระบอก ทั้งปืนสั้น ปืนยาว ชาวบ้านระดับรากหญ้าจริงๆ นะ แทบไม่มีปัญญาซื้ออาวุธปืนกระบอกละ 7-8 หมื่น บาท มาป้องกันตัวหรอกครับ ชาวบ้านที่มีจดทะเบียนนะอาจจะลูกซองยาว 5 นัด หรือยาวเดี่ยวลูกซอง ที่มีอายุหลายปีแล้ว เก่าเก็บอีกต่างหาก (เพราะถ้าข้อมูลจริงตามข้างบน ประชากรไทย 63 ล้านคน เป็นเด็กและคนชรากว่าครึ่ง) ดังนั้นถ้าสมมุติเอา ญ ออกอีก ผู้ชายไทยจะมีปืนกันเกือบจะทุกคนซึ่งไม่น่าเป็นไปได้

+14 จขกท.ครับ  ::002::

ผมเข้าใจว่าจากสถิติดังกล่าวผู้ชายไทยที่พอมีฐานะ แต่ละคนไม่ได้มีปืนเพียงกระบอกเดียวครับ บางคนมีเป็นสิบ ยี่สอบกระบอก  คงเอามาเป็นค่าเฉลี่ยอย่างคุณ rambo1th ว่าไม่ได้

รู้อะไรมาก่อนหรือเปล่า  ถ้าไม่รู้ อย่าไปเที่ยวว่าคนอื่น

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ช่วงนี้ข่าวต่างๆพากันจับกระแสอาชญากรรม และชี้นำว่ามีการเข้าถึงอาวุธปืนมากขึ้นทั้งปืนเถื่อนและปืนสวัสดิการ(แต่ในข่าวมันอาวุธสงคราม  :OO )
สังคมวงกว้างเราก็รู้กันอยู่ จับกลุ่มคุยเรื่องปืนทีไรถูกมองว่าเป็นพวกชอบความรุนแรงไปซะงั้น
ช่วงนี้แก้ตัวไม่ขึ้น นโยบายของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเขาไปตามกระแส ได้แต่หวังว่ากระแสนี้จะซาไปอย่าให้มีข่าวไม่ดีของปืนถูกกฎหมายมาตอกย้ำบ่อยๆเลย
ท่านๆผู้รักปืนก็พึงดูแลปืนของท่านให้ดีอย่าให้หลุดมือ อาจจะไปเพิ่มสถิติให้นักฯลฯ อ้างได้

ไทยกับ อเมริกาไม่เหมือนกันนะครับ เราไม่ได้เสรีเหมือนอย่างเขา กว่าจะขอใบอนุญาติได้ แล้วไหนจะมีเงินพอซื้อไอ้กระบอกที่ขอได้หรือเปล่า ( ต่อให้เป็นสวัสดิการก้อเหอะ ) เงินเดือนข้าราชการระดับกลางๆ แค่ไม่กี่บาท หักค่าใช้จ่ายต่างๆ นาๆ จะเหลือซักกี่ตังค์ สิ่งแวดล้อม และ สังคมมันไม่เหมือนกันครับ ต้องพิจารณาตรงนี้ด้วย

มีใครบ้างเอาปืนถูกกฎหมายมาก่ออาชญากรรม ที่มีเรื่องส่วนใหย่ผมว่าปืนเถื่อนมากกว่า ผมว่าไม่ใช่ทุก10 มีปืน1กระบอก ผมว่าคนเดียวน่าจะมีมากกว่า 1กระบอกนะครับ(อิอิอิ)

อเมริกากับไทยคนละเรื่องกันเลยครับ ไทยกว่าจะได้ซื้อกันแต่ละครั้ง หากทุกอย่างเป็นไปตามกฎตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หลักฐานครบในการขออนุญาต ตรงไปตรงมา และให้ไปกวดขันปืนเถื่อนอย่างจริงจัง ทางที่ดีในการขออนุญาต อาจจะมีวันนัดทดสอบผู้ขอโดยไปสนามยิงปืนให้ดูกันไปเลย แก้ไขปืนขัดลำกล้องได้มั้ยทักษะการใช้ปืนเบื้องต้น เป็นต้น มีแบบทดสอบจิตวิทยาเพิ่มไปด้วยยิ่งดีครับ จะได้ปลอดภัยกันเพิ่มขึ้น :<><>

ไอ้ฝรั่งแยะๆ ต้องเจออย่างนี้มั้ง  ::009::

ฐานข้อมูล อาวุธปืน ของกองทะเบียน ยังสับสนมากครับ  เรื่องจะเก็บหัวไว้เทียบเกลียว คงอีกนาน

