เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

--------------------------------------------------------------------------------
ข้อความ: ตอบ คุณณัฐพล...ราคาปืนจะถูกลงไม่ต้องรอถึงสองสามปีหรอกครับ ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็ลงแล้วครับ เผลอๆอาจจะเร็วกว่านั้นอีก ปืนแพงจนหมดแรงซื้อ ความต้องการในตลาดก็ได้ปืนไปแล้วส่วนหนึ่ง ปืนสวัสดิการสารพัดโครงการได้รับการอนุมัติ ถ้ารอได้ไม่ต้องรีบซื้อครับ 

เป็นข้อความตอบกระทู้ ของร้านปืนร้านหนึ่ง  ถ้าร้านค้าวิเคราะห์ออกมาอย่างนี้แสดงว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ดี ช่วงนี้ผมก็หยุดรอดูปลายปีค่อยว่ากันใหม่ ท่านที่คิดจะซื้อและก็ยังไม่รีบลองคิดดูนะครับ ( ท่านสมาชิกคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ )

ถึงปลายปีนี้ ผมว่าก็น่าจะยังแพงอยู่เหมือนเดิมนะครับ.....ไม่มีทีท่าว่าจะลงเลย เท่าที่ได้ไปเดินดูย่านร้านปืนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ราคาปืนใหม่ยังแพงมากอยู่นะครับ........ แต่ยังไงก็ขอให้มันถูกลงจริงเถอะ เพราะแพงมากคนซื้อ ๆ ไม่ไหวแล้ว ....  :~)

คำตอบนี้ก็ผ่านตากระผมแล้วเหมือนกันครับ  ส่วนตัวผมก็คิดว่า เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้  เพราะ

ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอนครับ  จะให้ชัวร์ ต้องให้ถึงเวลานั้นจริงๆครับ  จากที่ท่านผู้ตอบ

ให้เหตุผลมา  ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ครับ  แต่กระแสความต้องการปืนยังมีเยอะ  ถ้าร้านปืนยังยืนราคานี้ 

คิดดูสิครับ  ราคาขึ้นมา 1 เท่าตัว ยังมีคนซื้อกันแบบไม่สะทกสะท้าน  เข้าใจว่าคนที่ซื้อก็มีความจำ

เป็น  ตอนนี้คนที่คิดถึงเรื่องราคาในตลาดปืน ส่วนใหญ่จะไม่ใช่คนที่มีปืนกระบอกแรกครับ   คนที่

ขอ ป.3 และจะเป็นปืนกระบอกแรกในชีวิตของเขา  ผมคิดว่า ( รวมตัวผมด้วย ) ราคาเท่าไรก็ซื้อ

ครับ  เพราะคนในประเทศไทย มี 70 กว่าล้านคน   ที่มีความสามารถจะซื้อปืนได้ก็มีหลายล้านคน

แต่คนที่หาข้อมูลก่อนจะซื้อปืน และได้ข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆ  มีแค่ไม่กี่ร้อยคนครับ

สาธุ..................................เอ๋ยยยยไม่ใช้...เห็นด้วยครับพี่ :D~ :~)

"อีกไม่นาน"

ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน  ???  ::)

ช่วงนี้ถ้ามีจังหวะก็ขอมองปืนมือสองก่อนละครับ   เอาความแน่นอนไว้ก่อน... ;D  ;)

ผมว่าปลายปีนี้คงจะถูกลงยาก แต่ถ้ากลางปีหน้าหรือปลายปีหน้า น่าจะเป็นไปได้ เพราะเศรษฐกิจแย่ คนไม่มีตังค์ซื้อปืน ราคาก็ลงมาเองตามหลักอุปสงค์อุปทาน ไม่ทราบจะฟังดูดีไม๊นะครับ  :)

ถ้าปืนโครงการสวัสดิการต่าง ๆ ไม่มีปัญหา + คนที่ต้องการมีปืนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มีปืนครบทุกคน คิดว่าคงจะเข้าสู่ภาวะปกติแน่นอน  8)


