เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 04:38:23 PM



หัวข้อ: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 04:38:23 PM
 ::014:: หลวงปู่โต๊ะ(พระราชสังวราภิมณฑ์) อินฺทสุวณฺโณ

(http://img231.imageshack.us/img231/4773/87552965ey0.jpg)

เกิด          : วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2430  ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน
                  บ้านรหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2ต.ละหาร (ปัจจุบันเป็น หมู่ 1 ต.หนองบัว) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ชื่อบิดา     : นายลอย  รัตนดอน
ชื่อมารดา  : นางทับ  รัตนดอน
บรรพชา    : เมื่ออายุ 17 ปี พ.ศ.2447  ณ วัดประดู่ฉิมพลี
อุปสมบท   : อายุ 20 ปี ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม 2450 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม
มรณภาพ   : วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2524
รวมสิริอายุ : 93 ปี 10 เดือน 22 วัน

- พระเดชพระคุณ เจ้าคุณพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ มหาเถระ) ท่านเป็นชาวบ้านในคลองบางน้อย ต.บางพรหม อ.บางคณฑี จ.สมุทรสงคราม

- เมื่อท่านอายุได้ ๑๓ ขวบ บิดามารดาของท่านก็ได้ถึงแก่กรรม พระภิกษุแก้ว วัดเกาะแก้ว ซึ่งเป็นญาติกันก็ได้นำท่านมาฝากเรียนหนังสือกับพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดูฉิมพลีในเวลานั้น

- เมื่อท่านอายุได้ ๑๗ ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ท่านบรรพชาได้เพียงคืนเดียวพระอธิการก็ได้มรณภาพ นาย คล้าย และ นางพันธ์ ผู้เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ของพระอธิการสุข ได้รับหน้าที่อุปการะสามเณรโต๊ะ จนกระทั่งได้ทำการอุปสมบท เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ณ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๐ เวลา ๑๕.๓๐ น. โดยมี หลวงพ่อแสง วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อผ่อง วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงพ่อเชย วัดกำแพงเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาตามพระพุทธศาสนาว่า “อินทสุวณโณ”

(http://img231.imageshack.us/img231/8349/76608887ys5.jpg)

- เมื่อท่านอุปสมบทแล้วนาย คล้ายและนางพันธ์ ได้ถวายตัวเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่ตลอดมา

- เมื่อตอนที่พระอธิการสุขได้มรณภาพลง พระอธิการคำ ซึ่งเป็นบุตรของนาย คล้ายและนางพันธ์ ก็ได้รับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี สืบต่อพระอธิการสุข

- ครั้นต่อมา พระอธิการคำได้ลาสิกขา หลวงปู่โต๊ะ จึงรับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี สืบต่อมาเมื่อท่านอายุได้ ๒๖ ปี จนถึงวันมรณภาพของท่าน เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๒๔ เวลา ๙.๕๕ น. สิริชนมายุ ๙๔ ปี รวมเวลาในการครองตำแหน่งเจ้าอาวาสจนท่านมรณภาพนี้ถึง ๖๘ ปี

- ปัจจุบัน ท่านพระครูวิโรจน์ กิตติคุณ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา

- ตำแหน่งในทางคณะสงฆ์
หลวงปู่ท่านบริหารงานวัดด้วยความเที่ยงธรรมสม่ำเสมอประกอบด้วย เมตตาธรรมอนุเคราะห์ให้ได้รับความร่มเย็นทั่วหน้าทางคณะสงฆ์จึงได้พร้อมใจ ถวายสมณะศักดิ์ให้แก่ท่านเป็นลำดับ ดังนี้

- พ.ศ. 2455     เป็นเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี
เป็นพระใบฏีกาฐานานุกรมของพระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนฯ 

- พ.ศ. 2457     เป็นพระครูสังฆวิชิต ฐานานุกรมของ สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) วัดมหาธาตุ

- พ.ศ. 2463     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครูวิริยกิตติ

- พ.ศ. 2497     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทในราชทินนามเดิม

- พ.ศ. 2499     เป็นเจ้าคณะตำบลวัดท่าพระ

- พ.ศ. 2506     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามเดิม

- พ.ศ. 2511     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษในราชทินนามเดิม

- พ.ศ. 2516    เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระสังวรวิมลเถร"

