เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 09, 2025, 04:41:02 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บทเรียนราคาแพงที่"เทมาเส็ก ต้องจำจนตาย"  (อ่าน 8620 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 12:19:34 AM »

บทเรียนราคาแพงจากเมืองไทย ของ"เทมาเส็ก"

สตีเฟน เบนเนตต์ ทนายความแห่งสำนักงานฮันตัน แอนด์ วิลเลียมส์ ในกรุงเทพฯ ที่เป็นสำนักงานทนายความที่แนะนำให้เทมาเส็กชื้อกิจการ ชิน คอร์ปอเรชั่น บอกกับนิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ผลสะเทือนจาก "ดีล" มูลค่า 1,900 ล้านดอลลาร์(รวม tender offer ด้วยก็ตก 4000 million us$)ครั้งนั้นจะมากมายถึงขนาดนี้

เขาบอกว่าไม่คิดว่าจะมีใครคาดการณ์ได้ว่าผลกระทบทางการเมืองจากดีลครั้งนั้นจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ ไม่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น แม้แต่พูดถึงกันบนโต๊ะเจรจายังไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง

ถ้ารู้-ดีลนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น เขาเชื่ออย่างนั้น

หลายประโยคของ สตีฟ เบนเนตต์ บ่งบอกชัดเจนว่า การตัดสินใจของเทมาเส็ก บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อซื้อกิจการของครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เป็นความผิดพลาดประการหนึ่ง[/color]-จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่

ด้วยการซื้อกิจการของชินคอร์ป ทางหนึ่งยั่วยุให้กระแสชาตินิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างพรวดพราดในไทย ยิ่งเป็นการซื้อจากครอบครัวของนายกรัฐมนตรีที่กำลังถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่าคอร์รัปชั่น ยิ่งเสมือนหนึ่งสาดน้ำมันเข้าใส่กองไฟการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้คุโชนลุกลามออกไป และในที่สุดก็อยู่นอกเหนือความควบคุม ลงเอยด้วยการยึดอำนาจ

ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณลี้ภัยการเมืองอยู่ในลอนดอน ส่วนเทมาเส็กเจ๊งไปแล้วเกือบ 690 (รวมtender offer ก็คูณ2 )ล้านดอลลาร์ (2.7 หมื่นล้านบาท) เพราะดีลในครั้งนั้น

วิบากกรรมดังกล่าวยังไม่จบเพียงเท่านั้น "ดีล" ครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยหนนั้นยังตกเป็นเป้าการสอบสวนต่อของทางการไทยต่อไปด้วยว่า เข้าข่ายการละเมิดกฎหมายของไทยหรือไม่? สุดท้ายแล้ว ดีลชิน-เทมาเส็ก จะไปจบลงตรงไหน ยังไง ยังไม่มีใครบอกได้ในขณะนี้

ที่แน่ๆ ก็คือ ชื่อเสียงของ "เทมาเส็ก" สำหรับหลายคนในเมืองไทย "เน่าเสีย" ไปเรียบร้อยแล้ว!

ดีลหนนี้ยังทำให้บริษัทที่ปิดตัวเอง กันผู้บริหารแทบทั้งหมดจากการพูดคุย ตอบคำถามโดยตรงกับผู้สื่อข่าว ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก แม้จะจำกัดอยู่เพียง 3 คนจาก 3 สำนักคือ นิวสวีก, บลูมเบิร์ก และเอพี ก็ตามที

เพราะผลสะเทือนจากการทำความตกลงซื้อขายกันในครั้งนั้นทำให้เทมาเส็กตกเป็นที่สนใจในระดับโลกอย่างช่วยไม่ได้

เทมาเส็กยืนยันเสมอมาว่า แม้จะเป็นบริษัทของรัฐบาล มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การดำเนินการของบริษัท ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และปลอดจากการตัดสินใจในเชิงการเมือง