ช่วยกันซื้อปืนร้านที่มีคุณธรรมกันต่อไปนะครับ ส่วนร้านที่ใจร้ายก็ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้บุคคลอื่นได้ทราบถึงความร้ายกาจของเค้า หลังจากนั้นก็ถึงเวลาเช็คบิล  ;)

เชื่อไว้ก่อนครับว่ามันจะถูกลง

                 สาธู  สาธุ  ของให้ถูกลงจริง ๆ ที่เถอะ   ถ้าอยากให้ถูกจริง ก็ต้องให้ผลิตเองซิครับ  อย่างนี้ถูกลงอย่างเห็น ๆ แน่ ๆ

อยากให้ปืนถูกลงเหมือนกันครับ

      จะตั้งหน้าตั้งตารอวันนั้นที่จะมาถึง  ว่าแต่ว่าราคาถูกลงแล้วขออนุญาตซื้อแต่ละกระบอกต้องรอครึ่งปีเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ  ผมขอไว้ใบหนึ่งตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม  จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน  รู้แต่ว่า  "คุณ.........กรุณารอสักนิดนะครับ"  ว่างผมว่าจะไปถามผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยอยู่ครับว่าคำว่า  "คุณ.........กรุณารอสักนิดนะครับ"    มีระยะเวลานับเป็นวันได้กี่วันครับ
                 

 ;D สวัสดี ครับ
 ผมเห็นด้วยครับ กับ คุณ natjoe ครับ ::)
 โดย เฉพาะ ประชาชน ทาง ภาคใต้  ยังไม่มี
 ความปลอดภัยในชีวิต และความสงบ ทุกคน จึง
 อยาก ปกป้องป้องกัน ภัยให้แก่ ตัวเอง และครอบครัวครับ
 เขาคงไม่รอให้ รัฐ คุ้มครอง ตลอดไปหรอก ต้องช่วยตัวเอง
 และครอบครัวก่อนครับ :-X
 ทำให้โอกาสทอง  :-* สำหรับร้านปืน ฉกฉวย โอกาส  :P
 กอบโกย ผลประโยชน์ บน ความเดือดร้อนลำเค็ญ ???
 ของผองเพื่อน และมวลมนุษย์ ร่วมชาติร่วมแผ่น ดิน ด้วยกันอีก
 ??? :-X เวรกรรมจริงๆๆ :-X :-\ :OO

อีกไม่นานหรอกครับ...เพราะ...ประเทศไทยจะไม่มีคนยากจน....เมื่อทุกคนไม่ยากจน..ก้อจะไม่มีผู้ร้าย...เมื่อไม่มีโจรผู้ร้าย ประชาชนธรรมดา ก็จะไม่จำเป็นต้องมีอาวุะปืนเพื่อป้องกันตัวอีกต่อไป.......คงจะเหลือแค่ใช้เพื่อการกีฬาเพียงอย่างเดียว...เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เข้าตามหลัก Demand & Supply เป๊ะ ความสมดุลย์ในด้าน Demand & Supply ก้อจะเกิดขึ้น  ;D ;D ;D ราคาปืนก้อจะถูกลง :~) :~) :~)

...ประเด็นคือ ปืนใหม่ตามโควต้าเข้า + ปืนสวัสดิการหลายโครงการ เปรียบเทียบกับ ความต้องการปืนที่ยังไม่มีแนวโน้มจะลดลง ผมว่าไม่น่าจะถูกลงเพราะความต้องการปืนในภาคใต้จะยังคงมีมากต่อไปอีก  :(

...............สำหรับร้านปืนที่ราคาดีๆไม่แพงจนเกินไป  :)ขายแบบเอากำไรพอสมควรราคาอาจจะถูกลงถ้าสถานการณ์เป็นไปอย่างกระทู้ที่คัดลอกมา :)...............แต่สำหรับร้านปืนที่ขายราคาบวกกำไรมากๆ จนผิดปกติ ผมว่าถ้าลองได้ขึ้นราคาไปแล้วคงลงยากครับ ถึงราคาปืนในท้องตลาดจะขึ้นจะลงยังไง ถ้าเค้าขายแพง เค้าก็คงขายแพงต่อไป :~) :~) :~)