เครื่องยิงเห็นเอามาโชว์พักนึง ก็ไม่รู้เก็บไปถึงไหนแล้ว บางท่านขายปืนไปเป็นหลายปี ในบัญชียังครอบครองอยู่เลย   ::001::

จำได้ว่ามีนักการเมืองท่านหนึ่งได้แจกแจงบัญชีทรัพย์สินเฉพาะในส่วน อวป.มีร่วมร้อยกระบอก แม้จะเป็นปืนสะสมแต่ก็ไม่รู้ว่ามีตัวเลขอยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า

ตามกระแสมากเดี๋ยวจิตรตกครับ   ทำใจสบายๆคิดเสียว่าอะไรมันจะเกิดมันก็เกิดครับ  ไม่ว่าที่อเมริกาหรือที่เมืองไทย.

 ;D ;D ผมเฉยๆครับกับข่าวนี้ เดี๋ยวก็เงียบ

คนเล่นปืนคือเสียงส่วนน้อยของประเทศไทยครับ... ในที่สุดจะโดนยึดหมด เหลือแต่ในมือของกลุ่มที่มีสิทธิพิเศษ(หรือมีหน้าที่เฉพาะ)...

นายสมชายก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าในที่สุดพลเมืองไทยจะโดนยึดปืนครับ ถ้าหากประเทศไทยยังใช้วิธีการโหวตนับเสียงส่วนใหญ่มาบังคับเสียงส่วนน้อยโดยไม่สนใจหลักการความถูกต้อง... แล้ววิธีการนับเสียงโดยให้น้ำหนักเสียงแต่ละเสียงเท่ากันหมดทุกเสียงอย่างเท่าเทียมกันที่ว่าเนี่ย คือหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยเสียด้วยซิครับ แล้วปัญหาหลักของประเทศไทยคือมีคนโง่มากเกิน(ต้องหาวิธีพัฒนา)...

จากข้างบนฯ นายสมชายจึงไม่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยชนิดที่โหวตเสียงโดยไม่สนใจเหตุผลครับ... ระบอบประชาธิปไตยจะใช้ได้ผลต้องมีคนฉลาดมากกว่าคนโง่ มิฉะนั้นคนโง่จะลากทุกเรื่องเข้าสู่ระบบโหวตเพื่ออาศัยพวกมากลากไปโดยไม่สนใจความถูกต้อง(ตัวอย่างเช่นเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม - ทั้งที่ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มี 2 ตา), แล้วแม้แต่ระบบพิจารณาคดีของศาลก็จะถูกลากให้เข้าสู่ระบบ"ลูกขุน"ในที่สุด เพื่อใช้วิธีโหวตว่าใครผิดใครถูกจากการนับจำนวนเสียงส่วนใหญ่(ที่ฮึ่มๆ กันกล่าวหาว่าศาลมี 2 มาตรฐาน)...

สำหรับเรื่องอาวุธปืนในประเทศไทย มีการ"ขว้างหินถามทาง"เป็นระยะ, ต้นเรื่องไม่ได้เกิดจากนักการเมืองฝ่ายเสื้อแดงหรอกครับ เพราะแม้แต่พรรคพระแม่ธรณีฯ ก็เคยมีการเสนอความคิดยึดปืนจากมือประชาชน... โดยรากเหง้าแห่งต้นเรื่องทำนองนี้เกิดจาก"คนได้รับอนุญาตให้มีและใช้ปืน"ในประเทศไทยมีน้อยเกินครับ...

ครั้นจะสร้างฐานคนได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้แยะๆ ก็ติดปัญหาว่า"คนโง่"ในประเทศไทยก็มีแยะเกินเช่นกัน... หากอาวุธร้ายแรงตกอยู่ในมือ"คนโง่"แล้ว, ปืนก็จะสร้างความวุ่นวายให้แก่สังคมอีกนั่นแหละ เพราะคนโง่มีปืน มันก็จะทำแต่เรื่องโง่ๆ...

ตกลงแล้วก็แปลว่าต้องทำใจครับ... รอเวลาให้คนไทยอ่านหนังสือกันแยะๆ ฉลาดกันมากขึ้น แล้วก็หวังว่าจะไม่โดนยึดปืนก่อนถึงเวลานั้น...