แม้จะยืนยันเสมอมา แต่ก็ถูกเคลือบแคลงเสมอมาเช่นกันว่า เป็นไปได้อย่างไรที่บริษัทซึ่งมีโครงสร้างทำนองนี้จะปลอดจากอิทธิพลของรัฐบาล
เทมาเส็กไม่เพียงมี โฮ ชิง ภรรยานายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง ดำรงตำแหน่งซีอีโอเท่านั้น คณะกรรมการบริหารทั้งหมดยัง "แต่งตั้ง" มาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งมี "ลี เซียน หลุง" คนเดียวกันเป็นรัฐมนตรี เอส. ธนาบาลัน ประธานของเทมาเส็ก ก็คืออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ หนึ่งในสองรองประธานเทมาเส็ก ก็คือปลัดกระทรวงการคลังของสิงคโปร์!
ตามข้อมูลของ ทอมสัน ไฟแนนเชียล กองทุนเพื่อการลงทุนของเทมาเส็กถูกประเมินค่าไว้ว่าอยู่ที่ประมาณ 81,200 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นหนึ่งในกองทุนรวมเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีรัฐเป็นเจ้าของ
แต่เดิมการลงทุนของเทมาเส็กเน้นหนักอยู่แต่ภายในประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 ต่อด้วยฟองสบู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีแตกในปี 2000 สิงคโปร์ตกอยู่ในสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ กองทุนของเทมาเส็กวูบหายไปราว 1 ใน 5

มาดาม โฮ ชิง วิศวกรปริญญาเอกจากสแตนฟอร์ด คือผู้ที่ถูกมอบหมายให้เข้ามากอบกู้สถานะของเทมาเส็กในปี 2002 หลายคนให้เครดิตเธอในฐานะผู้ที่เข้ามาจัดการให้เกิด "วินัยในการลงทุน" และเสริมสร้าง "ความเชี่ยวชาญในระดับโลก" ขึ้นในเทมาเส็ก

27 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่เทมาเส็กว่าจ้างอยู่ในเวลานี้ จึงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในระดับโลกที่เป็นชาวต่างชาติ

บทเรียนในอดีตทำให้เทมาเส็กเริ่มต้นออกไปลงทุนในต่างประเทศ ในขณะนี้ยุทธศาสตร์การลงทุนของเทมาเส็ก แยกออกเป็น 3 ส่วน ด้านหนึ่งคือ การลงทุนในเอเชีย อีกด้านหนึ่งคือ การลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้ว และอีกด้านหนึ่ง จึงเป็นการลงทุนภายในประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนยอมรับว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวเหมาะสมกับเทมาเส็กมากกว่า เป็นผลดีกับเทมาเส็กมากกว่าจำกัดอยู่แค่การลงทุนภายในประเทศ ไม่เพียงเป็นการค้ำประกันความเสี่ยงไปในตัว ยังไปได้ด้วยดีกับยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ที่หวังใช้การค้าและการลงทุนเป็นสะพานเชื่อมสิงคโปร์กับประชาคมโลก

ยุทธศาสตร์เหมาะสม ถูกต้อง แต่เกิดอะไรขึ้นกับการลงทุนของเทมาเส็กในไทย โดยเฉพาะในดีลระหว่างเทมาเส็กกับชินคอร์ปหนนี้?
ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า สาเหตุสำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะความเคลือบแคลงว่า สภาพปลอดการเมืองของเทมาเส็ก-ไม่ได้ปลอดการเมืองจริงๆ

แกร์รี่ โรแดน ศาสตราจารย์ชาวออสเตรเลียประจำศูนย์วิจัยเอเชีย ของมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อค ในเมืองเพิร์ธ เองก็ไม่เชื่อว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจในการลงทุนของเทมาเส็ก เขาบอกว่า ยิ่งออกไปลงทุนข้างนอกมากเท่าไหร่ รัฐบาลสิงคโปร์ยิ่งจำเป็นต้องเข้าไปมีอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้นว่า จะลงทุนที่ไหน ลงทุนเท่าไหร่?

ในทางหนึ่ง ความไม่เชื่อถือว่าปลอดการเมืองจริงๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่แนวความคิดแบบชาตินิยมต่อต้านดีลครั้งนี้
ในอีกทางหนึ่ง การเมืองที่เข้าแทรก ทำให้เทมาเส็กมองข้ามปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายไป และตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะฝ่ายการเมืองบอกว่า "ต้องซื้อ"!