ผมคิดว่ายังไม่ถูกลงภายในปีนี้ เพราะยังมีประชาชนอีกมากที่จำเป็นต้องซื้อปืน

ปืนจะแพงแค่ไหนก็ยังไม่แพงกว่าชีวิตของประชาชนครับ

ตราบใดที่ตั้งราคาเท่าไหร่ก็ขายได้ ขายหมดขนาดต้องเข้าคิวจอง ราคาคงลดยากครับ  :~) :~)

ต้องช่วยกันเลิกซื้อ ซึ่งก็คงยาก  :~) :~)    เฮ้อ.......คงต้องทำใจครับ(ซึ่งก็ยากอีกนั่นแหละ)   :~) :~)

เมื่อไหร่จะยกเลิกโควต้าแล้วให้นำเข้าเสรีซะทีนะ (อันนี้น่าจะยากที่สุด  ;D) เห็นใจคนที่จำเป็นต้องใช้แต่ไม่มีกำลังซื้อครับ  :'( :'(

          เป็นคำตอบของคุณ นที ร้านปืนประโยชน์ เขาตอบไว้
               ผมว่าน่าคิดเหมือนกัน ถ้าโครงการต่างๆผ่าน          แต่หลายคนที่จองปืนในโครงการ
               ที่ผมรู้จัก ถามว่าจะซื้อปืนมาทำอะไร ก้ตอบว่าไว้ที่บ้าน ไว้เผ้าบ้าน
               นัยว่าซื้อมาเก็บเท่านั้น เพราะเห็นว่าราคาถูก  ไม่มีเจตนาหรือความจำเป็นที่ต้องใช้ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
                แล้วนโยบายของรัฐ เกี่ยวกับการออก ป.3 ก็ทำให้ชะลอการซื้อปืนอยู่แล้ว
               แต่ถ้าปืนถูกลงจริงๆ ก็...ซื้ออีกแน่นอนครับ ;D

อิ อิ หวังว่า "คิมเบอร์" ร้านคุณนทีจะถูกลงนะคร้าบ ผมจะได้เดือดร้อนเป็นสาวก 1911 มั่ง

ก็ขอภาวนาให้ปืน(มีทะเบียนถูกต้อง)ถูกลงมาจนผมซื้อได้สักที ความฝันที่วาดไว้ตั้งแต่วัยเด็กยันสิบสามกว่า(แล้ว) จะได้สมหวังสักที ส่วนตัวมิได้คนอยากได้อยากมีอะไร แต่สิ่งที่อยากได้เป็นพิเศษดันแพง แถมขอยากอีกตังหาก เฮ้อออออออออ ขอให้สมหวังเถิด.......อาเมน

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

เชื่อว่าจะถูกลง แต่คงไม่ใช่ราคาเดิม มีความหวังเล็กๆ อยากให้ราคาลงมาช่วงปลายปี หรือต้นปี หน้า โบนัสออกพอดี  :D~

                ราคาปืนจะถูกลง....ดูจากโอกาสความน่าจะเป็นคงยากครับ... :~)

                ดูจากค่าครองชีพที่กำลังจะพุ่งขึ้นอย่างเดียว...จากต่อไปนี้

          ยิ่งปืนเป็นสินค้าที่ภาครัฐไม่ชอบให้ประชาชนถือครองด้วย(เดี๋ยวกดขี่ไม่ถนัด)

          ราคาปืนไม่ถูกลงไม่เท่าไรครับ....ขอแค่นายทะเบียนคุยกันสะดวก...ขอกันง่ายๆดีกว่าครับ

ผมก็อยากให้ถูกลงครับ แต่สงสารอาบัง กัวแกจะรายได้ลด ฮือๆ :~) :~)

 ;D ;Dผมว่ายังไงก็ไม่ถูกลงแล้วครับ :~) :~) :~)

ราคาปืนคงไม่ลดลง ครับ แต่ อาจจะ ตรึง ทรงตัวอยู่  จนดูเหมือนถูกลง เมื่อเที่ยบกับสินค้าอื่น ที่มีแต่เพิ่มขึ้นๆ

 :VOV:
ครับ
ผมคิดว่าจะไปขอป.3 เดือนตุลาคม 2549 ครับ
ตอนนั้นปืนคงจะลงมาสู่ราคาปกติแล้วครับ
ปืนตัวต่อไปที่มองอยู่คือ CZ ครับ
 :VOV:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ดูข่าวตอนเที่ยง อาหารจานเดียวกำลังจะปรับราคาจาก 25 เป็น 30 แล้วครับ เทียบกันไม่ได้กับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิด

ผมว่าฝันแน่ๆเลยที่ว่าปืนจะถูกลง    ตั้งแต่จำได้เมื่อก่อนปืนยาว CZ ตอนผมซื้อปืนใหม่กระบอกละ  7200 บาท   รวมค่าขอและทะเบียนซึ่งตอนนั้นก็จัดว่าแพงแล้วซื้อตอนของขาดตลาดครับ     ดูเดี่ยวนี้ชิปัจจุบัน       ปืนยาว CZ กระละเท่าไรไปแล้ว   20000  ได้แล้วมั้ง    แล้วอย่างนี้คุณยังคิดว่าปืนจะถูกอยู่อีกรึ...    ผมว่ามันน่าจะเป็นฝันตอนตื่นนะครับ

ผมขอแค่อย่าให้ปืน ถูก(เก็บ)ลง(ลิ้นชัก)ก็พอแล้ว :D

20 ปีที่แล้ว ก็จำได้ 7 พันกว่า  ;D ;D ;D ;D เวลาผ่านไปเร็วจัง

ช่วงกลับไปเมืองไทยเดือนที่แล้ว มีร้านก๊วยเตี๋ยวเป็ดปากซอยอร่อมมากอยู่ร้านหนึ่ง ไปนั่งกินอยู่4-5วัน
ก่อนกลับเห็นแขวนป้ายในร้านว่า วันที่หนึ่งจะปรับราคาจาก25 เป็น30บาท เริ่มวันที่1 ถ้าไม่ปรับคนขายก็คงอยู่ยากครับ ทุกอย่างเริ่มแพงขึ้น
ราคาปืนที่ร้านใกล้บ้าน ก็ไม่ถูกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว  ของในร้านก็มีน้อย ของลดราคาก็ไม่ค่อยมี ซึ่งต่างกับช่วง2-3เดือนก่อนเป็นอย่างมาก
คิดว่าปืนคงไม่ถูกกว่าเก่าแน่นอน

ปืนแพงก็เพราะรัฐบาลบีบจำนวนและควบคุมการนำเข้า     เมื่อถูกควบคุมจำนวนนำเข้ามากๆเข้าร้านค้าก็ต้องขายแพงเพราะของมีน้อย+บางร้านก็ฉวยโอกาศขึ้นราคาอีกตามอำเภอใจ    เรื่องของเรื่องก็คือรัฐบาลไม่อยากให้ประชาชนคนไทยมีอาวุธปืนไว้ใช้ป้องกันตัวเองให้รอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น     ปืนมันก็เลยแพงอย่างที่รู้อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้     เมื่อปืนแพงประชาชนคนธรรมดาก็จะได้ไม่มีเงินซื้อไงครับเป็นการลดและควบคุมจำนวนอาวุธปืนไม่ให้มากเกินไปในตัว :<><> :<><> :<><>

สภาพตามความเป็นจริงแล้วรัฐบาลบีบจำนวนและควบคุมการนำเข้าเฉพาะที่นำมาขายให้ประชาชนทั่วไป แต่ไม่ค่อยควบคุมการนำเข้าสำหรับขายให้ข้าราชการและพนักงานรัฐฯ  สังเกุตจากมีโครงการปืนต่างๆที่เปิดจองกันมากในราคาที่น่าอิจฉา

นายสมชายว่าราคาคงไม่ลงมาง่ายๆหรอกครับ...

