|
หัวข้อ: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 04:38:23 PM ::014:: หลวงปู่โต๊ะ(พระราชสังวราภิมณฑ์) อินฺทสุวณฺโณ
(http://img231.imageshack.us/img231/4773/87552965ey0.jpg) เกิด : วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2430 ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน บ้านรหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2ต.ละหาร (ปัจจุบันเป็น หมู่ 1 ต.หนองบัว) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ชื่อบิดา : นายลอย รัตนดอน ชื่อมารดา : นางทับ รัตนดอน บรรพชา : เมื่ออายุ 17 ปี พ.ศ.2447 ณ วัดประดู่ฉิมพลี อุปสมบท : อายุ 20 ปี ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม 2450 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม มรณภาพ : วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2524 รวมสิริอายุ : 93 ปี 10 เดือน 22 วัน - พระเดชพระคุณ เจ้าคุณพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ มหาเถระ) ท่านเป็นชาวบ้านในคลองบางน้อย ต.บางพรหม อ.บางคณฑี จ.สมุทรสงคราม - เมื่อท่านอายุได้ ๑๓ ขวบ บิดามารดาของท่านก็ได้ถึงแก่กรรม พระภิกษุแก้ว วัดเกาะแก้ว ซึ่งเป็นญาติกันก็ได้นำท่านมาฝากเรียนหนังสือกับพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดูฉิมพลีในเวลานั้น - เมื่อท่านอายุได้ ๑๗ ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ท่านบรรพชาได้เพียงคืนเดียวพระอธิการก็ได้มรณภาพ นาย คล้าย และ นางพันธ์ ผู้เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ของพระอธิการสุข ได้รับหน้าที่อุปการะสามเณรโต๊ะ จนกระทั่งได้ทำการอุปสมบท เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ณ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๐ เวลา ๑๕.๓๐ น. โดยมี หลวงพ่อแสง วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อผ่อง วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงพ่อเชย วัดกำแพงเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาตามพระพุทธศาสนาว่า อินทสุวณโณ (http://img231.imageshack.us/img231/8349/76608887ys5.jpg) - เมื่อท่านอุปสมบทแล้วนาย คล้ายและนางพันธ์ ได้ถวายตัวเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่ตลอดมา - เมื่อตอนที่พระอธิการสุขได้มรณภาพลง พระอธิการคำ ซึ่งเป็นบุตรของนาย คล้ายและนางพันธ์ ก็ได้รับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี สืบต่อพระอธิการสุข - ครั้นต่อมา พระอธิการคำได้ลาสิกขา หลวงปู่โต๊ะ จึงรับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี สืบต่อมาเมื่อท่านอายุได้ ๒๖ ปี จนถึงวันมรณภาพของท่าน เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๒๔ เวลา ๙.๕๕ น. สิริชนมายุ ๙๔ ปี รวมเวลาในการครองตำแหน่งเจ้าอาวาสจนท่านมรณภาพนี้ถึง ๖๘ ปี - ปัจจุบัน ท่านพระครูวิโรจน์ กิตติคุณ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา - ตำแหน่งในทางคณะสงฆ์ หลวงปู่ท่านบริหารงานวัดด้วยความเที่ยงธรรมสม่ำเสมอประกอบด้วย เมตตาธรรมอนุเคราะห์ให้ได้รับความร่มเย็นทั่วหน้าทางคณะสงฆ์จึงได้พร้อมใจ ถวายสมณะศักดิ์ให้แก่ท่านเป็นลำดับ ดังนี้ - พ.ศ. 2455 เป็นเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี เป็นพระใบฏีกาฐานานุกรมของพระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนฯ - พ.