นักวิเคราะห์อีกบางคนไม่เชื่อว่า เทมาเส็กจะมีการเมืองเคลือบแฝงอยู่ภายใน เขาบอกว่าปัญหาของเทมาเส็กในเมืองไทยเกิดขึ้นจาก "ความเชื่อมั่นในตัวเองมากจนเกินไป"
ใครก็ตามที่เชื่อมั่นในตัวเองจนเกินระดับเหมาะสม มักตัดสินใจผิดพลาด เมื่อผิดพลาดย่อมต้องได้รับบทเรียน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการตัดสินใจของเทมาเส็กหนนี้ ผิดหรือไม่ผิด ถูกการเมืองแทรกหรือไม่ บทเรียนครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นแล้ว

เป็นบทเรียนมูลค่ามหาศาล ชนิดที่เรียกได้ว่าแพงระยับเสียด้วยซี!

       ตอนนี้ทั้งโลกเริ่มหวาดระแวง temasec และสิงค์โปร์ว่าจะเข้าไปครอบงำชาติต่างๆ เรื่องนี้ทำให้ temasec สะดุดไปอีกนานในการลงทุนทั่วโลก ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อความเชื่อมันของทั่วโลกว่าสิงค์โปร์จะไม่แทรกแซงทางการเมือง เสียหายมากว่ามูลค่าหุ้นชินคอร์ปอีกครับ

http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQxMDMwNjEwNDk=
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 12:49:23 AM »

ดีนะที่มีเงินไม่พอไม่งั้นจะซื้อมาแจกซะ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 06:01:17 AM »

เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างครับ
บันทึกการเข้า
INHO
Full Member
***

คะแนน 29
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 200


ขันติ เมตตา เสียสละ ให้อภัย และปล่อยวาง


« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 07:39:16 AM »

คิดไม่ถึงว่า  ยักษ์จะล้มได้    Shocked
บันทึกการเข้า
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6603


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 08:04:49 AM »

สมน้ำหน้าอยากยึดประเทศอื่นเขา ดันเสียรู้ทักษิณ
อยากได้คืนไปเอากับทักษิณครับ ฝากเก็บมันด้วย Grin
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
y_kato
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 5
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 648



« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 08:41:49 AM »

 Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
Sig228-kolok
KU47 AGGIE / SOTUS HS9VOL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2947
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 40236



« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 09:02:06 AM »

ด้วยความเคารพครับ.....

เหมือนชูชก.................. เยาะเย้ย เยาะเย้ย เยาะเย้ย

ขอบคุณครับ................
บันทึกการเข้า

ขายที่ดิน 20 ไร่ บริเวณคลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมฯ ไร่ละ 1.8 ล้าน โทร 086-2859988
กดที่นี่ >>http://www.wikimapia.org/#lat=14.0499777&lon=100.7824481&z=17&l=0&m=b
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 10:08:22 AM »

ทรัพย์สินเล็งส่งSCC ตั้งกองทุนซื้อหุ้นชิน ชุมพล รับบทกาวใจทำหน้าที่ประสานทั้ง 2 ฝ่าย
          ชุมพล ซุ่มเจรจาทางการไทยให้รับซื้อหุ้นชินคืนจากสิงคโปร์ วงการเล็งทรัพย์สินฯออกโรง
ใช้ปูนใหญ่เป็นหัวหอก เชื่อไม่ส่ง SCC ไปลุยเอง แต่ใช้วิธีระดมเงินตั้งกองทุนแล้วขายหน่วยลง
ทุนให้ประชาชนทั่วไปซื้อ อนาคตนำเข้าตลาดหุ้น นายแบงก์สิงคโปร์หนุนทางออกที่ดีต้องขายหุ้น
คืนไทย ขณะนี้เทมาเซคได้กำไรแล้วจากปันผลชิน 2 รอบกว่า 3.7 พันล้านบาท หม่อมอุ๋ยลั่น
สิงคโปร์ขายคืนต้องจ่ายภาษี โบรกฯเตือนระวังมือดีสร้างสตอรี่ช่วงสิงคโปร์ทิ้งหุ้นในกระดาน

 Huh Huh
โจรปล้นไทย  ขายไทยให้เพื่อนโจร(รักหักเหลี่ยมโหด)  ไทยซื้อของโจรคืนจากโจร
 แหม  ยกให้สิงค์โปร์ไปเหอะ  เดี๋ยวมันก็โดนยึดแล้ว
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 12:05:25 PM »