ราคาปืนขึ้นแล้วไม่เคยลงมาตลอดร่วมสามสิบสี่สิบปีมาแล้วนะครับ...

หากวิเคราะห์จากกำลังซื้อ... ประชากรในประเทศไทยมีตั้งเกือบ 70 ล้านคนครับ... คนรวยยิ่งแตกต่างจากคนจนมากขึ้น... ในหมู่ประชากรคนรวยที่มีน้อย กลับมีจำนวนสุทธิเพิ่มขึ้น ถึงแม้สัดส่วนเทียบกับประชากรทั้งประเทศจะน้อยลง... คนกลุ่มนี้เป็นตลาดเป้าหมายของร้านค้าอาวุธปืนไงครับ...

ที่นายสมชายพูดถึงเนี่ย... เป็นผลจากระบบทุนนิยมครับ ทุกประเทศเป็นแบบนี้ทั้งสิ้น ดูตัวอย่างจากอเมริกันนั่นแหละ... ตอนนี้ก็รอวันลูกโป่งแตก(ประเทศไทยจะอีกรอบด้วยหรือเปล่าหว่า...)

เอาที่ใกล้ๆตัวไงครับ... สมัยก่อนคนไทยเงินเดือนแสน แทบไม่ค่อยมี หรือเจอใครบอกว่าตัวเองเงินเดือนแสน... นี่ได้ยิน จะหาว่าโม้ครับ...

แต่เดี๋ยวเนี๊ย... ลองดูประกาศรับสมัครงานซิครับ ตำแหน่ง Manager ที่ไม่ใช่อยู่ในข่ายสายอาชีพหายาก ส่วนใหญ่เงินเดือนแสนขึ้น หรือพวก Manager ระดับกลางๆ ประสบการณ์ 5 - 6 ปี อายุคนสมัครไม่เกิน 35 ปี... ได้เงินเดือนห้าหลักแก่ๆ เดี๋ยวนี้หาไม่ยากนะครับ...

แล้วเทียบกับราคาปืนซิครับ ราคายังไม่เกินเงินเดือนเดือนเดียวเลย... ราคาพอๆ กับซื้อ Note Book หนึ่งเครื่องเอง...

คนกลุ่มที่ว่าเนี่ยครับ กลุ่มเป้าหมายของร้านค้าปืน... ว่าแมะ

คอยดูนะครับ... วงการบริหารบุคคลข้าราชการฯ จะต้องมาแก้ปัญหาสมองไหลฯ หากยังไม่ปรับเงินเดือนฯ... ว่าแมะ

พ่อผมอวดว่าไม่เคยซื้อปืนเกินกระบอกละ 10,000 ครับ กระบอกสุดท้ายที่ซื้อ ลูกซองปั้ม อิธาก้า37 ปี 2527 ราคา 4,800 บาท

ท่านสมชาย(ฮา) วิเคราะห์ได้จริง ๆ ครับ........ เห็นด้วยครับ

ผมคิดว่าหายากมากๆเลยพี่เพราะผมหานานแล้วยังไม่ได้ซะที สงสัยว่าคุณภาพไม่ถึงเลยต้องเป็นพนักงานเงินเดือนน้อยไปก่อน แย่จัง  :(

ได้อ่านเจอเหมือนกัน.. ยังนึกว่าฝันไปรึป่าว  แต่ยังไงก็แล้วแต่ ยึดกับความจริงวันนี้ตอนนี้ดีกว่า  ปืนแพง..แต่ก็ยังมีคนแสวงหาและต้องการอยู่..  ก็ยังคงยอมจ่ายแพงเพื่อให้ได้ปืนมาอยู่แล้ว...