ศ. 2457 เป็นพระครูสังฆวิชิต ฐานานุกรมของ สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) วัดมหาธาตุ - พ.ศ. 2463 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครูวิริยกิตติ - พ.ศ. 2497 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทในราชทินนามเดิม - พ.ศ. 2499 เป็นเจ้าคณะตำบลวัดท่าพระ - พ.ศ. 2506 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามเดิม - พ.ศ. 2511 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษในราชทินนามเดิม - พ.ศ. 2516 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระสังวรวิมลเถร" - พ.ศ. 2521 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชสังวราภิมณฑ์" (http://img231.imageshack.us/img231/3168/98451412mk0.jpg) - หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาต่อพระภิกษุสามเณรที่ท่านปกครอง รวมทั้งชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงวัดและบุคคลอื่น ๆ โดยทั่วไป - ท่านได้บำเพ็ญตนอยู่ในสมณะเพศด้วยความอุตสาหะ พากเพียร ในกิจวัตรของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดตลอดมา จึงเป็นที่รัก และเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นที่เชื่อถือของทุก ๆ คนที่รู้จักท่าน - ในระหว่างที่หลวงปู่ได้บวชอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีนั้น หลวงปู่ได้ศึกษาเพิ่มเติมที่วัดโพธิ์ท่าเตียน จนกระทั่งทางวัดประดู่ฉิมพลี ได้มาอาราธนาท่านเป็นเจ้าอาวาส โดยทางวัดได้จัดพิธีแห่อย่างใหญ่โตมโหฬารด้วย - หลวงปู่โต๊ะท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางปริยัติธรรม และ ทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็กวัด มีพระอาจารย์เก่งกล้าสามารถที่ไหนท่านก็จะขอเรียนวิชาด้วยเสมอ - ท่านได้เรียนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐาน กับพระอาจารย์พรหม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีนั่นเอง - เมื่อพระอาจารย์พรหมได้มรณภาพ หลวงปู่โต๊ะก็ได้ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมต่อจาก พระอาจารย์รุ่ง วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร ซึ่งหลวงปู่โต๊ะท่านมีความชื่นชม และเคารพนับถือในความเก่งกล้าสามารถของหลวงพ่อรุ่ง เป็นอย่างยิ่ง - นอกจากนี้ หลวงปู่โต๊ะ ยังได้ไปเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ก่อนหน้าที่หลวงพ่อเนียมจะมรณภาพในอีก ๒ - ๓ ปีต่อมา จึงนับได้ว่า หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคม เวทมนต์คาถา แก่กล้ามากผู้หนึ่ง ซึ่งความเชี่ยวชาญในหลายสาขา ก็ว่าได้ - เมื่อครั้งที่หลวงปู่โต๊ะ เริ่มได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหม่ๆ นั้น ท่านได้เล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า เวลาที่ท่านจับสายสิญจน์ในพิธี ท่านจะรู้ได้ทันทีว่า ในพิธีนั้น มีพระอาจารย์องค์ไหนเก่ง หลังจากนั้นหลวงปู่โต๊ะก็จะติดตามไปขอเรียนวิชา และศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์องค์นั้น - ในช่วงที่หลวงปู่อายุไม่ถึง ๘๐ ปี นั้น ท่านเป็นพระที่ค่อนข้างจะเข้าหาพบลำบากมาก เนื่องจากหลวงปู่ไม่ชอบความอึกทึกครึกโครม เพราะหลวงปู่เป็นพระฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่เรียกว่า "พระป่า" ท่านจึงชอบที่จะเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆภายในกุฏิ - ผู้คนเริ่มรู้จักหลวงปู่โต๊ะจริงๆ ตอนที่ท่านมีอายุ ๗๗ - ๗๘ ปี ในช่วงนั้นท่านได้รับกิจนิมนต์ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกบ่อยมาก เวลาที่ท่านไปถึงในงานพิธีฯท่านจะตรงเข้าไปกราบพระประธานก่อนเสมอ แล้วท่านจะขึ้นนั่งปรกทันที เมื่อช่วงพัก หลวงปู่มักจะถามว่า มีพระเปลี่ยนฉันหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าญาติโยมตอบว่า นิมนต์หลวงปู่ตามสบาย หลวงปู่ก็จะขึ้นนั่งปรกต่อ และจะนั่งต่อไปจนเสร็จพิธี ท่านจะปฏิบัติเช่นนี้ต่อเนื่องกันเสมอมาทุกพิธี จนเป็นที่รู้กันในบรรดาพระคณาจารย์และถวายเกียรติให้หลวงปู่เป็นประธานในพิธีนั่งปรกบริกรรมเสมอ เวลาท่านนั่งปรกแต่ละพิธี จะใช้เวลา ๓ ถึง ๔ ชั่วโมง บางทีไปนั่ง ๓ ถึง ๔ วัดในวันเดียวกันก็มี พอเข้าพิธีก็จะนั่งหลับตานิ่งไม่ขยับเขยื้อน หรือเปลี่ยนอิริยาบถใดๆ ทั้งสิ้น ท่านจะนั่งตัวตรง หลังไม่ติดพนักธรรมาสน์ เดินลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ - ประวัติการสร้างพระเครื่องของพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ) เกี่ยวกับประวัติในการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะนั้น พระเครื่องชุดแรกสุดของท่าน จะมีทั้งหมด ๑๓ พิมพ์ด้วยกัน เช่น พระสมเด็จสามชั้น พิมพ์ขาโต๊ะ, พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้น และ พระสมเด็จสามชั้นพิมพ์หูบายศรี เป็นต้น - พระเครื่องทั้ง ๑๓ พิมพ์นี้ หลวงปู่โต๊ะได้ลงมือสร้างด้วยความตั่งใจ และปรารถนาจะให้ขลังเป็นพิเศษ โดยพยายามเสาะหาวัตถุดันเป็นมงคลและอาถรรพ์เวทย์ต่างๆ ที่มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์มาทำ และกดพิมพ์ด้วยมือของท่านเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะหลวงปู่ได้ผู้ช่วยทำงานซึ่งเป็นอาสาสมัคร อันประกอบด้วยพระเณร และฆราวาสมาจากวัดพลับ บางกอกใหญ่ คอยแนะนำส่วนผสมและวิธีการสร้างพระเครื่องต่างๆ - ผงพุทธคุณที่หลวงปู่ได้เสาะหามาผสมในการสร้างพระเครื่องชุดแรกนี้ มีผงวิเศษที่จัดเป็นแม่เชื้อของผงทั้งหมดโดยในยุคที่หลวงปู่ออกธุดงค์บ่อยๆ นั้น หลวงปู่ได้เคยไปธุดงค์ด้วยกันกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และหลวงพ่ออีกองค์หนึ่งซึ่งจำชื่อและความเป็นมาไม่ชัดเจน - เมื่อท่านได้กลับมาที่วัดประดู่ฉิมพลีแล้ว ท่านทั้งสามก็ได้ทบทวนวิชาที่ได้เล่าเรียนกันมา ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาคล้ายกัน ต่างจึงตกลงที่จะเขียนสูตรผงนั้น โดยใช้ดินสอพองมาละลายน้ำมนต์แล้วปั้นเป็นแท่งเหมือนกับชอล์ก แล้วเอาใบตำลึงมาตำ คั้นน้ำมาทาแท่งดินสอพองเวลาจับจะได้ไม่ติดมือ จากนั้นก็จะลงมือเขียนตามอักขระเลขยันต์ จากปถมัง ตรีสิงเห อิทธิเจ และมหาราช ว่าไปจนครบสูตร จะเว้นไม่ได้ หากขาดไปวันหนึ่งก็ต้องเอาผงที่เขียนไว้แล้วมารวมกัน แล้วเขียนขึ้นมาใหม่ทำทุกวันต่อเนื่องกันไปจนครบสูตร - เมื่อเขียนเสร็จได้เท่าไร ต่างองค์ต่างก็จะแบ่งขึ้นมาเป็นสามกอง โดยต่างองค์ก็จะมอบให้แก่กันองค์ละกอง แล้วจึงเอาผงทั้งหมดมาผสมรวมกัน ผงที่สร้างขึ้นมานี้ ก็จะเป็นสีขาวเรื่อๆ เล็กน้อย นวลละเอียด มีพุทธคุณทางเมตตา และทางด้านอื่นๆ อีกสูงมาก ผงวิเศษที่สร้างขึ้นมานี้ก็คือ ผงวิเศษหรือที่ลูกศิษย์ของท่านได้เรียกกันว่าเป็นผง อิทธิเจ - ส่วนผสมผงทั้งหมดที่ได้มานั้น มีของวัดพลับมากที่สุดซึ่งเป็นพระวัดพลับที่ชำรุด และแตกหักจากคราวกรุแตก นอกจากนี้ ยังได้มวลสารสำคัญคือผงจากพระสมเด็จ วัดระฆังฯ ธนบุรีจำนวนเล็กน้อย ซึ่งเป็นของฆราวาสบ้านอยู่ใกล้กับวัดระฆังฯ - วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะ ด้วยความประสงค์ที่จะให้พระเครื่องของท่านมีความขลัง และดูน่าบูชา ท่านจะเอาพระเครื่องเหล่านี้ไปแช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ซึ่งตั้งอยู่ในโบสถ์ และปลุกเสกตลอดพรรษา - วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะนั้น ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ตุ่มมังกรที่ใช้ใส่น้ำมนต์นั้น มีอยู่ด้วยกันหลายใบมีขนาดแตกต่างกัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง บางตุ่มก็จะมีดิน มีทรายปะปนอยู่ด้วย และในระหว่างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเอาพวงมาลัยดอกไม้สดมาถวายแด่หลวงปู ท่านก็จะเอาพวงมาวัยนั้น ใส่ลงไปในตุ่มมังกรน้ำมนต์นั้นด้วย เป็นการหมักเอาดอกไม้สดปนอยู่ในน้ำมนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สีสันขององค์พระแตกต่างกันออกไป - หลวงปู่จะตั้งจิตอธิษฐาน ปลุกเสกภาวนา พระเครื่องที่แช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ไปเรื่อยๆ ตลอดพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่ก็จะเอาพระเครื่องที่แช่ในน้ำมนต์จนได้ที่แล้วนั้น ออกมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหา และผู้ที่ไปหาท่านในตอนนั้น ถ้าหากพระเครื่องแช่ไว้นานกว่านั้น พระจะติดกันเป็นก้อน - คราบต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนองค์พระจึงไม่เหมือนกัน บางตุ่มที่ใส่น้ำมนต์ใหม่ๆ น้ำยังใสอยู่ องค์พระที่แช่ไว้ คราบจะออกขาวเล็กน้อย ถ้าหากเป็นตุ่มเก่า ที่แช่น้ำมนต์มาก่อนนานเป็นพรรษา คราบน้ำมนต์ก็จะตกตะกอนมีคราบจับเกาะเป็นปื้น มีสีน้ำตาลหรือสีสนิมชัดขึ้น เรื่องของคราบน้ำมนต์ที่เกาะบนองค์พระ จึงมีความแตกต่างกันไป - นอกจากพระเครื่องขุดแรก ๑๓ พิมพ์นี้แล้ว หลวงปู่ยังได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำ พระกลีบบัวเนื้อเมฆพัด, พระสมเด็จพิมพ์ห้าชั้น, พระสมเด็จพิมพ์คะแนน และพระสมเด็จเนื้อผงผสมชานหมากก่อนปี ๒๕๐๐ อีกด้วย - หลังจากปี ๒๕๐๐ ไปแล้ว หากมีการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ ทั้งของวัดหรือนอกวัดก็ตาม ลูกศิษย์และฆราวาสที่มีความเคารพนับถือ และศรัทธาในตัวหลวงปู่ จะเป็นผู้ขออนุญาตจากหลวงปู่ แล้วจัดทำและสร้างมาถวายให้ทั้งนั้น แต่หลวงปู่ท่านก็ตั้งใจปลุกเสกให้อย่างเต็มที่ ดังเราจะเห็นได้จากความนิยมของวงการพระเครื่อง ที่ได้ให้ความสนใจในพระปิดตาจัมโบ้, พระปิดตารุ่นปลดหนี้, พระปิดตาจัมโบ้รุ่นสอง และพิมพ์อื่นๆ อีกหลายพิมพ์ด้วยกัน - สำหรับท่านที่ยังไม่เคยไปกราบไหว้หลวงปู่โต๊ะ ผู้เขียนก็อยากจะขอแนะนำให้ท่านลองแวะไปนมัสการดูสักครั้ง ท่านจะได้มีโอกาสสักการะ บูชารูปหล่อของหลวงปู่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองหล่อไว้ และจะได้กราบไหว้หุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่โต๊ะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเองด้วย ::014:: ที่มา : จากหนังสือที่จัดทำโดย คุณ.ประสิทธิ์ ปริชาน หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:07:09 PM :) ประวัติวัดประดู่ฉิมพลี