ช่างหัวเทมาเส็กมันเหอะว่าจะจำหรือไม่ .... มันไม่สำคัญเท่า"คนไทย"น่ะ หลาบจำกันบ้างหรือเปล่า

อย่าว่าแต่จะให้หลาบจำเลย จนป่านนี้หลายๆคนแม้แต่" สำนึก "สักเพียงนิดที่จะให้ผุดขึ้นมาในหัวก็ยังไม่มี  Undecided
บันทึกการเข้า
..GlockGlack..
ทำดีไว้ไม่ขาดทุน..... ขาว อวบ. อิอิอิ
Hero Member
*****

คะแนน 48
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3569


ใช้ปืนดี มีพระคุ้มครอง


« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 12:13:54 PM »


ช่างหัวเทมาเส็กมันเหอะว่าจะจำหรือไม่ .... มันไม่สำคัญเท่า"คนไทย"น่ะ หลาบจำกันบ้างหรือเปล่า

อย่าว่าแต่จะให้หลาบจำเลย จนป่านนี้หลายๆคนแม้แต่" สำนึก "สักเพียงนิดที่จะให้ผุดขึ้นมาในหัวก็ยังไม่มี  Undecided
อีกไม่นาน คนไทยก็จะลืมความเลวร้ายและพร้อมจะให้อภัยกับเขา  Tongue
บันทึกการเข้า

ขอสักกระทู้ที่ไม่เลอะเทอะเลื่อนเปื้อน จนเสียคุณค่าเนื้อความในกระทู้นะครับ Cheesy
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 12:35:09 PM »

ทรัพย์สินเล็งส่งSCC ตั้งกองทุนซื้อหุ้นชิน ชุมพล รับบทกาวใจทำหน้าที่ประสานทั้ง 2 ฝ่าย
          ชุมพล ซุ่มเจรจาทางการไทยให้รับซื้อหุ้นชินคืนจากสิงคโปร์ วงการเล็งทรัพย์สินฯออกโรง
ใช้ปูนใหญ่เป็นหัวหอก เชื่อไม่ส่ง SCC ไปลุยเอง แต่ใช้วิธีระดมเงินตั้งกองทุนแล้วขายหน่วยลง
ทุนให้ประชาชนทั่วไปซื้อ อนาคตนำเข้าตลาดหุ้น นายแบงก์สิงคโปร์หนุนทางออกที่ดีต้องขายหุ้น
คืนไทย ขณะนี้เทมาเซคได้กำไรแล้วจากปันผลชิน 2 รอบกว่า 3.7 พันล้านบาท หม่อมอุ๋ยลั่น
สิงคโปร์ขายคืนต้องจ่ายภาษี โบรกฯเตือนระวังมือดีสร้างสตอรี่ช่วงสิงคโปร์ทิ้งหุ้นในกระดาน

 Huh Huh
โจรปล้นไทย  ขายไทยให้เพื่อนโจร(รักหักเหลี่ยมโหด)  ไทยซื้อของโจรคืนจากโจร
 แหม  ยกให้สิงค์โปร์ไปเหอะ  เดี๋ยวมันก็โดนยึดแล้ว
Huh
งง ครับ งง
อ่านเรื่องที่จะมีการซื้อหุ้นชินคอร์ปคืนจากสิงคโปร์ แล้วมีคำถามเกิดขึ้นในใจของหมาป่า
ในเรื่องเกี่ยวกับ Nominee ที่โยงกับการผิดกฏหมายธุรกิจสัมปทานสื่อสารของรัฐ
ถ้าหากพิสูจน์ทราบได้แน่ชัดว่านอกเหนือจากหุ้น 49% เต็มเพดานการถือครองของต่างชาติที่เทมาเส็กถืออยู่แล้ว  กลุ่มบริษัท nominee ของเทมาเส็กยังถือหุ้นอีกจำนวนมาก ทำให้รัฐไทยสามารถใช้กฏหมายยึดสัมปทานคืนมาได้