Demand จะหดลงบ้าง ก็เมื่อไม่มีคนอยู่ภาคใต้แล้ว หรือไม่ก็ ไม่เหลือให้อยู่แล้ว

  ค่าครองชีพสูง ผมว่าทุกๆคนก็พยายามปรับตัวได้  แต่พูดตรงๆครับ  ในช่วงฤดูการแจกซอง ( กฐิน , ผ้าป่า ) นี่สิครับน่าเป็นห่วง ( ลูกน้องผม )แจกกันวินาศสันตโร  บางครั้งโดน13 ซอง ( เดือนเดียวนะ ) แถมคนแจกซองบางคนแยกซองแจกอีก ( ซองนี้แจกคุณผัว - ซองนี้แจกคุณเมีย ..แต่งานเดียวกัน )

....บางคนมาบ่นว่า...พี่...หนูทำ OT. ไว้ใส่ซองแท้ๆ.........

เอ.........เรื่องเดียวกันอะป่าวเนี่ย.............................. 

เงินเดือนแสนไม่แปลก แล้วก็หาไม่ยากด้วยเจ้าค่ะ รุ่นน้องข้าน้อย start หลังจากเรียนจบปั๊บก็ 30K เรทนี้ไม่ได้ขอ แต่เป็นฐานเงินเดือนของบริษัทเลย ขึ้นอยู่กับองค์กรด้วยเจ้าค่ะ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

กำลังจะไป Search ใน JobsDB... พอดีหนูโบว์เอามา Post ก่อนครับ... เย้

พอดีหนูโบว์ เอางานพวก IT มา... กลุ่มนี้เป็นพวกวิชาชีพขาดแคลน อาจมีคนเถียงในใจได้ครับ...

นายสมชายเอากลุ่ม HR/Admin มาให้ดูมั่ง... กลุ่มนี้คือพวกจบปริญญาอะไรก็ได้นะครับ... มักเป็นพวกบริหารงนทั่วไป หรือรัฐศาสตร์เสียด้วย รับรองว่าเงินเดือนเกินห้าหมื่นทุกรายการ...

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ไม่ขาดแคลนหรอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยกับเพื่อนๆ ก็หางานยากเหมือนกัน :~)

ขึ้นแล้วคงลงยากครับ

เห็นเรทเงินเดือนที่คุณโบว์โพสท์มาแล้วช็อคปนอิจฉา  ;D


เดี๋ยวผมจะยื่นใบสมัครไปบ้าง เผื่อฟลุ๊ก  :)


งั้นเราก็อยู่กลุ่มเดียวกันเลยครับ รู้สึกดีไม๊ครับ  :)

จะรู้สึกดีได้ไงเจ้าคะ :~)

เฮ้อ มีตำแหน่งแต่มีคนสมัครกี่เท่าครับ? :P

สมัครแยะแน่ๆครับ... เงินเดือนแยะนี่นา... แต่อย่างไรก็ตาม เทียบสัดส่วนก็ยังน้อยกว่างานราชการครับ เงินเดือนน้อยกว่า แต่งานมั่นคง...

งานเอกชนเนี่ย... เงินเดือนแพงๆ มักอยู่ได้ประมาณหนึ่งปีครับ... แล้วก็มักตกงานออกมาหางานใหม่ ชีวิตตื่นเต้นดี จนกระทั่งเก็บเงินได้พอ... ก็มีกิจการเป็นของตนเองไงครับ...

โอ้ ผมไม่ไหวครับ ท่าทางชีวิต Hyper ไปหน่อย

ในกลุ่มนี้ บอกได้เลยครับ หากอยากได้เงินเดือนแสนในเวลาหนึ่งปีนับจากนี้...

1) ไปสอบ Toelf ให้ได้คะแนนแยะๆ... ยกเว้นพวกจบปริญญาจากนอก

2) ไปสอบ MCP ให้ได้ซักหนึ่งตัว... แล้วค่อยเลือกแนวทางของตัวเองว่าจะเป็นพวก Developer ได้แก่ Aplication Developer ... หรือเป็นพวก Hardware ได้แก่ System Engineer... หรือเป็นพวก Security...