จากจำนวนประชากรไทยทั้งหมด 63 ล้านคน ซึ่งสามารถคำนวณง่าย ๆ คือ ทุก 10 คน จะมีปืนถูกกฎหมาย 1 กระบอก
ไม่จริงครับ เพราะผมมีอยู่ 3 กระบอกแล้ว   ::008:: ::008:: :VOV: :VOV:

สำหรับเรื่องนี้ผมก็คงได้แต่หวังว่า....ในยุคของพวกเราคงจะยังไม่ถึงเวลานั้นครับพี่สมชาย (ฮา) เวลาที่พวกเราจะถูกยึดปืนจากรัฐบาลที่มาจากคนโง่ที่เป็นเสียงข้างมากส่วนใหญ่ (คนเลือก ส.ส. เข้าสภาฯก็โง่  พวก ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีก็โง่ คนโง่บริหารประเทศ  คนดีๆก็เลยต้องพลอยเดือดร้อนอย่างที่เห็น) ::014::

+1 ครับ

ขอบคุณครับ...ขอทอนคืนให้ 1 ครับพี่ Thanapong

มีข่าวอะไรเกี่ยวกับปืนหน่อย ก็ออกมาสร้างกระแสจะให้ยึดปืนเข้าหลวง โดยเฉพาะไอ้คนอ่านข่าวตอนเช้าที่ใส่แว่นหน้าตี๋ๆ เสี้ยมดีนัก
ท่านผู้บริหาร ประเทศสารขัณฑ์ ก็สมองถั่วเห็นดีเห็นงามด้วย
คิดแล้วเศร้า
 ::004:: ::004:: ::004::

ถ้ายึดปืนจริงๆ ต้องแย่แน่ครับ เพราะคนถือปืน จะมีแต่เจ้าหน้าที่ และผู้ครองครองปืนเถื่อน  ::014::

ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆคนดีๆทำมาหากินสุจริตคงจะตายกันเยอะ   พวกโจรผู้ร้ายจะออกหากินได้สะดวก  จะทำอะไร  จะขึ้นบ้านใคร   ก็ง่ายและคงจะชุมยิ่งกว่ายุง.

เรื่องแบบนี้คนโง่นึกไม่ออกหรอกครับ...

          จะมีการยึดปืนประชาชนจริงหรือเนี่ย !  :~) :~) :~)

ตัวเลข6.2ล้านกระบอก นับแต่ปีใหนครับ
ข้อมูลจากปี2550-2554 ตกไม่กี่แสนกระบอก ถ้าตีไปปีละแสนกระบอก 6.2ล้านกระบอก ต้องรวม60ปี

คงไม่ยึดหรอกมั้งครับผมคิดนะครับว่าถ้าออกกฏหมายมายึดปืนประชาชนนักการเมืองก็โดนยึดเหมือนกันคงไม่มีใครออกกฏหมายที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยหรอกครับอาจจะแค่ไม่ให้มีการซื้อ-ขายอีกต่อที่มีแล้วคงไม่แตะครับ

ยึด-ภาษาปากครับ ในทางปฏิบัติคือ จำกัดการซื้อ-ขายมากขึ้น กฏเข้มงวดกว่าเดิม ปืนแพงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดๆ คนจะไม่มีทรัพย์ในการซื้อ และถึงมีก็ไม่สามารถจัดหามากันโดยง่าย จนรู้สึกว่า ไม่เอาละ ไม่เล่นก็ได้ หนังสะติ๊กก็มี
   สำหรับปืนที่มีอยู่แล้ว จะถูกกระบวณการณ์ทำหใ้หมดสภาพไปตามกาลเวลา ปืนเสียปืนพัง ไม่มีอะไหร่ซ่อมก็จบครับ หรือแม้แต่โดนเรียกตรวจ/ค้นที่บ้าน เอาปืนไปตรวจ กลับมาสภาพหมดรูป

  สรุปคือ บีบให้ค่อยๆตายไปเองครับ

http://www.isranews.org/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99/item/18106-gun.html

สัปดาห์ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยปรากฏอยู่ใน “กระทู้ถามที่ 558 ร.” ที่ นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ สอบถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมการซื้อกระสุนปืน

     โดยนายวัชระกล่าวว่า เนื่องด้วยปัญหาอาชญากรรมในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะมีการปล้นร้านทองมากขึ้น และมีหลายคดีที่ไม่สามารถติดตามพยานหลักฐานได้ เนื่องจากในปัจจุบันมีการจำหน่ายกระสุนปืนแต่ละชนิดอย่างเสรี ซึ่งเป็นมูลเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรมีการควบคุมการจำหน่ายกระสุนปืนอย่างเข้มงวด ทั้งการซื้อ การใช้ด้วยการมีบาร์โค้ดเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ หากกระสุนปืนถูกเก็บได้จากการใช้แล้วเพราะจะทำให้สามารถติดตามได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการก่ออาชญากรรมได้อีกด้วย

     ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอสอบถามใน 3 ประเด็น

     1.ปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทย (มท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามการจำหน่ายกระสุนปืนอย่างไร และตั้งแต่ปี 2550-2554 ร้านจำหน่ายกระสุนปืนได้แจ้งจำนวนกระสุนปืนที่จำหน่ายแต่ละประเภทเป็นจำนวนเท่าใด

     2.มท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีนโยบายการใช้บาร์โค้ดกำกับการซื้อกำกับการซื้อกระสุนปืนเพื่อป้องกันอาชญากรรมหรือไม่ อย่างไร และขอทราบสถิติร้านจำหน่ายปืนตั้งแต่ปี 2553-ปัจจุบัน ว่ามีจำนวนเท่าไร มีการอนุมัติเพิ่มมากขึ้นปีละกี่ร้าน และมีหลักเกณฑ์อย่างไร

     และ 3.ขอทราบรายละเอียดอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งหมดที่อนุญาตให้ครอบครอง ว่ามีกี่ชนิด กี่ประเภท เป็นจำนวนเท่าใด ตั้งแต่ปี 2553-ปัจจุบัน และมีการอนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืน ตั้งแต่ปี 2550-ปัจจุบัน ว่ามีกี่ชนิดและมีจำนวนเท่าใด

     นายกฯมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นผู้ตอบคำถามแทน โดยตอบกระทู้ถามดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรลงในราชกิจจานุเบกษา มีใจความว่า...อ่านต่อเองนะครับ

ปัญหามันเกิดจากคนชั่ว 1 คน มีปืน 1 กระบอก     อยากรู้จริงๆ ถ้าตอนที่มันเข้าไปกราดยิง มีคนดีที่ถือปืน ซัก 1 , 2 , หรือ 3 คน มันจะเป็นยังไง  บางที่นักเรียนอาจไม่ตายเยอะขนาดนี้  มีคนอเมริกันคนนึงบอกผมว่าที่รัฐของเขา (เทคซัส)  ทุกคนมีปืนอาชญากรรมเลยน้อย  เพราะโจรมันรู้ว่าถ้าจะปล้นร้านขายของซักร้าน  อาจจะต้องโดนยิงกลางกะบาลโดยเจ้าของร้าน

บ้านเมืองเรามีคนที่ชอบปืนและไม่ชอบปืนครับ

อาการกระเพื่อมอย่างนี้แหละครับที่ผมกังวล การเอาพฤติกรรมของคนที่มีอาการทางจิต หรือคนเลวเพียงคนเดียว มาควบคุม จำกัด ริดรอน สิทธิเสรีภาพในการป้องกันชีวิตและทรัพย์โดยถูกต้องตามกฎหมายของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นพลเมืองดี ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน สิทธิละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ว่าได้ เคยมีคำกล่าวว่า "ปืน ไม่ได้มีอันตรายมากกว่าคนที่ใช้มันเลย"

ไอ้เรื่องจะยึดปืนเนี่ย ผมเคยได้ยินแนวคิดอย่างนี้มาเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ลักษณะเหมือนเวนคืนที่ดินโดยมีการคำนวณว่า จะคืนเงินให้กระบอกละเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริง ไม่สามารถกระทำได้ เพราะบรรดาผู้มีอำนาจจะเดือดร้อนกว่าประชาชนธรรมดาอย่างผมเยอะ เพราะเขาเหล่านั้น มีปืนไม่รู้เท่าไหร่

เอาปืนไปยิงกันตายก็จะยึดปืน ไม่มีปืนเอามีดไปแทงกันตาย ก็จะยึดมีดอีก ไม่มีมีดเอาไม้ไล่ทุบกัน มันก็คงยึดไม้อีก ควายแท้แท้

ใช่เลยครับพี่ ::002::ก็คนส่วนใหญ่ที่เป็นควายเลือกควายพวกเดียวกันเข้าไปบริหารบ้านเมืองไงล่ะ ::009::

ประเภทปืนมีทะเบียน กับ ปืนไม่มีทะเบียน รัฐยากจะให้ประชาชนครอบครองปืนประเภทไหนครับ ?  ???

