หัวข้อ: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ตุลาคม 13, 2006, 12:19:34 AM บทเรียนราคาแพงจากเมืองไทย ของ"เทมาเส็ก"
สตีเฟน เบนเนตต์ ทนายความแห่งสำนักงานฮันตัน แอนด์ วิลเลียมส์ ในกรุงเทพฯ ที่เป็นสำนักงานทนายความที่แนะนำให้เทมาเส็กชื้อกิจการ ชิน คอร์ปอเรชั่น บอกกับนิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ผลสะเทือนจาก "ดีล" มูลค่า 1,900 ล้านดอลลาร์(รวม tender offer ด้วยก็ตก 4000 million us$)ครั้งนั้นจะมากมายถึงขนาดนี้ เขาบอกว่าไม่คิดว่าจะมีใครคาดการณ์ได้ว่าผลกระทบทางการเมืองจากดีลครั้งนั้นจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ ไม่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น แม้แต่พูดถึงกันบนโต๊ะเจรจายังไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง ถ้ารู้-ดีลนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น เขาเชื่ออย่างนั้น หลายประโยคของ สตีฟ เบนเนตต์ บ่งบอกชัดเจนว่า การตัดสินใจของเทมาเส็ก บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อซื้อกิจการของครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เป็นความผิดพลาดประการหนึ่ง[/color]-จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ ด้วยการซื้อกิจการของชินคอร์ป ทางหนึ่งยั่วยุให้กระแสชาตินิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างพรวดพราดในไทย ยิ่งเป็นการซื้อจากครอบครัวของนายกรัฐมนตรีที่กำลังถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่าคอร์รัปชั่น ยิ่งเสมือนหนึ่งสาดน้ำมันเข้าใส่กองไฟการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้คุโชนลุกลามออกไป และในที่สุดก็อยู่นอกเหนือความควบคุม ลงเอยด้วยการยึดอำนาจ ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณลี้ภัยการเมืองอยู่ในลอนดอน ส่วนเทมาเส็กเจ๊งไปแล้วเกือบ 690 (รวมtender offer ก็คูณ2 )ล้านดอลลาร์ (2.7 หมื่นล้านบาท) เพราะดีลในครั้งนั้น วิบากกรรมดังกล่าวยังไม่จบเพียงเท่านั้น "ดีล" ครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยหนนั้นยังตกเป็นเป้าการสอบสวนต่อของทางการไทยต่อไปด้วยว่า เข้าข่ายการละเมิดกฎหมายของไทยหรือไม่? สุดท้ายแล้ว ดีลชิน-เทมาเส็ก จะไปจบลงตรงไหน ยังไง ยังไม่มีใครบอกได้ในขณะนี้ ที่แน่ๆ ก็คือ ชื่อเสียงของ "เทมาเส็ก" สำหรับหลายคนในเมืองไทย "เน่าเสีย" ไปเรียบร้อยแล้ว! ดีลหนนี้ยังทำให้บริษัทที่ปิดตัวเอง กันผู้บริหารแทบทั้งหมดจากการพูดคุย ตอบคำถามโดยตรงกับผู้สื่อข่าว ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก แม้จะจำกัดอยู่เพียง 3 คนจาก 3 สำนักคือ นิวสวีก, บลูมเบิร์ก และเอพี ก็ตามที เพราะผลสะเทือนจากการทำความตกลงซื้อขายกันในครั้งนั้นทำให้เทมาเส็กตกเป็นที่สนใจในระดับโลกอย่างช่วยไม่ได้ เทมาเส็กยืนยันเสมอมาว่า แม้จะเป็นบริษัทของรัฐบาล มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การดำเนินการของบริษัท ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และปลอดจากการตัดสินใจในเชิงการเมือง แม้จะยืนยันเสมอมา แต่ก็ถูกเคลือบแคลงเสมอมาเช่นกันว่า เป็นไปได้อย่างไรที่บริษัทซึ่งมีโครงสร้างทำนองนี้จะปลอดจากอิทธิพลของรัฐบาล เทมาเส็กไม่เพียงมี โฮ ชิง ภรรยานายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง ดำรงตำแหน่งซีอีโอเท่านั้น คณะกรรมการบริหารทั้งหมดยัง "แต่งตั้ง" มาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งมี "ลี เซียน หลุง" คนเดียวกันเป็นรัฐมนตรี เอส. ธนาบาลัน ประธานของเทมาเส็ก ก็คืออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ หนึ่งในสองรองประธานเทมาเส็ก ก็คือปลัดกระทรวงการคลังของสิงคโปร์! ตามข้อมูลของ ทอมสัน ไฟแนนเชียล กองทุนเพื่อการลงทุนของเทมาเส็กถูกประเมินค่าไว้ว่าอยู่ที่ประมาณ 81,200 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นหนึ่งในกองทุนรวมเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีรัฐเป็นเจ้าของ แต่เดิมการลงทุนของเทมาเส็กเน้นหนักอยู่แต่ภายในประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 ต่อด้วยฟองสบู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีแตกในปี 2000 สิงคโปร์ตกอยู่ในสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ กองทุนของเทมาเส็กวูบหายไปราว 1 ใน 5 มาดาม โฮ ชิง วิศวกรปริญญาเอกจากสแตนฟอร์ด คือผู้ที่ถูกมอบหมายให้เข้ามากอบกู้สถานะของเทมาเส็กในปี 2002 หลายคนให้เครดิตเธอในฐานะผู้ที่เข้ามาจัดการให้เกิด "วินัยในการลงทุน" และเสริมสร้าง "ความเชี่ยวชาญในระดับโลก" ขึ้นในเทมาเส็ก 27 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่เทมาเส็กว่าจ้างอยู่ในเวลานี้ จึงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในระดับโลกที่เป็นชาวต่างชาติ บทเรียนในอดีตทำให้เทมาเส็กเริ่มต้นออกไปลงทุนในต่างประเทศ ในขณะนี้ยุทธศาสตร์การลงทุนของเทมาเส็ก แยกออกเป็น 3 ส่วน ด้านหนึ่งคือ การลงทุนในเอเชีย อีกด้านหนึ่งคือ การลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้ว และอีกด้านหนึ่ง จึงเป็นการลงทุนภายในประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนยอมรับว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวเหมาะสมกับเทมาเส็กมากกว่า เป็นผลดีกับเทมาเส็กมากกว่าจำกัดอยู่แค่การลงทุนภายในประเทศ ไม่เพียงเป็นการค้ำประกันความเสี่ยงไปในตัว ยังไปได้ด้วยดีกับยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ที่หวังใช้การค้าและการลงทุนเป็นสะพานเชื่อมสิงคโปร์กับประชาคมโลก ยุทธศาสตร์เหมาะสม ถูกต้อง แต่เกิดอะไรขึ้นกับการลงทุนของเทมาเส็กในไทย โดยเฉพาะในดีลระหว่างเทมาเส็กกับชินคอร์ปหนนี้? ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า สาเหตุสำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะความเคลือบแคลงว่า สภาพปลอดการเมืองของเทมาเส็ก-ไม่ได้ปลอดการเมืองจริงๆ แกร์รี่ โรแดน ศาสตราจารย์ชาวออสเตรเลียประจำศูนย์วิจัยเอเชีย ของมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อค ในเมืองเพิร์ธ เองก็ไม่เชื่อว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจในการลงทุนของเทมาเส็ก เขาบอกว่า ยิ่งออกไปลงทุนข้างนอกมากเท่าไหร่ รัฐบาลสิงคโปร์ยิ่งจำเป็นต้องเข้าไปมีอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้นว่า จะลงทุนที่ไหน ลงทุนเท่าไหร่? ในทางหนึ่ง ความไม่เชื่อถือว่าปลอดการเมืองจริงๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่แนวความคิดแบบชาตินิยมต่อต้านดีลครั้งนี้ ในอีกทางหนึ่ง การเมืองที่เข้าแทรก ทำให้เทมาเส็กมองข้ามปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายไป และตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะฝ่ายการเมืองบอกว่า "ต้องซื้อ"! นักวิเคราะห์อีกบางคนไม่เชื่อว่า เทมาเส็กจะมีการเมืองเคลือบแฝงอยู่ภายใน เขาบอกว่าปัญหาของเทมาเส็กในเมืองไทยเกิดขึ้นจาก "ความเชื่อมั่นในตัวเองมากจนเกินไป" ใครก็ตามที่เชื่อมั่นในตัวเองจนเกินระดับเหมาะสม มักตัดสินใจผิดพลาด เมื่อผิดพลาดย่อมต้องได้รับบทเรียน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการตัดสินใจของเทมาเส็กหนนี้ ผิดหรือไม่ผิด ถูกการเมืองแทรกหรือไม่ บทเรียนครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นแล้ว เป็นบทเรียนมูลค่ามหาศาล ชนิดที่เรียกได้ว่าแพงระยับเสียด้วยซี! ตอนนี้ทั้งโลกเริ่มหวาดระแวง temasec และสิงค์โปร์ว่าจะเข้าไปครอบงำชาติต่างๆ เรื่องนี้ทำให้ temasec สะดุดไปอีกนานในการลงทุนทั่วโลก ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อความเชื่อมันของทั่วโลกว่าสิงค์โปร์จะไม่แทรกแซงทางการเมือง เสียหายมากว่ามูลค่าหุ้นชินคอร์ปอีกครับ http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQxMDMwNjEwNDk= หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ ตุลาคม 13, 2006, 12:49:23 AM ดีนะที่มีเงินไม่พอไม่งั้นจะซื้อมาแจกซะ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 13, 2006, 06:01:17 AM เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างครับ
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: INHO ที่ ตุลาคม 13, 2006, 07:39:16 AM คิดไม่ถึงว่า ยักษ์จะล้มได้ :o
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ ตุลาคม 13, 2006, 08:04:49 AM สมน้ำหน้าอยากยึดประเทศอื่นเขา ดันเสียรู้ทักษิณ
อยากได้คืนไปเอากับทักษิณครับ ฝากเก็บมันด้วย ;D หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: y_kato ที่ ตุลาคม 13, 2006, 08:41:49 AM ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ ตุลาคม 13, 2006, 09:02:06 AM ด้วยความเคารพครับ.....
เหมือนชูชก.................. :DD :DD :DD ขอบคุณครับ................ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ ตุลาคม 13, 2006, 10:08:22 AM ทรัพย์สินเล็งส่งSCC ตั้งกองทุนซื้อหุ้นชิน ชุมพล รับบทกาวใจทำหน้าที่ประสานทั้ง 2 ฝ่าย
ชุมพล ซุ่มเจรจาทางการไทยให้รับซื้อหุ้นชินคืนจากสิงคโปร์ วงการเล็งทรัพย์สินฯออกโรง ใช้ปูนใหญ่เป็นหัวหอก เชื่อไม่ส่ง SCC ไปลุยเอง แต่ใช้วิธีระดมเงินตั้งกองทุนแล้วขายหน่วยลง ทุนให้ประชาชนทั่วไปซื้อ อนาคตนำเข้าตลาดหุ้น นายแบงก์สิงคโปร์หนุนทางออกที่ดีต้องขายหุ้น คืนไทย ขณะนี้เทมาเซคได้กำไรแล้วจากปันผลชิน 2 รอบกว่า 3.7 พันล้านบาท หม่อมอุ๋ยลั่น สิงคโปร์ขายคืนต้องจ่ายภาษี โบรกฯเตือนระวังมือดีสร้างสตอรี่ช่วงสิงคโปร์ทิ้งหุ้นในกระดาน ??? ??? โจรปล้นไทย ขายไทยให้เพื่อนโจร(รักหักเหลี่ยมโหด) ไทยซื้อของโจรคืนจากโจร แหม ยกให้สิงค์โปร์ไปเหอะ เดี๋ยวมันก็โดนยึดแล้ว หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ ตุลาคม 13, 2006, 12:05:25 PM ช่างหัวเทมาเส็กมันเหอะว่าจะจำหรือไม่ .... มันไม่สำคัญเท่า"คนไทย"น่ะ หลาบจำกันบ้างหรือเปล่า อย่าว่าแต่จะให้หลาบจำเลย จนป่านนี้หลายๆคนแม้แต่" สำนึก "สักเพียงนิดที่จะให้ผุดขึ้นมาในหัวก็ยังไม่มี :-\ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ ตุลาคม 13, 2006, 12:13:54 PM ช่างหัวเทมาเส็กมันเหอะว่าจะจำหรือไม่ .... มันไม่สำคัญเท่า"คนไทย"น่ะ หลาบจำกันบ้างหรือเปล่า อย่าว่าแต่จะให้หลาบจำเลย จนป่านนี้หลายๆคนแม้แต่" สำนึก "สักเพียงนิดที่จะให้ผุดขึ้นมาในหัวก็ยังไม่มี :-\ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ ตุลาคม 13, 2006, 12:35:09 PM ทรัพย์สินเล็งส่งSCC ตั้งกองทุนซื้อหุ้นชิน ชุมพล รับบทกาวใจทำหน้าที่ประสานทั้ง 2 ฝ่าย ???