- พ.ศ. 2521     เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชสังวราภิมณฑ์"

(http://img231.imageshack.us/img231/3168/98451412mk0.jpg)

- หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาต่อพระภิกษุสามเณรที่ท่านปกครอง รวมทั้งชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงวัดและบุคคลอื่น ๆ โดยทั่วไป

- ท่านได้บำเพ็ญตนอยู่ในสมณะเพศด้วยความอุตสาหะ พากเพียร ในกิจวัตรของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดตลอดมา จึงเป็นที่รัก และเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นที่เชื่อถือของทุก ๆ คนที่รู้จักท่าน

- ในระหว่างที่หลวงปู่ได้บวชอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีนั้น หลวงปู่ได้ศึกษาเพิ่มเติมที่วัดโพธิ์ท่าเตียน จนกระทั่งทางวัดประดู่ฉิมพลี ได้มาอาราธนาท่านเป็นเจ้าอาวาส โดยทางวัดได้จัดพิธีแห่อย่างใหญ่โตมโหฬารด้วย

- หลวงปู่โต๊ะท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางปริยัติธรรม และ ทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็กวัด มีพระอาจารย์เก่งกล้าสามารถที่ไหนท่านก็จะขอเรียนวิชาด้วยเสมอ

- ท่านได้เรียนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐาน กับพระอาจารย์พรหม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีนั่นเอง

- เมื่อพระอาจารย์พรหมได้มรณภาพ หลวงปู่โต๊ะก็ได้ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมต่อจาก พระอาจารย์รุ่ง วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร ซึ่งหลวงปู่โต๊ะท่านมีความชื่นชม และเคารพนับถือในความเก่งกล้าสามารถของหลวงพ่อรุ่ง เป็นอย่างยิ่ง

- นอกจากนี้ หลวงปู่โต๊ะ ยังได้ไปเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ก่อนหน้าที่หลวงพ่อเนียมจะมรณภาพในอีก ๒ - ๓ ปีต่อมา จึงนับได้ว่า หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคม เวทมนต์คาถา แก่กล้ามากผู้หนึ่ง ซึ่งความเชี่ยวชาญในหลายสาขา ก็ว่าได้

- เมื่อครั้งที่หลวงปู่โต๊ะ เริ่มได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหม่ๆ นั้น ท่านได้เล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า เวลาที่ท่านจับสายสิญจน์ในพิธี ท่านจะรู้ได้ทันทีว่า ในพิธีนั้น มีพระอาจารย์องค์ไหนเก่ง หลังจากนั้นหลวงปู่โต๊ะก็จะติดตามไปขอเรียนวิชา และศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์องค์นั้น

- ในช่วงที่หลวงปู่อายุไม่ถึง ๘๐ ปี นั้น ท่านเป็นพระที่ค่อนข้างจะเข้าหาพบลำบากมาก เนื่องจากหลวงปู่ไม่ชอบความอึกทึกครึกโครม เพราะหลวงปู่เป็นพระฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่เรียกว่า "พระป่า" ท่านจึงชอบที่จะเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆภายในกุฏิ

- ผู้คนเริ่มรู้จักหลวงปู่โต๊ะจริงๆ ตอนที่ท่านมีอายุ ๗๗ - ๗๘ ปี ในช่วงนั้นท่านได้รับกิจนิมนต์ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกบ่อยมาก เวลาที่ท่านไปถึงในงานพิธีฯท่านจะตรงเข้าไปกราบพระประธานก่อนเสมอ แล้วท่านจะขึ้นนั่งปรกทันที เมื่อช่วงพัก หลวงปู่มักจะถามว่า “มีพระเปลี่ยนฉันหรือเปล่าจ๊ะ” ถ้าญาติโยมตอบว่า “นิมนต์หลวงปู่ตามสบาย” หลวงปู่ก็จะขึ้นนั่งปรกต่อ และจะนั่งต่อไปจนเสร็จพิธี ท่านจะปฏิบัติเช่นนี้ต่อเนื่องกันเสมอมาทุกพิธี จนเป็นที่รู้กันในบรรดาพระคณาจารย์และถวายเกียรติให้หลวงปู่เป็นประธานในพิธีนั่งปรกบริกรรมเสมอ เวลาท่านนั่งปรกแต่ละพิธี จะใช้เวลา ๓ ถึง ๔ ชั่วโมง บางทีไปนั่ง ๓ ถึง ๔ วัดในวันเดียวกันก็มี พอเข้าพิธีก็จะนั่งหลับตานิ่งไม่ขยับเขยื้อน หรือเปลี่ยนอิริยาบถใดๆ ทั้งสิ้น ท่านจะนั่งตัวตรง หลังไม่ติดพนักธรรมาสน์ เดินลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ

- ประวัติการสร้างพระเครื่องของพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ)
เกี่ยวกับประวัติในการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะนั้น พระเครื่องชุดแรกสุดของท่าน จะมีทั้งหมด ๑๓ พิมพ์ด้วยกัน เช่น พระสมเด็จสามชั้น พิมพ์ขาโต๊ะ, พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้น และ พระสมเด็จสามชั้นพิมพ์หูบายศรี เป็นต้น

- พระเครื่องทั้ง ๑๓ พิมพ์นี้ หลวงปู่โต๊ะได้ลงมือสร้างด้วยความตั่งใจ และปรารถนาจะให้ขลังเป็นพิเศษ โดยพยายามเสาะหาวัตถุดันเป็นมงคลและอาถรรพ์เวทย์ต่างๆ ที่มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์มาทำ และกดพิมพ์ด้วยมือของท่านเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะหลวงปู่ได้ผู้ช่วยทำงานซึ่งเป็นอาสาสมัคร อันประกอบด้วยพระเณร และฆราวาสมาจากวัดพลับ บางกอกใหญ่ คอยแนะนำส่วนผสมและวิธีการสร้างพระเครื่องต่างๆ

- ผงพุทธคุณที่หลวงปู่ได้เสาะหามาผสมในการสร้างพระเครื่องชุดแรกนี้ มีผงวิเศษที่จัดเป็นแม่เชื้อของผงทั้งหมดโดยในยุคที่หลวงปู่ออกธุดงค์บ่อยๆ นั้น หลวงปู่ได้เคยไปธุดงค์ด้วยกันกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และหลวงพ่ออีกองค์หนึ่งซึ่งจำชื่อและความเป็นมาไม่ชัดเจน

- เมื่อท่านได้กลับมาที่วัดประดู่ฉิมพลีแล้ว ท่านทั้งสามก็ได้ทบทวนวิชาที่ได้เล่าเรียนกันมา ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาคล้ายกัน ต่างจึงตกลงที่จะเขียนสูตรผงนั้น โดยใช้ดินสอพองมาละลายน้ำมนต์แล้วปั้นเป็นแท่งเหมือนกับชอล์ก แล้วเอาใบตำลึงมาตำ คั้นน้ำมาทาแท่งดินสอพองเวลาจับจะได้ไม่ติดมือ จากนั้นก็จะลงมือเขียนตามอักขระเลขยันต์ จากปถมัง ตรีสิงเห อิทธิเจ และมหาราช ว่าไปจนครบสูตร จะเว้นไม่ได้ หากขาดไปวันหนึ่งก็ต้องเอาผงที่เขียนไว้แล้วมารวมกัน แล้วเขียนขึ้นมาใหม่ทำทุกวันต่อเนื่องกันไปจนครบสูตร

- เมื่อเขียนเสร็จได้เท่าไร ต่างองค์ต่างก็จะแบ่งขึ้นมาเป็นสามกอง โดยต่างองค์ก็จะมอบให้แก่กันองค์ละกอง แล้วจึงเอาผงทั้งหมดมาผสมรวมกัน ผงที่สร้างขึ้นมานี้ ก็จะเป็นสีขาวเรื่อๆ เล็กน้อย นวลละเอียด มีพุทธคุณทางเมตตา และทางด้านอื่นๆ อีกสูงมาก ผงวิเศษที่สร้างขึ้นมานี้ก็คือ ผงวิเศษหรือที่ลูกศิษย์ของท่านได้เรียกกันว่าเป็นผง อิทธิเจ

- ส่วนผสมผงทั้งหมดที่ได้มานั้น มีของวัดพลับมากที่สุดซึ่งเป็นพระวัดพลับที่ชำรุด และแตกหักจากคราวกรุแตก นอกจากนี้ ยังได้มวลสารสำคัญคือผงจากพระสมเด็จ วัดระฆังฯ ธนบุรีจำนวนเล็กน้อย ซึ่งเป็นของฆราวาสบ้านอยู่ใกล้กับวัดระฆังฯ

- วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะ
ด้วยความประสงค์ที่จะให้พระเครื่องของท่านมีความขลัง และดูน่าบูชา ท่านจะเอาพระเครื่องเหล่านี้ไปแช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ซึ่งตั้งอยู่ในโบสถ์ และปลุกเสกตลอดพรรษา

- วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะนั้น ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ตุ่มมังกรที่ใช้ใส่น้ำมนต์นั้น มีอยู่ด้วยกันหลายใบมีขนาดแตกต่างกัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง บางตุ่มก็จะมีดิน มีทรายปะปนอยู่ด้วย และในระหว่างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเอาพวงมาลัยดอกไม้สดมาถวายแด่หลวงปู ท่านก็จะเอาพวงมาวัยนั้น ใส่ลงไปในตุ่มมังกรน้ำมนต์นั้นด้วย เป็นการหมักเอาดอกไม้สดปนอยู่ในน้ำมนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สีสันขององค์พระแตกต่างกันออกไป

- หลวงปู่จะตั้งจิตอธิษฐาน ปลุกเสกภาวนา พระเครื่องที่แช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ไปเรื่อยๆ ตลอดพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่ก็จะเอาพระเครื่องที่แช่ในน้ำมนต์จนได้ที่แล้วนั้น ออกมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหา และผู้ที่ไปหาท่านในตอนนั้น ถ้าหากพระเครื่องแช่ไว้นานกว่านั้น พระจะติดกันเป็นก้อน

- คราบต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนองค์พระจึงไม่เหมือนกัน บางตุ่มที่ใส่น้ำมนต์ใหม่ๆ น้ำยังใสอยู่ องค์พระที่แช่ไว้ คราบจะออกขาวเล็กน้อย ถ้าหากเป็นตุ่มเก่า ที่แช่น้ำมนต์มาก่อนนานเป็นพรรษา คราบน้ำมนต์ก็จะตกตะกอนมีคราบจับเกาะเป็นปื้น มีสีน้ำตาลหรือสีสนิมชัดขึ้น เรื่องของคราบน้ำมนต์ที่เกาะบนองค์พระ จึงมีความแตกต่างกันไป

- นอกจากพระเครื่องขุดแรก ๑๓ พิมพ์นี้แล้ว หลวงปู่ยังได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำ พระกลีบบัวเนื้อเมฆพัด, พระสมเด็จพิมพ์ห้าชั้น, พระสมเด็จพิมพ์คะแนน และพระสมเด็จเนื้อผงผสมชานหมากก่อนปี ๒๕๐๐ อีกด้วย

- หลังจากปี ๒๕๐๐ ไปแล้ว หากมีการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ ทั้งของวัดหรือนอกวัดก็ตาม ลูกศิษย์และฆราวาสที่มีความเคารพนับถือ และศรัทธาในตัวหลวงปู่ จะเป็นผู้ขออนุญาตจากหลวงปู่ แล้วจัดทำและสร้างมาถวายให้ทั้งนั้น แต่หลวงปู่ท่านก็ตั้งใจปลุกเสกให้อย่างเต็มที่ ดังเราจะเห็นได้จากความนิยมของวงการพระเครื่อง ที่ได้ให้ความสนใจในพระปิดตาจัมโบ้, พระปิดตารุ่นปลดหนี้, พระปิดตาจัมโบ้รุ่นสอง และพิมพ์อื่นๆ อีกหลายพิมพ์ด้วยกัน

- สำหรับท่านที่ยังไม่เคยไปกราบไหว้หลวงปู่โต๊ะ ผู้เขียนก็อยากจะขอแนะนำให้ท่านลองแวะไปนมัสการดูสักครั้ง ท่านจะได้มีโอกาสสักการะ บูชารูปหล่อของหลวงปู่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองหล่อไว้ และจะได้กราบไหว้หุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่โต๊ะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเองด้วย