ถ้าทรัพย์สินฯ (จะโดย SCC นำหน้าหรือไม่ก็ตาม) หรื่อกองทุนที่ทรัพย์สินฯเป็นตัวตั้งตัวตีระดมทุนไปซื้อหุ้นชินกลับมาจากเทมาเส็ก
เรื่องการทำผิดกฏหมายในเรื่อง nominee ทางการไทยจะดำเนินการต่ออย่างไร  ในเมื่อการกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว
จะหลับตาข้างหนึ่งแล้วถือว่าเจ๊าๆกันไป  ขอให้เทมาเส็กจ่ายภาษีการขายแล้วกัน  สัมปทานมือถือก็ยังอยู่กับ AIS สัมปทานดาวเทียมก็ยังอยู่กับชินแซท สัมปทานทีวีก็ยังอยู่กับ ITV เหมือนเดิม
หรือรัฐไทยจะยึดสัมปทานคืน  (ถ้ายึดคืน หุ้น AIS/ ชินแซท และ itv คงมีมูลค่าสูงกว่าขี้นิดหนึ่ง  ด้วยเหตุที่มีเหลือแต่ฮาร์ดแวร์  แต่ไม่มีสัมปทาน  แหมแต่ผู้ใช้ AIS คงชุมนุมกันเป็นล้านเต็มราชดำเนินเลยนะเนี่ย อิอิ)

สงสัยอีกเรืองคือถ้าจะมีการซื้อหุ้นคืนจากสิงคโปร์  คนซื้อเขาจะซื้อราคาที่เท่าใดหนอ
 
ใครจะช่วยสงเคราะห์ตอบ หรือวิเคราะห์ให้สิ้นสงสัยจักเป็นพระคุณยิ่งครับ
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 03:37:33 PM »

บทเรียนราคาแพงจากเมืองไทย ของ"เทมาเส็ก"

สตีเฟน เบนเนตต์ ทนายความแห่งสำนักงานฮันตัน แอนด์ วิลเลียมส์ ในกรุงเทพฯ ที่เป็นสำนักงานทนายความที่แนะนำให้เทมาเส็กชื้อกิจการ ชิน คอร์ปอเรชั่น บอกกับนิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ผลสะเทือนจาก "ดีล" มูลค่า 1,900 ล้านดอลลาร์(รวม tender offer ด้วยก็ตก 4000 million us$)ครั้งนั้นจะมากมายถึงขนาดนี้

เขาบอกว่าไม่คิดว่าจะมีใครคาดการณ์ได้ว่าผลกระทบทางการเมืองจากดีลครั้งนั้นจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ ไม่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น แม้แต่พูดถึงกันบนโต๊ะเจรจายังไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง

ถ้ารู้-ดีลนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น เขาเชื่ออย่างนั้น

หลายประโยคของ สตีฟ เบนเนตต์ บ่งบอกชัดเจนว่า การตัดสินใจของเทมาเส็ก บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อซื้อกิจการของครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เป็นความผิดพลาดประการหนึ่ง[/color]-จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่

ด้วยการซื้อกิจการของชินคอร์ป ทางหนึ่งยั่วยุให้กระแสชาตินิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างพรวดพราดในไทย ยิ่งเป็นการซื้อจากครอบครัวของนายกรัฐมนตรีที่กำลังถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่าคอร์รัปชั่น ยิ่งเสมือนหนึ่งสาดน้ำมันเข้าใส่กองไฟการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้คุโชนลุกลามออกไป และในที่สุดก็อยู่นอกเหนือความควบคุม ลงเอยด้วยการยึดอำนาจ

ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณลี้ภัยการเมืองอยู่ในลอนดอน ส่วนเทมาเส็กเจ๊งไปแล้วเกือบ 690 (รวมtender offer ก็คูณ2 )ล้านดอลลาร์ (2.7 หมื่นล้านบาท) เพราะดีลในครั้งนั้น

วิบากกรรมดังกล่าวยังไม่จบเพียงเท่านั้น "ดีล" ครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยหนนั้นยังตกเป็นเป้าการสอบสวนต่อของทางการไทยต่อไปด้วยว่า เข้าข่ายการละเมิดกฎหมายของไทยหรือไม่? สุดท้ายแล้ว ดีลชิน-เทมาเส็ก จะไปจบลงตรงไหน ยังไง ยังไม่มีใครบอกได้ในขณะนี้

ที่แน่ๆ ก็คือ ชื่อเสียงของ "เทมาเส็ก" สำหรับหลายคนในเมืองไทย "เน่าเสีย" ไปเรียบร้อยแล้ว!