ชุมพล ซุ่มเจรจาทางการไทยให้รับซื้อหุ้นชินคืนจากสิงคโปร์ วงการเล็งทรัพย์สินฯออกโรง ใช้ปูนใหญ่เป็นหัวหอก เชื่อไม่ส่ง SCC ไปลุยเอง แต่ใช้วิธีระดมเงินตั้งกองทุนแล้วขายหน่วยลง ทุนให้ประชาชนทั่วไปซื้อ อนาคตนำเข้าตลาดหุ้น นายแบงก์สิงคโปร์หนุนทางออกที่ดีต้องขายหุ้น คืนไทย ขณะนี้เทมาเซคได้กำไรแล้วจากปันผลชิน 2 รอบกว่า 3.7 พันล้านบาท หม่อมอุ๋ยลั่น สิงคโปร์ขายคืนต้องจ่ายภาษี โบรกฯเตือนระวังมือดีสร้างสตอรี่ช่วงสิงคโปร์ทิ้งหุ้นในกระดาน ??? ??? โจรปล้นไทย ขายไทยให้เพื่อนโจร(รักหักเหลี่ยมโหด) ไทยซื้อของโจรคืนจากโจร แหม ยกให้สิงค์โปร์ไปเหอะ เดี๋ยวมันก็โดนยึดแล้ว งง ครับ งง อ่านเรื่องที่จะมีการซื้อหุ้นชินคอร์ปคืนจากสิงคโปร์ แล้วมีคำถามเกิดขึ้นในใจของหมาป่า ในเรื่องเกี่ยวกับ Nominee ที่โยงกับการผิดกฏหมายธุรกิจสัมปทานสื่อสารของรัฐ ถ้าหากพิสูจน์ทราบได้แน่ชัดว่านอกเหนือจากหุ้น 49% เต็มเพดานการถือครองของต่างชาติที่เทมาเส็กถืออยู่แล้ว กลุ่มบริษัท nominee ของเทมาเส็กยังถือหุ้นอีกจำนวนมาก ทำให้รัฐไทยสามารถใช้กฏหมายยึดสัมปทานคืนมาได้ ถ้าทรัพย์สินฯ (จะโดย SCC นำหน้าหรือไม่ก็ตาม) หรื่อกองทุนที่ทรัพย์สินฯเป็นตัวตั้งตัวตีระดมทุนไปซื้อหุ้นชินกลับมาจากเทมาเส็ก เรื่องการทำผิดกฏหมายในเรื่อง nominee ทางการไทยจะดำเนินการต่ออย่างไร ในเมื่อการกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว จะหลับตาข้างหนึ่งแล้วถือว่าเจ๊าๆกันไป ขอให้เทมาเส็กจ่ายภาษีการขายแล้วกัน สัมปทานมือถือก็ยังอยู่กับ AIS สัมปทานดาวเทียมก็ยังอยู่กับชินแซท สัมปทานทีวีก็ยังอยู่กับ ITV เหมือนเดิม หรือรัฐไทยจะยึดสัมปทานคืน (ถ้ายึดคืน หุ้น AIS/ ชินแซท และ itv คงมีมูลค่าสูงกว่าขี้นิดหนึ่ง ด้วยเหตุที่มีเหลือแต่ฮาร์ดแวร์ แต่ไม่มีสัมปทาน แหมแต่ผู้ใช้ AIS คงชุมนุมกันเป็นล้านเต็มราชดำเนินเลยนะเนี่ย อิอิ) สงสัยอีกเรืองคือถ้าจะมีการซื้อหุ้นคืนจากสิงคโปร์ คนซื้อเขาจะซื้อราคาที่เท่าใดหนอ ใครจะช่วยสงเคราะห์ตอบ หรือวิเคราะห์ให้สิ้นสงสัยจักเป็นพระคุณยิ่งครับ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ ตุลาคม 13, 2006, 03:37:33 PM บทเรียนราคาแพงจากเมืองไทย ของ"เทมาเส็ก" สตีเฟน เบนเนตต์ ทนายความแห่งสำนักงานฮันตัน แอนด์ วิลเลียมส์ ในกรุงเทพฯ ที่เป็นสำนักงานทนายความที่แนะนำให้เทมาเส็กชื้อกิจการ ชิน คอร์ปอเรชั่น บอกกับนิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ผลสะเทือนจาก "ดีล" มูลค่า 1,900 ล้านดอลลาร์(รวม tender offer ด้วยก็ตก 4000 million us$)ครั้งนั้นจะมากมายถึงขนาดนี้ เขาบอกว่าไม่คิดว่าจะมีใครคาดการณ์ได้ว่าผลกระทบทางการเมืองจากดีลครั้งนั้นจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ ไม่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น แม้แต่พูดถึงกันบนโต๊ะเจรจายังไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง ถ้ารู้-ดีลนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น เขาเชื่ออย่างนั้น หลายประโยคของ สตีฟ เบนเนตต์ บ่งบอกชัดเจนว่า การตัดสินใจของเทมาเส็ก บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อซื้อกิจการของครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เป็นความผิดพลาดประการหนึ่ง[/color]-จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ ด้วยการซื้อกิจการของชินคอร์ป ทางหนึ่งยั่วยุให้กระแสชาตินิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างพรวดพราดในไทย ยิ่งเป็นการซื้อจากครอบครัวของนายกรัฐมนตรีที่กำลังถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่าคอร์รัปชั่น ยิ่งเสมือนหนึ่งสาดน้ำมันเข้าใส่กองไฟการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้คุโชนลุกลามออกไป และในที่สุดก็อยู่นอกเหนือความควบคุม ลงเอยด้วยการยึดอำนาจ ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณลี้ภัยการเมืองอยู่ในลอนดอน ส่วนเทมาเส็กเจ๊งไปแล้วเกือบ 690 (รวมtender offer ก็คูณ2 )ล้านดอลลาร์ (2.7 หมื่นล้านบาท) เพราะดีลในครั้งนั้น วิบากกรรมดังกล่าวยังไม่จบเพียงเท่านั้น "ดีล" ครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยหนนั้นยังตกเป็นเป้าการสอบสวนต่อของทางการไทยต่อไปด้วยว่า เข้าข่ายการละเมิดกฎหมายของไทยหรือไม่? สุดท้ายแล้ว ดีลชิน-เทมาเส็ก จะไปจบลงตรงไหน ยังไง ยังไม่มีใครบอกได้ในขณะนี้ ที่แน่ๆ ก็คือ ชื่อเสียงของ "เทมาเส็ก" สำหรับหลายคนในเมืองไทย "เน่าเสีย" ไปเรียบร้อยแล้ว! ดีลหนนี้ยังทำให้บริษัทที่ปิดตัวเอง กันผู้บริหารแทบทั้งหมดจากการพูดคุย ตอบคำถามโดยตรงกับผู้สื่อข่าว ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก แม้จะจำกัดอยู่เพียง 3 คนจาก 3 สำนักคือ นิวสวีก, บลูมเบิร์ก และเอพี ก็ตามที เพราะผลสะเทือนจากการทำความตกลงซื้อขายกันในครั้งนั้นทำให้เทมาเส็กตกเป็นที่สนใจในระดับโลกอย่างช่วยไม่ได้ เทมาเส็กยืนยันเสมอมาว่า แม้จะเป็นบริษัทของรัฐบาล มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การดำเนินการของบริษัท ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และปลอดจากการตัดสินใจในเชิงการเมือง แม้จะยืนยันเสมอมา แต่ก็ถูกเคลือบแคลงเสมอมาเช่นกันว่า เป็นไปได้อย่างไรที่บริษัทซึ่งมีโครงสร้างทำนองนี้จะปลอดจากอิทธิพลของรัฐบาล เทมาเส็กไม่เพียงมี โฮ ชิง ภรรยานายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง ดำรงตำแหน่งซีอีโอเท่านั้น คณะกรรมการบริหารทั้งหมดยัง "แต่งตั้ง" มาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งมี "ลี เซียน หลุง" คนเดียวกันเป็นรัฐมนตรี เอส. ธนาบาลัน ประธานของเทมาเส็ก ก็คืออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ หนึ่งในสองรองประธานเทมาเส็ก ก็คือปลัดกระทรวงการคลังของสิงคโปร์! ตามข้อมูลของ ทอมสัน ไฟแนนเชียล กองทุนเพื่อการลงทุนของเทมาเส็กถูกประเมินค่าไว้ว่าอยู่ที่ประมาณ 81,200 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นหนึ่งในกองทุนรวมเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีรัฐเป็นเจ้าของ แต่เดิมการลงทุนของเทมาเส็กเน้นหนักอยู่แต่ภายในประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 ต่อด้วยฟองสบู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีแตกในปี 2000 สิงคโปร์ตกอยู่ในสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ กองทุนของเทมาเส็กวูบหายไปราว 1 ใน 5 มาดาม โฮ ชิง วิศวกรปริญญาเอกจากสแตนฟอร์ด คือผู้ที่ถูกมอบหมายให้เข้ามากอบกู้สถานะของเทมาเส็กในปี 2002 หลายคนให้เครดิตเธอในฐานะผู้ที่เข้ามาจัดการให้เกิด "วินัยในการลงทุน" และเสริมสร้าง "ความเชี่ยวชาญในระดับโลก" ขึ้นในเทมาเส็ก 27 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่เทมาเส็กว่าจ้างอยู่ในเวลานี้ จึงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในระดับโลกที่เป็นชาวต่างชาติ บทเรียนในอดีตทำให้เทมาเส็กเริ่มต้นออกไปลงทุนในต่างประเทศ ในขณะนี้ยุทธศาสตร์การลงทุนของเทมาเส็ก แยกออกเป็น 3 ส่วน ด้านหนึ่งคือ การลงทุนในเอเชีย อีกด้านหนึ่งคือ การลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้ว และอีกด้านหนึ่ง จึงเป็นการลงทุนภายในประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนยอมรับว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวเหมาะสมกับเทมาเส็กมากกว่า เป็นผลดีกับเทมาเส็กมากกว่าจำกัดอยู่แค่การลงทุนภายในประเทศ ไม่เพียงเป็นการค้ำประกันความเสี่ยงไปในตัว ยังไปได้ด้วยดีกับยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ที่หวังใช้การค้าและการลงทุนเป็นสะพานเชื่อมสิงคโปร์กับประชาคมโลก ยุทธศาสตร์เหมาะสม ถูกต้อง แต่เกิดอะไรขึ้นกับการลงทุนของเทมาเส็กในไทย โดยเฉพาะในดีลระหว่างเทมาเส็กกับชินคอร์ปหนนี้? ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า สาเหตุสำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะความเคลือบแคลงว่า สภาพปลอดการเมืองของเทมาเส็ก-ไม่ได้ปลอดการเมืองจริงๆ แกร์รี่ โรแดน ศาสตราจารย์ชาวออสเตรเลียประจำศูนย์วิจัยเอเชีย ของมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อค ในเมืองเพิร์ธ เองก็ไม่เชื่อว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจในการลงทุนของเทมาเส็ก เขาบอกว่า ยิ่งออกไปลงทุนข้างนอกมากเท่าไหร่ รัฐบาลสิงคโปร์ยิ่งจำเป็นต้องเข้าไปมีอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้นว่า จะลงทุนที่ไหน ลงทุนเท่าไหร่? ในทางหนึ่ง ความไม่เชื่อถือว่าปลอดการเมืองจริงๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่แนวความคิดแบบชาตินิยมต่อต้านดีลครั้งนี้ ในอีกทางหนึ่ง การเมืองที่เข้าแทรก ทำให้เทมาเส็กมองข้ามปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายไป และตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะฝ่ายการเมืองบอกว่า "ต้องซื้อ"! นักวิเคราะห์อีกบางคนไม่เชื่อว่า เทมาเส็กจะมีการเมืองเคลือบแฝงอยู่ภายใน เขาบอกว่าปัญหาของเทมาเส็กในเมืองไทยเกิดขึ้นจาก "ความเชื่อมั่นในตัวเองมากจนเกินไป" ใครก็ตามที่เชื่อมั่นในตัวเองจนเกินระดับเหมาะสม มักตัดสินใจผิดพลาด เมื่อผิดพลาดย่อมต้องได้รับบทเรียน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการตัดสินใจของเทมาเส็กหนนี้ ผิดหรือไม่ผิด ถูกการเมืองแทรกหรือไม่ บทเรียนครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นแล้ว เป็นบทเรียนมูลค่ามหาศาล ชนิดที่เรียกได้ว่าแพงระยับเสียด้วยซี! ตอนนี้ทั้งโลกเริ่มหวาดระแวง temasec และสิงค์โปร์ว่าจะเข้าไปครอบงำชาติต่างๆ เรื่องนี้ทำให้ temasec สะดุดไปอีกนานในการลงทุนทั่วโลก ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อความเชื่อมันของทั่วโลกว่าสิงค์โปร์จะไม่แทรกแซงทางการเมือง เสียหายมากว่ามูลค่าหุ้นชินคอร์ปอีกครับ http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQxMDMwNjEwNDk= ไม่รู้ว่าจะเปรียบกับสำนวนที่ว่า "สี่เท้ายังรู้พลาด" ได้หรือเปล่า อิๆ ทุกข์ของคนรวย ส่วนทุกข์ของเรา ก็อยากได้ ปืนดีๆแพงๆ หาได้ยากเย็นเสียจริงๆ เอ้อ... หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: ฅนแผ่นดิน ที่ ตุลาคม 13, 2006, 03:54:21 PM อยากให้มันเจอวิบากกรรม มากกว่านี้มากๆ ไม่รู้จักจบ จะได้ทรมานจนกว่ามันจะตายไป