โดนใจมากครับโดยเฉพาะประโยคที่ว่า คนโง่จะลากทุกเรื่องเข้าสู่ระบบโหวตเพื่ออาศัยพวกมากลากไปโดยไม่สนใจความถูกต้อง...+1 ครับ

ท่าน ส.ส. จะให้มี "รหัสแท่ง" นี่ที่ปลอกกระสุนหรือครับ แล้วโรงงานไหนจะออกรหัสแท่งให้หละครับ สงสัย

เห็นด้วยครับ

จำกัดสิทธิ์ ปชช. แต่ของพวกมันมีได้ไม่จำกัด สันดานนักโกงเมือง

เราไม่น่าเลือกควายเข้าสภาเลยนะครับ ส่วนมากโจรผู้ร้ายจะก่อเหตุมันก้อใช้ปืนเถื่อนอยู่แล้ว แล้วโจรพวกนี้มันจะอุตส่าห์หากระสุนฝังชิบฝังรหัสไปก่อเหตุหรอกมั้งครับ

ผมว่า ควาย ส่วนน้อย ก็เลือกควายพวกเดียวกันเข้าไปด้วยนะ ถึงไปตั้งกระทู้ถามในสภาแบบ ควายๆ   

ก็มีแต่ ควาย ควาย เท่านั้น...  ::007::

             ข่าวที่ว่าไม่ดีนี่คือ มีควาย เยอะแยะในสภาหรือครับ สงสัยว่าที่รับจำนำข้าวด้วย

    เพราะควายพวกนี้ไปไถมาหรือเปล่าครับ ทั้งไถ ทั้งดำ ทั้งรับจำ เจริญครับ  ::007:: ::007:: ::007::

พอมีเรื่องยิงกันที่ไรไม่ว่าที่ไหน ด้วยสาเหตุใด ปืนมีทะเบียนหรือไม่มี มันต้องสรุปลงที่ปืนและคนมีปืนทุกครั้ง ทุกที ขอให้เจริญ

 ::014::ขอภัยครับที่ลากกระทู้ไปสู่เรื่องควาย.

อยากรู้ว่าปืนของกลางคดีต่างต่าง จำนวนมหาศาล ถูกเอาไปไว้ที่ไหน หรือถูกทำลาย หรือให้ไว้ยัดมือเหยื่อตอนถูกวิสามัญ

    ตามลิ้งนี้เขาตอบไว้อย่างน่าสนใจครับ http://www.gun.in.th/board/index.php?topic=96695.0

เคยเห็นเค้าเก็บไว้ในห้องเก็บของกลาง รอคดีจบก็แล้วแต่ศาลจะสั่งให้ยึดหรือคืนครับ
ส่วนยึดแล้วเอาไปทำไรต่ออันนี้ไม่ทราบครับ

ตามซ้ำด้วย สว.ลากตั้ง   สงสัยว่า เด็กมันขอป. 3ไปซื้อปืนที่ร้านปืนหรือไง  


ด้านนายอนันต์ วรธิตินันท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ระยะหลังเยาวชนที่มีพฤติกรรมรุนแรงมีการใช้อาวุธปืนมากขึ้น จึงควรมีมาตรการในการควบคุมอาวุธปืนให้รัดกุม พร้อมทั้งเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบเรื่องการออกใบอนุญาตเปิดร้านจำหน่ายปืน และจำนวนปืนที่มีการส่ั่งเข้ามาขายว่ามีมากน้อยเท่าไร

ทั้งนี้ ก่อนจบการประชุม ที่ประชุมมีมติให้ประธานคณะกรรมาธิการฯ ทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เข้มงวดกวดขันร้านเกมด้วย พร้อมทั้งทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ ขอทราบจำนวนการอนุญาตให้เปิดร้านขายปืน ย้อนหลังไป 5 ปี และจำนวนปืนท่ี่ส่ั่งเข้ามาจำหน่ายด้วย.
 
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
 
21 ธันวาคม 2555, 14:52 น.

แค่จะแยกว่าควรควบคุมเข้มงวดกับปืนประเภทไหนยังคิดไม่ได้จับแพะชนแกะมั่วๆไปงั้น  ตำแหน่งที่ปรึกษานี้ท่านได้แต่ใดมา...

ของผมได้ปืนคืนช่วงขั้นตอนอัยการครับ แต่ไม่รับที่อัยการนะครับ(สรุปใจความคือ"ไม่ขอหลิบอาวุธปืน") ไปรับที่ สภ.อ. ได้เลขมาใหม่เพิ่มมา แถมด้วยความชุ่มชื้นของน้ำมันอะไรไม่รู้ จนต้องเปลี่ยนปะกับด้ามใหม่

ผมเห็นด้วยกับมุมมองและข้อคิดเห็นของท่านสมชาย(ฮา)รักในหลวง ครับ