 ::014:: ที่มา : จากหนังสือที่จัดทำโดย คุณ.ประสิทธิ์ ปริชาน


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:07:09 PM
 :) ประวัติวัดประดู่ฉิมพลี
          วัดประดู่ฉิมพลีเดิมมีชื่อว่า " วัดฉิมพลี " (เพราะมากด้วยต้นงิ้ว) ปัจจุบันชาวบ้านนิยมเรียกว่า " วัดประดู่นอก " คู่กับ " วัดประดู่ใน " (วัดประดู่ในทรงธรรม) วัดประดู่ฉิมพลี สร้างขึ้นในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และเสร็จสมบูรณ์ในต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รวมเวลา 8 ปีบริบูรณ์ โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เป็นประธานดำเนินการสร้างหรือสถาปนา เมื่อขณะดำรงอิสริยยศเป็นพระศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค) วัดประดู่ฉิมพลีนั้น นอกจากจะมีโบสถ์ที่ใหญ่โตสวยงามแล้ว ภายในโบสถ์ยังมีพระประธานที่สวยงามอีกด้วย

          ความสำคัญของวัด เป็นวัดราษฏร์ที่เก่าแก่วัดหนึ่งในฝั่งธนบุรี ที่ฝากความเจริญหรือความเชื่อไว้กับพุทธบริษัททั้ง 4 ครั้งใดสมภารเจ้าวัดมีบารมีธรรมครั้งนั้นวัดก็เจริญ นับตั้งแต่พระเดชพระคุณหลวงปู่โต๊ะเป็นเจ้าอาวาสเป็นต้นมา วัดประดู่ฉิมพลีก็เจริญรุ่งเรืองจนกระทั่ง

          ปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื่องเพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่โต๊ะเป็นผู้มีบารมีธรรมนั่นเอง และบารมีธรรมนี้ยังส่งผลถึงเจ้าอาวาสและพระภิกษุ-สามเณร ที่เป็นลูกศิษย์ที่พระคุณหลวงปู่ฯ ในปัจจุบัน ได้สืบสานเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองกรมศาสนา ได้คัดเลือกวัดประดู่ฉิมพลีให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปี พ.ศ. 2535 ที่มีผลงานดีเด่นเพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาแก่วัดอื่นๆ อีกด้วย

 ::008:: คำถามครับ : พระประธาน ภายในวัดประดู่ฉิมพลี เป็นลักษณะพระพุทธรูปสมัยใด?
ก. สมัยทวารวดี 
ข. สมัยศรีวิชัย
ค. สมัยลพบุรี   
ง. สมัยสุโขทัย  


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:12:45 PM
 :VOV: เช่นเคยครับ เพื่อนสมาชิกที่ทายถูก 3 ลำดับแรก จะได้รับดีวีดี ภาพยนต์เรื่อง "The Eye"

(http://img247.imageshack.us/img247/2504/999ga0.jpg)

The Eye - เจสสิก้า อัลบา [DVD MASTER] [พากย์ไทย-อังกฤษ][SUB THAI- ENG]
Sound: English DTS, Thai DTS
SubTitle: Thai, English
Picture: WideScreen 4:3
เป็นหนังไทยที่ ฮอลลิวู๊ดนำไปสร้างใหม่ ครับ
ประเภทหนัง : Suspense/Horror Thriller and Remake.

กำหนดฉายในไทย : 20 มีนาคม 2551

สตูดิโอ : Lionsgate Paramount Vantage Applause Pictures Cruise/Wagner Productions (C/W Productions) Vertigo Entertainment

จัดจำหน่าย : M PICTURES

นักแสดง : Jessica Alba Alessandro Nivola Parker Posey Chloe Grace Moretz Fran&ccedil ois Chau

ผู้กำกับ : David Moreau Xavier Palud

เรื่องย่อ : Sydney Wells (Jessica Alba)
เธอตาบอดมาตั้งแต่เยาว์วัย และชีวิตของเธอก็มีสิ่งที่พอจะทุ่มเทให้กับมันได้นั้ นก็คือการเป็นนักไวโอลีนเล่นร่วมวงกันเพื่อนๆที่พิการดังเช่นเธอ
ชีวิตของเธอก็ยังปกติดี จนกระทั่งวันนึงที่เธอตัดสินใจที่จะไปรักษาดวงตาให้ก ลับมาหาย ซึ่งเธอก็ได้ของแถมอันไม่พึงประสงค์นั้นก็คือการมองเห็นวิญญาณ และภาพหลอนต่างๆนาๆ จนทำให้เธอต้องออกไปตามพิสูจน์ว่า ดวงตาคู่นี้ที่เธอได้มามันเป็นมาอย่างไร......