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ ตุลาคม 13, 2006, 04:06:31 PM คิดไม่ถึงว่า ยักษ์จะล้มได้ :o อย่าประมาทครับ เขาไม่ล้มง่ายๆหรอก ไม่ใช่ว่าจะเข้าฝ่าย แต่มองถึงความเป็นจริง เรื่องยังไม่สิ้นสุด แล้วต้องยอมรับว่า เรื่องการเงินการธนาคาร สิงโปร์ มันเก่งกว่าเรา อย่าลืมว่า สิงโปร์ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย แต่เขาสามารถทำอะไรตั้งมากมาย ควบคุมอะไรหลายอย่าง ไทยเราต้องพึ่งต้องอิงสิงโปร์อยู่เยอะ มาคิดกันว่าเราจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองของเรา ให้มีความมั่นคงมากที่สุดครับ ด้วยความเคารพ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ ตุลาคม 13, 2006, 04:13:40 PM ทรัพย์สินเล็งส่งSCC ตั้งกองทุนซื้อหุ้นชิน ชุมพล รับบทกาวใจทำหน้าที่ประสานทั้ง 2 ฝ่าย ???ชุมพล ซุ่มเจรจาทางการไทยให้รับซื้อหุ้นชินคืนจากสิงคโปร์ วงการเล็งทรัพย์สินฯออกโรง ใช้ปูนใหญ่เป็นหัวหอก เชื่อไม่ส่ง SCC ไปลุยเอง แต่ใช้วิธีระดมเงินตั้งกองทุนแล้วขายหน่วยลง ทุนให้ประชาชนทั่วไปซื้อ อนาคตนำเข้าตลาดหุ้น นายแบงก์สิงคโปร์หนุนทางออกที่ดีต้องขายหุ้น คืนไทย ขณะนี้เทมาเซคได้กำไรแล้วจากปันผลชิน 2 รอบกว่า 3.7 พันล้านบาท หม่อมอุ๋ยลั่น สิงคโปร์ขายคืนต้องจ่ายภาษี โบรกฯเตือนระวังมือดีสร้างสตอรี่ช่วงสิงคโปร์ทิ้งหุ้นในกระดาน ??? ??? โจรปล้นไทย ขายไทยให้เพื่อนโจร(รักหักเหลี่ยมโหด) ไทยซื้อของโจรคืนจากโจร แหม ยกให้สิงค์โปร์ไปเหอะ เดี๋ยวมันก็โดนยึดแล้ว งง ครับ งง อ่านเรื่องที่จะมีการซื้อหุ้นชินคอร์ปคืนจากสิงคโปร์ แล้วมีคำถามเกิดขึ้นในใจของหมาป่า ในเรื่องเกี่ยวกับ Nominee ที่โยงกับการผิดกฏหมายธุรกิจสัมปทานสื่อสารของรัฐ ถ้าหากพิสูจน์ทราบได้แน่ชัดว่านอกเหนือจากหุ้น 49% เต็มเพดานการถือครองของต่างชาติที่เทมาเส็กถืออยู่แล้ว กลุ่มบริษัท nominee ของเทมาเส็กยังถือหุ้นอีกจำนวนมาก ทำให้รัฐไทยสามารถใช้กฏหมายยึดสัมปทานคืนมาได้ ถ้าทรัพย์สินฯ (จะโดย SCC นำหน้าหรือไม่ก็ตาม) หรื่อกองทุนที่ทรัพย์สินฯเป็นตัวตั้งตัวตีระดมทุนไปซื้อหุ้นชินกลับมาจากเทมาเส็ก เรื่องการทำผิดกฏหมายในเรื่อง nominee ทางการไทยจะดำเนินการต่ออย่างไร ในเมื่อการกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว จะหลับตาข้างหนึ่งแล้วถือว่าเจ๊าๆกันไป ขอให้เทมาเส็กจ่ายภาษีการขายแล้วกัน สัมปทานมือถือก็ยังอยู่กับ AIS สัมปทานดาวเทียมก็ยังอยู่กับชินแซท สัมปทานทีวีก็ยังอยู่กับ ITV เหมือนเดิม หรือรัฐไทยจะยึดสัมปทานคืน (ถ้ายึดคืน หุ้น AIS/ ชินแซท และ itv คงมีมูลค่าสูงกว่าขี้นิดหนึ่ง ด้วยเหตุที่มีเหลือแต่ฮาร์ดแวร์ แต่ไม่มีสัมปทาน แหมแต่ผู้ใช้ AIS คงชุมนุมกันเป็นล้านเต็มราชดำเนินเลยนะเนี่ย อิอิ) สงสัยอีกเรืองคือถ้าจะมีการซื้อหุ้นคืนจากสิงคโปร์ คนซื้อเขาจะซื้อราคาที่เท่าใดหนอ ใครจะช่วยสงเคราะห์ตอบ หรือวิเคราะห์ให้สิ้นสงสัยจักเป็นพระคุณยิ่งครับ ลองพิจารณาสัญญาที่ทำกับต่างประเทศในทุกๆเรื่อง มีอะไรบ้างที่ไทยเคยได้เปรียบ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: C.J. - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 13, 2006, 04:28:22 PM """บอกได้เลย..สะ..จาย""
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ ตุลาคม 13, 2006, 06:21:03 PM อยากให้มันเจอวิบากกรรม มากกว่านี้มากๆ ไม่รู้จักจบ จะได้ทรมานจนกว่ามันจะตายไป โมทนา สาธุ ให้ฉิบหาย เร็ว ๆ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ ตุลาคม 13, 2006, 09:28:07 PM ขอให้ ไอ้ สิง+สิน จงพินาศย่อยยับด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: rerng ที่ ตุลาคม 13, 2006, 10:07:59 PM ดูละครแล้วย้อนดูตัว.....หรือ.....ตัวดูย้อนแล้วครละดู....??????
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ตุลาคม 13, 2006, 10:35:46 PM หุ้นเด้งรับเทมาเสกถอย ลือ 'ปูนใหญ่-แบงก์ใบโพธิ์' เสียบชินคอร์ป [13 ต.ค. 49 - 04:14]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันของวานนี้ (12 ต.ค. ) มีกระแสข่าวสะพัดไปในห้องค้า กรณีที่ผู้บริหารกองทุนเทมาเสกตัดสินใจที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บมจ. ชินคอร์ป เพื่อยุติและเคลียร์ปัญหาต่างๆที่ถูกโจมตี ภายหลังจากที่เข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ป จากตระกูลชินวัตรและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มชินคอร์ปปรับตัวขึ้นแรงยกแผงทั้งกลุ่ม นำโดยหุ้นชินคอร์ปบวก 5.75 บาท มาที่34 บาท บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ปิด 92.50 บาท บวก 7 บาท บมจ.ชินแซทเทลไลท์ ปิด 8.65 บาท บวก 1.55 บาท ไอทีวี ปิด 3.04 บาท บวก 0.36 บาท บมจ.