ดีลหนนี้ยังทำให้บริษัทที่ปิดตัวเอง กันผู้บริหารแทบทั้งหมดจากการพูดคุย ตอบคำถามโดยตรงกับผู้สื่อข่าว ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก แม้จะจำกัดอยู่เพียง 3 คนจาก 3 สำนักคือ นิวสวีก, บลูมเบิร์ก และเอพี ก็ตามที

เพราะผลสะเทือนจากการทำความตกลงซื้อขายกันในครั้งนั้นทำให้เทมาเส็กตกเป็นที่สนใจในระดับโลกอย่างช่วยไม่ได้

เทมาเส็กยืนยันเสมอมาว่า แม้จะเป็นบริษัทของรัฐบาล มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การดำเนินการของบริษัท ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และปลอดจากการตัดสินใจในเชิงการเมือง

แม้จะยืนยันเสมอมา แต่ก็ถูกเคลือบแคลงเสมอมาเช่นกันว่า เป็นไปได้อย่างไรที่บริษัทซึ่งมีโครงสร้างทำนองนี้จะปลอดจากอิทธิพลของรัฐบาล
เทมาเส็กไม่เพียงมี โฮ ชิง ภรรยานายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง ดำรงตำแหน่งซีอีโอเท่านั้น คณะกรรมการบริหารทั้งหมดยัง "แต่งตั้ง" มาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งมี "ลี เซียน หลุง" คนเดียวกันเป็นรัฐมนตรี เอส. ธนาบาลัน ประธานของเทมาเส็ก ก็คืออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ หนึ่งในสองรองประธานเทมาเส็ก ก็คือปลัดกระทรวงการคลังของสิงคโปร์!
ตามข้อมูลของ ทอมสัน ไฟแนนเชียล กองทุนเพื่อการลงทุนของเทมาเส็กถูกประเมินค่าไว้ว่าอยู่ที่ประมาณ 81,200 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นหนึ่งในกองทุนรวมเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีรัฐเป็นเจ้าของ
แต่เดิมการลงทุนของเทมาเส็กเน้นหนักอยู่แต่ภายในประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 ต่อด้วยฟองสบู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีแตกในปี 2000 สิงคโปร์ตกอยู่ในสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ กองทุนของเทมาเส็กวูบหายไปราว 1 ใน 5

มาดาม โฮ ชิง วิศวกรปริญญาเอกจากสแตนฟอร์ด คือผู้ที่ถูกมอบหมายให้เข้ามากอบกู้สถานะของเทมาเส็กในปี 2002 หลายคนให้เครดิตเธอในฐานะผู้ที่เข้ามาจัดการให้เกิด "วินัยในการลงทุน" และเสริมสร้าง "ความเชี่ยวชาญในระดับโลก" ขึ้นในเทมาเส็ก

27 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่เทมาเส็กว่าจ้างอยู่ในเวลานี้ จึงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในระดับโลกที่เป็นชาวต่างชาติ

บทเรียนในอดีตทำให้เทมาเส็กเริ่มต้นออกไปลงทุนในต่างประเทศ ในขณะนี้ยุทธศาสตร์การลงทุนของเทมาเส็ก แยกออกเป็น 3 ส่วน ด้านหนึ่งคือ การลงทุนในเอเชีย อีกด้านหนึ่งคือ การลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้ว และอีกด้านหนึ่ง จึงเป็นการลงทุนภายในประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนยอมรับว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวเหมาะสมกับเทมาเส็กมากกว่า เป็นผลดีกับเทมาเส็กมากกว่าจำกัดอยู่แค่การลงทุนภายในประเทศ ไม่เพียงเป็นการค้ำประกันความเสี่ยงไปในตัว ยังไปได้ด้วยดีกับยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ที่หวังใช้การค้าและการลงทุนเป็นสะพานเชื่อมสิงคโปร์กับประชาคมโลก

ยุทธศาสตร์เหมาะสม ถูกต้อง แต่เกิดอะไรขึ้นกับการลงทุนของเทมาเส็กในไทย โดยเฉพาะในดีลระหว่างเทมาเส็กกับชินคอร์ปหนนี้?
ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า สาเหตุสำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะความเคลือบแคลงว่า สภาพปลอดการเมืองของเทมาเส็ก-ไม่ได้ปลอดการเมืองจริงๆ