หรือท่านไหนอายุแยะแล้ว... ไม่อยากนั่งทำงานเอง... ก็ออกไปแนว MCT (Microsoft Certified Trainner)
ที่ยกมาข้างบนทั้งสิ้น รายได้เกินแสนบาทต่อเดือนแน่ๆ ครับ... แนวทางนี้ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรีคอมพิวเตอร์เสียด้วย...


วกกลับมาที่ราคาปืน... เงินเดือนแสนบาทขึ้น อายุไม่เกิน 35 ปี... ซื้อปืนกระบอกละไม่ถึงเงินเดือน เดือนเดียวเอง...
เห็นแมะ... ราคาปืนจะอยู่ที่เท่าไหร่ครับ...

ลองมองง่ายๆ หน้าหนุ่มๆ สาวๆ ขับโตโยต้า Altis หรือ Hoda Cvic ซิครับ... เงินเดือนไม่ต่ำกว่าห้าหลักแก่แหงๆ...

อ้าว..1ปีก็พอดีหมดระยะเวลาลองงาน ไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานแน่ๆเลย
 ;D ;D ;D
ทำไมเดี๋ยวนี้เค้าต้องการแต่คนใหม่ๆ หมุนเวียนเข้ามา แบบพวกมือปืนรับจ้าง
ไม่เหมือนคนยุคเก่า ชอบแบบลูกหม้อ อยู่นานๆ

นอกจากที่คุณ นายสมชาย(ฮา) บอกแล้ว ก็ต้องพูดอังกฤษคล่องๆ present ตัวเองเก่งๆ ซึ่งข้าน้อยยังทำไม่ได้อะ :~)

แปลกแต่จริง เดี๋ยวนี้หลายบริษัทซื้อตัวคนใหม่เข้ามา เงินเดือนสูงกว่าคนเก่าสองเท่า แต่ทำอะไรไม่เป็นเลย ::) ส่วนคนเก่าน้อยใจ ก็ออกไปหางานใหม่ เรียกเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งก็หางานยาก เพราะนายจ้างใหม่จะมองว่าทำไมเรียกมากกว่าฐานที่เก่าเหลือเกิน ฉะนั้นแต่ละคนก็พยายามเรียกเงินเดือนให้ได้สูงๆ อยู่ได้ปีสองปี ก็ต้องออกเพราะมีคนเข้ามาใหม่ วนเป็นงูกินหางไปเรื่อยๆ เงินเดือนมันก็เลยถึงหลักแสนไว พอถึงจุดนี้ นายจ้างไม่รู้จะเอาอะไรมาคัดกรอง ก็เอา certificate มากรองบ้าง Toelf บ้าง จบนอกบ้าง ว่ากันไปเจ้าค่ะ

เขาขี้เกียจขึ้นเงินเดือนให้ รับคนใหม่มาแทนดีกว่า เขาคัดเลือกมากไม่ต้องอลงงานอะไรนัก ระดับนี้ต้องเชี่ยวอยู่แล้วถึงเข้าไปทำได้ครับ การที่เขารับเข้ามคือคิดแล้วว่าคนนั้นต้องทำเงินเข้าบริษัทได้มากๆๆๆๆ กว่าเงินเดือน

ฝ่ายเจ้าตัวเองก็จ้องหางานใหม่เรื่อยไป ผมว่าเป็นฝ่ายดิ้นรนไปอยู่ที่อื่นมากกว่า

ไม่รู้จริงแค่ไหน ฟังเขาพูดกันครับ ผมไม่เคยทำงานเอกชน...... :<><>

ปล. รู้สึกว่าเอกชนหลายที่จะวุ่นวายหยุมหยิมกว่าราชการเสียอีก เช่น ต้องใส่เชิ้ตขาวทุกวัน/เกือบทุกวัน