ซีเอส ล็อก อินโฟร์ ปิด 3.78 บาท บวก 0.16 บาท ขณะที่หุ้นเอสซีแอสเสท ปิดที่ 9.10 บวก 1 บาท โดยมีรายงานว่า ผู้บริหารเทมาเสกได้เข้ามาเจรจาที่จะขายหุ้นคืนให้กับกลุ่มทุนไทยที่มีกำลังเงินในการซื้อหุ้นคืนระยะหนึ่งแล้ว โดยล่าสุด มีความเป็นไปได้สูงว่ากลุ่มปูนซิเมนต์ไทยและธนาคารไทยพาณิชย์อาจจะเป็นผู้ที่เข้ามาซื้อหุ้นคืน เพราะเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีกำลังเงินสูง โดยเฉพาะปูนซิเมนต์ไทยซึ่งปีปีหนึ่งมีการจ่ายเงินปันผลสูงถึงปีละ 15,000 ล้านบาท ผู้บริหารระดับสูงในวงการหลักทรัพย์ให้ ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์และปูนใหญ่จะเป็นผู้เข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ปคืน เพราะถือว่ามีความเกี่ยวพันกัน โดยธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้นในชินคอร์ปบางส่วนอยู่แล้ว และยังเป็นผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปครั้งก่อนด้วย หากไทยพาณิชย์เข้าทำจริง ก็น่าจะได้เครดิตคืนด้วย เพราะเป็นการช่วยให้ชินคอร์ปกลับมาเป็นของคนไทยอย่างแท้จริง และเป็นการแก้ตัวที่ธนาคารไทยพาณิชย์ตกเป็นจำเลยสังคมร่วมกับตระกูลชินวัตร ในการสนับสนุนเงินกู้ สำหรับแนวทางที่เป็นไปได้ในการลดสัดส่วนการถือหุ้นของเทมาเสกนั้น ทำได้หลายทาง ทั้งการซื้อหุ้นคืนจากเทมาเสกโดยตรง หรืออาจใช้วิธีการแลกหุ้น (SWAP) กัน นอกจากนี้ อีกแนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้สูงคือ เทมาเสกอาจจะนำหุ้นชินคอร์ปที่ถืออยู่ โดยเฉพาะในส่วนที่ถือในนามซีดาร์โฮลดิ้งประมาณ 54% (กุหลาบแก้วถือหุ้นในซีดาร์โฮลดิ้ง 51%) ออกมาเสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป (PO/Public Offering) ในตลาดประมาณ 51% ของหุ้นทั้งหมด เพื่อให้เหลือหุ้นในมือเทมาเสกโดยตรงไม่เกิน 49% และหากหุ้นที่นำออกมาขาย ขายได้ไม่หมด กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์หรือปูนใหญ่ก็จะเป็นผู้รับซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด ก็จะทำให้ชินคอร์ปกลับมาเป็นบริษัทไทยแท้ ที่สำคัญยังทำให้มีจำนวนหุ้นหมุนเวียนในมือนักลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ ชินคอร์ปกลับมาเป็นบริษัทจดทะเบียนที่สมบูรณ์อีกครั้ง เพราะหลังจากที่กลุ่มเทมาเสกต้องทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ หรือรับซื้อหุ้นคืนจากรายย่อย ปรากฏว่าสามารถซื้อหุ้นได้มากกว่า 90% ในครั้งก่อน ทำให้เหลือหุ้นที่ซื้อขายในตลาดเพียง 4-5% เท่านั้น ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ต้องมีหุ้นหมุนเวียนในมือรายย่อยไม่ต่ำกว่า 15% และขณะนี้ทางชินคอร์ปอยู่ระหว่างขอผ่อนผัน ดังนั้น กรณีการลดสัดส่วนการถือหุ้นของเทมาเสกครั้งนี้ แม้จะเพิ่งทำเทนเดอร์ซื้อหุ้นจากรายย่อยมาไม่ถึงปี ก็สามารถทำได้เพียงแต่ขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามเกณฑ์และแจ้งให้ ก.ล.ต.ทราบเท่านั้น ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่าจะเร่งสรุปผลภาษีการซื้อขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่นร่วมกับกรมสรรพากรและสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในส่วนที่มีข่าวว่ากลุ่มเทมาเสกจากสิงคโปร์ จะลดสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทชินคอร์ปนั้น เป็นเรื่องของเอกชนที่จะคุยกันเอง. ความจริงแล้วการที่ธนาคารไทยพาณิชย์และอีก3 ธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งหมด4 แห่งที่ temasec เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปล่อยกู้ให้ temasecเพื่อไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่มีอะไรค้ำประกันนั้นถือว่าเสี่ยงเป็นอย่างมาก ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ทั้ง4 แห่งสมควรถูกดำเนินคดีอาชญากรทางเศรษฐกิจ คิดดูเล่นๆว่า หาก temasec ตัดใจขายหุ้นทิ้งในราคาเฉลี่ยถูกๆในตลาดหลักทรัพย์ ที่ 30 บาท หรือไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนดจะเกิดอะไรขึ้นกับระบบเศรษฐกิจไทย คงได้ชิมเชื้อที่แรงกว่าต้มยำกุ้ง กันอีกรอบแน่ๆ ทางแก้ไขปัญหาของผู้บริหารธนาคารเพือให้พ้นผิดคือการซื้อหุ้นคืนในราคาที่ สูงcoverวงเงินกู้เท่านั้น แต่ถึงทำอย่างนี้ก็น่าจะผิดอยู่ดีเพราะน่าจะเป็นการลงทุนที่มีรายได้ไม่คุ้มกับการลงทุน อยากให้คนไทยทุกๆคนติดตามและเอาผิด ผู้บริหารธนาคารทั้ง4 แห่งรวมทั้งผู้ถือหุ้นที่มีสิงค์โปร์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวลเพราะนี่คืออาชญากรเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศไทยครับเท่าที่สังเกตุดูคนไทยไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่พอๆกับที่คนไทยไม่สนใจการคอรับชันเชิงนโยบายของรัฐบาลทักษิณ1 ทั้งๆที่เรื่องนี้เลวร้ายยิ่งกว่าธนาคารกรุงเทพพาณิชยการเสียอีก ขอย้ำว่าเรื่องนี้ความผิดถึงประหารทีเดียว เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกือบสองแสนล้านบาททำให้การเงินการธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ไทยล่มสลายถึงขั้นเศรษฐกิจชาติล่มสลายทีเดียวครับ http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=22852 หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: SAMURAI COP ที่ ตุลาคม 13, 2006, 11:17:36 PM ก่อนถูกขาย ชินคอร์ป เป็นของรัฐ ใช่ไหม ถึงต้องไปซื้อคืน