แกร์รี่ โรแดน ศาสตราจารย์ชาวออสเตรเลียประจำศูนย์วิจัยเอเชีย ของมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อค ในเมืองเพิร์ธ เองก็ไม่เชื่อว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจในการลงทุนของเทมาเส็ก เขาบอกว่า ยิ่งออกไปลงทุนข้างนอกมากเท่าไหร่ รัฐบาลสิงคโปร์ยิ่งจำเป็นต้องเข้าไปมีอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้นว่า จะลงทุนที่ไหน ลงทุนเท่าไหร่?

ในทางหนึ่ง ความไม่เชื่อถือว่าปลอดการเมืองจริงๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่แนวความคิดแบบชาตินิยมต่อต้านดีลครั้งนี้
ในอีกทางหนึ่ง การเมืองที่เข้าแทรก ทำให้เทมาเส็กมองข้ามปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายไป และตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะฝ่ายการเมืองบอกว่า "ต้องซื้อ"!

นักวิเคราะห์อีกบางคนไม่เชื่อว่า เทมาเส็กจะมีการเมืองเคลือบแฝงอยู่ภายใน เขาบอกว่าปัญหาของเทมาเส็กในเมืองไทยเกิดขึ้นจาก "ความเชื่อมั่นในตัวเองมากจนเกินไป"
ใครก็ตามที่เชื่อมั่นในตัวเองจนเกินระดับเหมาะสม มักตัดสินใจผิดพลาด เมื่อผิดพลาดย่อมต้องได้รับบทเรียน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการตัดสินใจของเทมาเส็กหนนี้ ผิดหรือไม่ผิด ถูกการเมืองแทรกหรือไม่ บทเรียนครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นแล้ว

เป็นบทเรียนมูลค่ามหาศาล ชนิดที่เรียกได้ว่าแพงระยับเสียด้วยซี!

       ตอนนี้ทั้งโลกเริ่มหวาดระแวง temasec และสิงค์โปร์ว่าจะเข้าไปครอบงำชาติต่างๆ เรื่องนี้ทำให้ temasec สะดุดไปอีกนานในการลงทุนทั่วโลก ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อความเชื่อมันของทั่วโลกว่าสิงค์โปร์จะไม่แทรกแซงทางการเมือง เสียหายมากว่ามูลค่าหุ้นชินคอร์ปอีกครับ

http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQxMDMwNjEwNDk=

ไม่รู้ว่าจะเปรียบกับสำนวนที่ว่า "สี่เท้ายังรู้พลาด" ได้หรือเปล่า อิๆ

ทุกข์ของคนรวย

ส่วนทุกข์ของเรา ก็อยากได้ ปืนดีๆแพงๆ หาได้ยากเย็นเสียจริงๆ เอ้อ...
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
ฅนแผ่นดิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 1454

ช่างบั้งไฟและไกปืน


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 03:54:21 PM »

อยากให้มันเจอวิบากกรรม มากกว่านี้มากๆ ไม่รู้จักจบ จะได้ทรมานจนกว่ามันจะตายไป
บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 04:06:31 PM »

คิดไม่ถึงว่า  ยักษ์จะล้มได้  Shocked

อย่าประมาทครับ เขาไม่ล้มง่ายๆหรอก ไม่ใช่ว่าจะเข้าฝ่าย แต่มองถึงความเป็นจริง เรื่องยังไม่สิ้นสุด แล้วต้องยอมรับว่า เรื่องการเงินการธนาคาร สิงโปร์ มันเก่งกว่าเรา อย่าลืมว่า สิงโปร์ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย แต่เขาสามารถทำอะไรตั้งมากมาย ควบคุมอะไรหลายอย่าง ไทยเราต้องพึ่งต้องอิงสิงโปร์อยู่เยอะ

มาคิดกันว่าเราจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองของเรา ให้มีความมั่นคงมากที่สุดครับ

ด้วยความเคารพ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
boon
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2006, 04:13:40 PM »