 ::014:: ขอขอบพระคุณเพื่อนๆ ทุกๆ ท่านที่ร่วมสนุกกัน.... 


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:21:34 PM
พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย  :D


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:22:40 PM
ง. สมัยสุโขทัย ครับ


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:25:01 PM
   

      พระพุทธีปังกรรัศมีโชติ    ::014::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:39:46 PM
สมัยสุโขทัยครับ...

พระพุทธีปังกรรัศมีโชติ...

ถ้าหากถูก...ผมขออนุญาตไม่รับรางวัลนะครับ...

ผมกลัวผีอ่ะครับ....:D


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:54:36 PM
 :D  สุโขทัยด้วยคน  ::002::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ozero++รักในหลวงมากค่ะ++ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 07:43:17 PM
แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: sun2000 ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 08:01:30 PM
สมัยลพบุรีครับ.....


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 08:42:39 PM
สุโขทัยครับ


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 09:05:35 PM

      สาธุ ......... หลวงปู่โต๊ะประดูฉิมพลี ....... ปฎิปทาขององค์ท่านน่าเคารพยิ่งนัก





หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 09:39:35 PM
แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 11:12:33 PM
แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008::

ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: วุฒิ คนเล+รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 12:03:12 AM
มาไม่ทันครับผม..........แต่ขอร่วมสนุกด้วยคนครับ.......ขอบตอบว่า....ข้อ.......ง. สมัยสุโขทัย.....ครับผม.......... ::014::

 ::014:: ปล. dvd รางวัลทายกันเล่นๆครั้งที่ 6 ผมได้รับแล้วครับ.....ขอขอบคุณพี่วัฒน์อีกครั้งครับ..... ::014::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 01:16:08 AM
แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008::

ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005::

ผมทายว่า
อายุน้อย น้ำหนักเบา รอบเอวเล็ก  ::007:: ถูกสักข้อบ้างรึเปล่าครับพี่หมอ  ::005::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: menkmenk รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 08:09:57 AM
มาแอบดูครับ


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ozero++รักในหลวงมากค่ะ++ ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 11:50:35 PM
แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008::

ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005::

เอ่อ...น่ากลังคนตอบถูกอ่ะค่ะ...มันสะเทือนจายยยยยย :~)

แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008::

ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005::

ผมทายว่า
อายุน้อย น้ำหนักเบา รอบเอวเล็ก  ::007:: ถูกสักข้อบ้างรึเปล่าครับพี่หมอ  ::005::

แหม...ชื่นใจยิ่งนัก หากตอบไม่ถูกใจจะพาไปโค่นต้นจำปี(โกร๋น)ที่บ้าน ::005::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 01:22:38 AM
แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008::

ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005::

ผมทายว่า
อายุน้อย น้ำหนักเบา รอบเอวเล็ก  ::007:: ถูกสักข้อบ้างรึเปล่าครับพี่หมอ  ::005::

ไม่กล้าเฉลยอ่ะ...

กลัว...โดน M1 ...::005::


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 09:38:54 AM
เฉลยรึยังคะเนี่ย...


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:14:35 PM
เฉลยรึยังคะเนี่ย...

 :D เฉลยแล้วครับ....
(http://img369.imageshack.us/img369/276/21889632pb4.jpg)

(http://img59.imageshack.us/img59/3138/95581618dn1.jpg)

 :VOV: ผู้ที่ทายถูก 3 ท่านได้แก่ (กรุณา PM ที่อยู่ให้ผมด้วยครับ)
1. คุณ.Ramsjai
2. คุณ.yod
3. คุณหมอ(rute)


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:21:01 PM
ไม่ทัน...อีกตามเคย...อิๆ


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:37:38 PM
ไม่ทัน...อีกตามเคย...อิๆ

 :VOV: ไม่เป็นไรครับเฮีย... ครั้งหน้ายังมี


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:45:44 PM
รอๆ...อิๆ


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ก๊วยเจ๋ง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:48:47 PM
เข้ามาชมอย่างเดียวครับ


หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:54:34 PM
เฉลยรึยังคะเนี่ย...

 :D เฉลยแล้วครับ....

 :VOV: ผู้ที่ทายถูก 3 ท่านได้แก่ (กรุณา PM ที่อยู่ให้ผมด้วยครับ)
1. คุณ.Ramsjai
2. คุณ.yod
3. คุณหมอ(rute)


ขอบคุณค่ะ  ::014::