ลางไม่ดีอีกแล้วครับ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้น ยุคฟองสบู่ ฟูฟ่อง ผลสุดท้ายกลายเป็นการผลาญบริษัทตัวเอง   ทำงานได้ไม่ถึงสองปีก็ไปแล้ว  โปรดักทิวิตี้ ก็ไม่มี  แต่องค์การต่างๆชอบทำแบบนี้ ต้องหาคนแบบนี้ไว้เชิดชู องค์การ จบสูง มีหน้ามีตา แต่ไม่ทำอะไรที่เกิดประโยชน์ นอกจากหาเรื่องใช้เงิน  คล้ายๆกะอาเสี่ย ทุ่มพวงมาลัยหานักร้องสวยๆมานั้งเคียงคู่ครับ  วันๆก็มีแต่การเมืองภายใน กลุ่มเก่า-ใหม่ เลื้อยขากัน วางยากัน

พอถึงจุดวิกฤติที่ต้องรัดเข็มขัดตัวเอง นายจ้างก็เพิ่งตาสว่าง  มองเห็นว่ารักแท้คือเมียเรา ไม่ใช้อีหนูนอกบ้าน

เป็นสิ่งบอกเหตุถิ่งสังคมที่ใช้ทรัพยากรณ์อย่างฟุ้งเฟื้อ  เอาเงินออมในวันข้างหน้ามาใช้ในปัจจุบัน  รัฐบาลเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิ่งเหล่านี้   อีกไม่นานหรอกครับ จะเห็นภาพฟองสบู่ แตกอีกรอบ

ที่ว่ามานี้ยกเว้นบุคคล ทีมีความสามารถจริงๆนะครับ 

แต่ตัวเร่งปฏิกิริยา ของเหตุการณ์ฟองสบู่ไม่เหมือนกันครับ
เวลาผ่านไป .. หลายปี ฟองสบู่มาแตกอีกที ก็ต้องรอดูว่า รัฐวิสาหกิจที่ถูกชำแหละ เอ๊ย..แปรรูปไป.... จะส่งผลสะท้อนกลับทางเศรษฐกิจอย่างไร

ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์มาจากแม่เจ้าประคุณโอเอามาให้อ่าน

หนึ่งในเรื่องที่นิยมใช้ในการสอนที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่
เรื่องของการเกิดปัญหาที่ว่าสบู่ที่ลูกค้าซื้อไม่มีสบู่มาด้วย
คือได้แต่กล่องเปล่าๆ มา

เรื่องนี้มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตเครื่องสำอางของญี่ปุ่น
ได้รับการร้องเรียนจากทางลูกค้าถึงปัญหาดังกล่าว
ทางด้านวิศวกรที่รับผิดชอบได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray
เพื่อการตรวจดูว่าภายในของกล่องสบู่มีสบู่หรือไม่
และเพื่อการนี้ก็ได้ให้คน 2 คนคอยเฝ้าที่จอเพื่อดูให้แน่ใจได้ว่า
ไม่มีการหลุดของกล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่ไป
แน่นอนว่าคน 2 คนที่ดูจอมอนิเตอร์คงไม่สนุกในการทำงานนี้เท่าไหร่

*** ด้วยปัญหาเดียวกัน พนักงานหน้างานที่บริษัทเล็กแห่งหนึ่ง
เขาไม่ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray แต่สิ่งที่เขาทำได้แก่
การไปซื้อพัดลมที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม แล้วนำมาเป่าที่รางสายพาน
ขณะที่กล่องสบู่วิ่งผ่านกล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่
เมื่อถูกลมก็จะปลิวออกนอกสายพานลำเลียงเอง ***


2.เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่พอสร้างให้เกิดแนวคิดบางอย่างในการทำงานและการแก้ไขปัญหา
ได้

good gut :)

จบ Business ครับไม่ใช่ IT อยากจะมีตังค์ซื้อปืนเยอะๆกับเค้าบ้าง  :) แต่รู้สึกเหมือนคุณโทน73 ว่าคล้ายๆช่วงก่อนฟองสบู่เลยครับที่เงินเดือนโดนดันขึ้นไปสูงมากๆ โดยที่ productivity ไม่ได้สูงตาม สุดท้ายก็ย้อนกลับมาทำลายองค์กรเอง โดยที่คนรับภาระก็ไม่ใช่กลุ่มที่เคยได้ประโยชน์จากตรงนี้  :(