เราคิดกันเองว่า เขารวย รวยมากๆ มากกว่าเรา เขาน่าจะได้สัมปทานมาโดยมิชอบ แต่ เอ...ไม่รู้ผิดกฎหมายข้อ ไหนแฮะ (แต่ผิดใจพวกเสียผลประโยชน์อย่างนายสนธิ เจ๊ก อย่แล้ว) ทำไม เราไม่ไปยึด ไปซื้อคืน บริษัทก่อสร้าง รับเหมาผูกขาดของนายบรรหาร กลับเป็นของรัฐบ้างล่ะครับ ตกลงท่านนายกทักษิน เขาทำผิดกฎหมายข้อไหนครับ ผมงงมาก ถึงไปรุมโกรธแค้นกันมาก คนที่เขาชอบก็มีอย่างน้อยก็เกิน ๑๐ ล้านคนนะครับ แต่เขาเห้นแก่ประเทศชาติไม่ออกมาสร้างความวุ่นวายเหมือน... หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ตุลาคม 13, 2006, 11:24:44 PM ก่อนถูกขาย ชินคอร์ป เป็นของรัฐ ใช่ไหม ถึงต้องไปซื้อคืน เราคิดกันเองว่า เขารวย รวยมากๆ มากกว่าเรา เขาน่าจะได้สัมปทานมาโดยมิชอบ แต่ เอ...ไม่รู้ผิดกฎหมายข้อ ไหนแฮะ (แต่ผิดใจพวกเสียผลประโยชน์อย่างนายสนธิ เจ๊ก อย่แล้ว) ทำไม เราไม่ไปยึด ไปซื้อคืน บริษัทก่อสร้าง รับเหมาผูกขาดของนายบรรหาร กลับเป็นของรัฐบ้างล่ะครับ ตกลงท่านนายกทักษิน เขาทำผิดกฎหมายข้อไหนครับ ผมงงมาก ถึงไปรุมโกรธแค้นกันมาก เข้าใจผิดแล้วครับไม่ได้ยึดคืนโดยอาศัยอำนาจบาตรใหญ่ เพียงแต่ว่าตรวจสอบการถือหุ้นว่าเกินสัดส่วนที่กฏหมายกำหนดและ การปล่อยกู้ถูกกฏหมายหรือไม่ หากมีการผิดกฏหมายก็ลงโทษกันไปจะยกเลิกสัมปทาน หรืออย่างไรนั้นก็สุดแท้แต่ความผิด " แต่รัฐไม่มีหน้าที่เอาเงินแผ่นดินไปซื้อคืนแน่ๆ " ในส่วนที่ต่างชาติครอบครองธุรกิจสือสารที่สำคัญของชาติผิดถูกสมควรหรือไม่อย่างไรก็ ลองไปอ่านประกาศ คปค. ดูแล้วกันครับว่าทำไมถึงต้องประกาศบทลงโทษการจารกรรม การดักฟังการสื่อสาร เนื่องจากเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติน่ะสิครับ ลองคิดดูว่า หากหน่วยทหาร นักการเมือง นักธุรกิจเราถูกจารกรรมล้วงข้อมูลทั้งหมดชาติไทยเราคงต้องอยู่ในกำมือสิงค์โปร์แน่ๆครับ คนที่เขาชอบก็มีอย่างน้อยก็เกิน ๑๐ ล้านคนนะครับ แต่เขาเห้นแก่ประเทศชาติไม่ออกมาสร้างความวุ่นวายเหมือน 10ล้านที่ว่า ถ้าไม่มีคนเอาเงินไปจ้างคงไม่มีใครขยับทำอะไรหรอกครับ คิดในแง่กลับกัน ถ้าฝ่ายทักษิณยังมีอำนาจ และประกาศภาวะฉุกเฉินสำเร็จ ประชาชนคนไทยก็ยังเต็มถนนราชดำเนินหรือไม่ลองคิดดูครับ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: terry ที่ ตุลาคม 13, 2006, 11:24:53 PM สิงคโปร์ ทำเรื่องแสบๆ ให้ประเทศไทยไว้เยอะ ไม่ว่าจะตั้งหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย ภาคภาษาอังกฤษด่าโจมตีประเทศไทยอยู่ทุกวัน ขัดขวางกันขุดคอคอดกระตั้งแต่ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจยังคุ้มค่าอยู่ เอาเงินมายัดนักการเมือง หลายๆคน เพื่อไม่ให้สร้างสนามบินหนองงูเห่า(ชื่อเมื่อ 40-50 ปี ที่แล้ว) หนึ่งในพวกนั้นก็คือพี่จมูกบานลูกกระจ๊อกพี่แม้ว(ไม่มีแผ่นดินจะอยู่) ที่ชัดเจนที่สุดก็ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีฯ คมนาคม ฯลฯ
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ ตุลาคม 13, 2006, 11:46:23 PM อีกไม่นานครับ รอฟังคำพิพากษาของศาลก็คงได้ทราบกันว่าผิดกฎหมายข้อไหน
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 14, 2006, 04:46:57 AM ท่านนายกทักษิน เขาทำผิดกฎหมายข้อไหนครับ
ด้วยความเคารพ เป็นอดีตนายก แล้วครับท่าน ผมว่ายังอยู่ในช่วงตรวจสอบ อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปเลยครับ น้ำลดตอย่อมผุด ครับ ;) หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ตุลาคม 14, 2006, 08:39:53 PM จากแผนที่แสดงให้เห็นว่า ทั้งเกาะสิงคโปร์อยู่ในรัศมี ปืนใหญ่155 mm ที่ยิงจากชายฝั่งมาเลย์ โดย ป155 มีระยะยิงไกลสุด40 km และระยะจากฝั่งมาเลย์ถึงด้านที่ห่างที่สุดบนเกาะสิงค์มีระยะแค่ 25 km เท่านั้น แผนที่นี้คงเป็นที่ยุติว่าการที่สิงค์มีฐานฝึกบินที่อุดรทำให้สมดุลทางยุทธศาสตร์ระหว่างสิงค์-มาเลย์เปลี่ยนไปอย่างไรครับ
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ตุลาคม 14, 2006, 08:44:46 PM แผนที่ภาพนี้เป็นบริเวณที่สิงค์ถมทะเลเพื่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่มีขนาดใหญ่กว่าท่าเรือเก่ากว่า 2 เท่าตัว ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจพาณิชย์นาวียังมีโอกาสขยายตัวได้อีกหลายร้อยปี เพราะการขนส่งทางเรือมีต้นทุนถูกที่สุด ในบ้านเราทั้งนักการเมืองและสื่อที่ออกมาให้ข่าวว่าการขุดคอคอดกระ การสร้างแลนด์บริจด์ไม่คุ้มเพราะการขนส่งทางเรือจะลดลงเพราะจะใช้การขนส่งทางอากาศแทนนั้นไม่มีความจริงแต่อย่างใดเพราะการขนส่งทางอากาศสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกว่าขนส่งทางเรือหลายร้อยเท่า ใครที่ทำอย่างนี้กาหัวพวกนี้ได้เลยว่าเป็นพวกขายชาติขายแผ่นดินครับ
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ตุลาคม 14, 2006, 08:51:53 PM ในแผนที่ทางอากาศภาพนี้จะเห็นได้ว่าสิงค์โปร์สร้าง รันเวย์ที่สามเสร็จเกือบสมบูรณ์แล้วปล่อยให้คนไทยหลงไหลได้ปลื้มกับสนามบินสุวรรณภูมิที่คอรับชันกันมโหฬารทำให้ใช้ระบบต่างๆไม่ได้สมบูรณ์จนถึงขณะนี้ ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าที่ติดตั้งเครื่อง ctx อันแสนจะอื้อฉาว ระบบ freezone cargo สำหรับพัสดุทางอากาศ ก็ยังใช้ไม่ได้มีของตกค้างมากมาย ถ้าเราไม่แก้ไขให้เสร็จโดยเร็ว หากอาคาร terminal และรันเวย์ที่3 ของสิงค์โปร์ แล้วเสร็จเราจะเสียตำแหน่งศูนย์กลางการบินรวมทั้งการเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุด(แต่ยังใช้ได้ไม่สมบูรณ์สักอย่างนึกแล้วเจ็บใจตะกวด พันธ์ จึงรุ่งเรืองกิจ และชินวัตรนัก มันคอรับชันกันจนประเทศเกือบพิการ)ในภูมิภาคไปทันทีครับ