ทรัพย์สินเล็งส่งSCC ตั้งกองทุนซื้อหุ้นชิน ชุมพล รับบทกาวใจทำหน้าที่ประสานทั้ง 2 ฝ่าย
          ชุมพล ซุ่มเจรจาทางการไทยให้รับซื้อหุ้นชินคืนจากสิงคโปร์ วงการเล็งทรัพย์สินฯออกโรง
ใช้ปูนใหญ่เป็นหัวหอก เชื่อไม่ส่ง SCC ไปลุยเอง แต่ใช้วิธีระดมเงินตั้งกองทุนแล้วขายหน่วยลง
ทุนให้ประชาชนทั่วไปซื้อ อนาคตนำเข้าตลาดหุ้น นายแบงก์สิงคโปร์หนุนทางออกที่ดีต้องขายหุ้น
คืนไทย ขณะนี้เทมาเซคได้กำไรแล้วจากปันผลชิน 2 รอบกว่า 3.7 พันล้านบาท หม่อมอุ๋ยลั่น
สิงคโปร์ขายคืนต้องจ่ายภาษี โบรกฯเตือนระวังมือดีสร้างสตอรี่ช่วงสิงคโปร์ทิ้งหุ้นในกระดาน

 Huh Huh
โจรปล้นไทย  ขายไทยให้เพื่อนโจร(รักหักเหลี่ยมโหด)  ไทยซื้อของโจรคืนจากโจร
 แหม  ยกให้สิงค์โปร์ไปเหอะ  เดี๋ยวมันก็โดนยึดแล้ว
Huh
งง ครับ งง
อ่านเรื่องที่จะมีการซื้อหุ้นชินคอร์ปคืนจากสิงคโปร์ แล้วมีคำถามเกิดขึ้นในใจของหมาป่า
ในเรื่องเกี่ยวกับ Nominee ที่โยงกับการผิดกฏหมายธุรกิจสัมปทานสื่อสารของรัฐ
ถ้าหากพิสูจน์ทราบได้แน่ชัดว่านอกเหนือจากหุ้น 49% เต็มเพดานการถือครองของต่างชาติที่เทมาเส็กถืออยู่แล้ว กลุ่มบริษัท nominee ของเทมาเส็กยังถือหุ้นอีกจำนวนมาก ทำให้รัฐไทยสามารถใช้กฏหมายยึดสัมปทานคืนมาได้

ถ้าทรัพย์สินฯ (จะโดย SCC นำหน้าหรือไม่ก็ตาม) หรื่อกองทุนที่ทรัพย์สินฯเป็นตัวตั้งตัวตีระดมทุนไปซื้อหุ้นชินกลับมาจากเทมาเส็ก
เรื่องการทำผิดกฏหมายในเรื่อง nominee ทางการไทยจะดำเนินการต่ออย่างไร ในเมื่อการกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว
จะหลับตาข้างหนึ่งแล้วถือว่าเจ๊าๆกันไป ขอให้เทมาเส็กจ่ายภาษีการขายแล้วกัน สัมปทานมือถือก็ยังอยู่กับ AIS สัมปทานดาวเทียมก็ยังอยู่กับชินแซท สัมปทานทีวีก็ยังอยู่กับ ITV เหมือนเดิม
หรือรัฐไทยจะยึดสัมปทานคืน (ถ้ายึดคืน หุ้น AIS/ ชินแซท และ itv คงมีมูลค่าสูงกว่าขี้นิดหนึ่ง ด้วยเหตุที่มีเหลือแต่ฮาร์ดแวร์ แต่ไม่มีสัมปทาน แหมแต่ผู้ใช้ AIS คงชุมนุมกันเป็นล้านเต็มราชดำเนินเลยนะเนี่ย อิอิ)

สงสัยอีกเรืองคือถ้าจะมีการซื้อหุ้นคืนจากสิงคโปร์ คนซื้อเขาจะซื้อราคาที่เท่าใดหนอ
 
ใครจะช่วยสงเคราะห์ตอบ หรือวิเคราะห์ให้สิ้นสงสัยจักเป็นพระคุณยิ่งครับ
ถ้าจะตอบ ผมว่าไทยคงซื้อเต็มราคา เพราะไทยชอบทำอะไรเสียเปรียบต่างชาติ
ลองพิจารณาสัญญาที่ทำกับต่างประเทศในทุกๆเรื่อง มีอะไรบ้างที่ไทยเคยได้เปรียบ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 20 คำสั่ง