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Adrenaline-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 15, 2006, 01:41:21 AM มันพลาดที่บังอาจ ดึงฟ้าต่ำ แผ่นดินเมืองไทยบรรพบุรุษสร้างและกอบกู้มาด้วยเลือด มันคิดไม่ดีสุดท้ายจึงเป็นเช่นนี้
;D ;D สมนำน่ามัน ;D ;D หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ ตุลาคม 16, 2006, 10:11:35 AM ทรัพย์สินฯไม่ซื้อ'ชิน' +ผู้ร่วมทุนเชียร์เทมาเสกเทขายหุ้นคืนคนไทย/'ดร.จิรายุ'ปัดไม่ใช่ธุรกิจเชี่ยวชาญ
เทมาเสกถอดใจวิกฤตชินคอร์ปฯ เล็งหาผู้ร่วมทุนใหม่คนไทยมารับซื้อหุ้นเกือบครึ่ง เพื่อลดสัดส่วนของตนให้เหลือตามข้อกำหนดกฎหมาย "ดร.จิรายุ"ปฎิเสธลั่น สำนักงานทรัพย์สินฯไม่รับซื้อแน่ หุ้นชินคอร์ปฯและธุรกิจในเครือเคลื่อนไหวคึกคัก เซียนชี้ระวังปล่อยข่าวดันราคาช่วงสั้น เผยเทมาเสกเจ๊งชินคอร์ปฯแล้ว 6 พันล้าน ด้านธุรกิจครอบครัวชินวัตรและเครือข่ายเสี่ยงเจอปัญหา ด้านบ.ประชาสัมพันธ์ "124ฯ"ยัน รับงานภาครัฐเพียบเพราะฝีมือ ไม่มีเอี่ยวใกล้ชิดเครือข่ายรัฐบาลเก่า หัวข่าว จาก นสพ. ฐานเศรษฐกิจ http://www.thannews.th.com หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ตุลาคม 16, 2006, 10:21:40 PM พิษควันไฟป่าทำคุณภาพอากาศสิงคโปร์เข้าระดับอันตราย สิงคโปร์ 16 ต.ค. สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสิงคโปร์รายงานในเว็บไซต์วันนี้ ระบุว่าดัชนีคุณภาพอากาศของสิงคโปร์จากการตรวจวัดเมื่อเวลา 15.00 น. ตรงกับเวลาเมืองไทย 14.00 น. อยู่ที่ 127 อันเป็นอัตราที่อยู่ในระดับไม่ดีสำหรับสุขภาพ ที่จะมีดัชนีอยู่ระหว่าง 101-200 รายงานระบุว่า สถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากควันไฟจากการเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกบนเกาะสุมาตราและบอร์เนียวของอินโดนีเซีย คุณภาพอากาศตามดัชนีปัจจุบัน อาจส่งผลกระทบต่อบุคคลที่มีอาการป่วยโรคหัวใจและปอด นอกจากนี้ ยังอาจสร้างความระคายเคืองทางระบบหายใจให้แก่ผู้ที่มีสุขภาพไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว แนะนำให้ชาวสิงคโปร์ลดการอยู่ภายนอกอาคาร ทั้งนี้ อินโดนีเซียเพิ่งเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจากทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน และไทย ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาควันไฟป่าอินโดนีเซียทุกปีเข้าร่วมหารือเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ชาติที่เข้าร่วมประชุมเรียกร้องให้อินโดนีเซียร่วมให้สัตยาบันการป้องกันปัญหาควันไฟป่าข้ามแดน ขณะที่อินโดนีเซียเรียกร้องให้เพื่อนบ้านช่วยแก้ไขปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า. สำนักข่าวไทย [ 2006-10-16 : 18:21:21 ] สงสัยเกาะคนบาปจะถูกสวรรค์ลงโทษฐานที่ทำกับชาติอื่นไว้มากครับ เจออย่างนี้ทุกปีก็อ่วมครับ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: jamin ที่ ตุลาคม 17, 2006, 02:39:51 AM คนไทย ต้องทำใจ
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 17, 2006, 12:14:48 PM 1.ยึดสัมปทาน มือถือ , ดาวเทียม , ทีวี (ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหุ้นกลับ อยาก บ.ก็เอาไปแต่ไม่ให้สัมปทานมีอะไรมั้ย 8))
2.ยกเลิกสัญญาเช่าสนามบิน แล้วคืน F16 ไป (ถ้าซ่อมแซมแล้วก็คิดค่าซ่อมด้วย ไม่ให้เงินค่าซ่อมไม่คืน) 3.ขุดคลองฯตัดผ่านเมืองไทย (งานนี้ประเทศSอาจจะกลายเป็นเกาะร้างไปเลย) 4.จับมือกับมาเลฯฝึกทหารร่วม (จริง ๆ แค่ยุมาเลฯไม่ให้ปล่อยน้ำจืดก็แพ้แล้ว) ทั้งหมดนี้ผมก็ได้แต่ฝัน ๆ ครับ ได้แต่ฝันหวาน :D หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: เรือน้อย..น้อย ที่ ตุลาคม 17, 2006, 02:40:40 PM แล้ว คุณรู้มั้ยว่า Recruit company ที่ได้รับ สัมปทาน จัดหาคน ทำงานในส่วน
ต่างๆ ของสนามบิน สุวรรณภูมิ คือ ประเทศ S ครับ ....เจ็บมากครับ ..นี่มันอะไรกัน... หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Kwan -รักในหลวง- ที่ ตุลาคม 17, 2006, 07:21:07 PM ถ้าเทมาเส็ก ขายหุ้นคืนคนไทย ถ้าใครรับซื้อผมจะแจ้งตำรวจจับ ข้อหารับซื้อของโจร โจรปล้นโจร ไม่ต้องซื้อเดี๋ยวมันก็ให้เราคนไทยแบบไม่ต้องเสียเงินซักสลึง เพราะมันเป็นของคนไทย 5555
หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ ตุลาคม 18, 2006, 10:19:00 AM ตอนนี้มีข่าวว่า เทมาเส็กจะขายให้เจ้าสัว หรือ ไม่ก็รายย่อยในกระดาน ชาวบ้านเรา เพื่อเลี่ยงความผิด เรื่องนอมินีที่เป็นเรื่องฉาวกันอยู่
ผมก็งงๆ ความผิดมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องว่าไปตามนั้น เห็นด้วย อย่างที่ คุณ Kwan พูดไว้ครับ หัวข้อ: Re: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย" เริ่มหัวข้อโดย: Field_B ที่ ตุลาคม 18, 2006, 11:28:17 AM ถ้าเทมาเส็ก ขายหุ้นคืนคนไทย ถ้าใครรับซื้อผมจะแจ้งตำรวจจับ ข้อหารับซื้อของโจร โจรปล้นโจร ไม่ต้องซื้อเดี๋ยวมันก็ให้เราคนไทยแบบไม่ต้องเสียเงินซักสลึง เพราะมันเป็นของคนไทย 5555 ;) ;) ;) |