วัดประดู่ฉิมพลีเดิมมีชื่อว่า " วัดฉิมพลี " (เพราะมากด้วยต้นงิ้ว) ปัจจุบันชาวบ้านนิยมเรียกว่า " วัดประดู่นอก " คู่กับ " วัดประดู่ใน " (วัดประดู่ในทรงธรรม) วัดประดู่ฉิมพลี สร้างขึ้นในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และเสร็จสมบูรณ์ในต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รวมเวลา 8 ปีบริบูรณ์ โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เป็นประธานดำเนินการสร้างหรือสถาปนา เมื่อขณะดำรงอิสริยยศเป็นพระศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค) วัดประดู่ฉิมพลีนั้น นอกจากจะมีโบสถ์ที่ใหญ่โตสวยงามแล้ว ภายในโบสถ์ยังมีพระประธานที่สวยงามอีกด้วย ความสำคัญของวัด เป็นวัดราษฏร์ที่เก่าแก่วัดหนึ่งในฝั่งธนบุรี ที่ฝากความเจริญหรือความเชื่อไว้กับพุทธบริษัททั้ง 4 ครั้งใดสมภารเจ้าวัดมีบารมีธรรมครั้งนั้นวัดก็เจริญ นับตั้งแต่พระเดชพระคุณหลวงปู่โต๊ะเป็นเจ้าอาวาสเป็นต้นมา วัดประดู่ฉิมพลีก็เจริญรุ่งเรืองจนกระทั่ง ปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื่องเพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่โต๊ะเป็นผู้มีบารมีธรรมนั่นเอง และบารมีธรรมนี้ยังส่งผลถึงเจ้าอาวาสและพระภิกษุ-สามเณร ที่เป็นลูกศิษย์ที่พระคุณหลวงปู่ฯ ในปัจจุบัน ได้สืบสานเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองกรมศาสนา ได้คัดเลือกวัดประดู่ฉิมพลีให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปี พ.ศ. 2535 ที่มีผลงานดีเด่นเพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาแก่วัดอื่นๆ อีกด้วย ::008:: คำถามครับ : พระประธาน ภายในวัดประดู่ฉิมพลี เป็นลักษณะพระพุทธรูปสมัยใด? ก. สมัยทวารวดี ข. สมัยศรีวิชัย ค. สมัยลพบุรี ง. สมัยสุโขทัย หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:12:45 PM :VOV: เช่นเคยครับ เพื่อนสมาชิกที่ทายถูก 3 ลำดับแรก จะได้รับดีวีดี ภาพยนต์เรื่อง "The Eye"
(http://img247.imageshack.us/img247/2504/999ga0.jpg) The Eye - เจสสิก้า อัลบา [DVD MASTER] [พากย์ไทย-อังกฤษ][SUB THAI- ENG] Sound: English DTS, Thai DTS SubTitle: Thai, English Picture: WideScreen 4:3 เป็นหนังไทยที่ ฮอลลิวู๊ดนำไปสร้างใหม่ ครับ ประเภทหนัง : Suspense/Horror Thriller and Remake. กำหนดฉายในไทย : 20 มีนาคม 2551 สตูดิโอ : Lionsgate Paramount Vantage Applause Pictures Cruise/Wagner Productions (C/W Productions) Vertigo Entertainment จัดจำหน่าย : M PICTURES นักแสดง : Jessica Alba Alessandro Nivola Parker Posey Chloe Grace Moretz Franç ois Chau ผู้กำกับ : David Moreau Xavier Palud เรื่องย่อ : Sydney Wells (Jessica Alba) เธอตาบอดมาตั้งแต่เยาว์วัย และชีวิตของเธอก็มีสิ่งที่พอจะทุ่มเทให้กับมันได้นั้ นก็คือการเป็นนักไวโอลีนเล่นร่วมวงกันเพื่อนๆที่พิการดังเช่นเธอ ชีวิตของเธอก็ยังปกติดี จนกระทั่งวันนึงที่เธอตัดสินใจที่จะไปรักษาดวงตาให้ก ลับมาหาย ซึ่งเธอก็ได้ของแถมอันไม่พึงประสงค์นั้นก็คือการมองเห็นวิญญาณ และภาพหลอนต่างๆนาๆ จนทำให้เธอต้องออกไปตามพิสูจน์ว่า ดวงตาคู่นี้ที่เธอได้มามันเป็นมาอย่างไร...... ::014:: ขอขอบพระคุณเพื่อนๆ ทุกๆ ท่านที่ร่วมสนุกกัน.... หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:21:34 PM พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย :D
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:22:40 PM ง. สมัยสุโขทัย ครับ
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:25:01 PM พระพุทธีปังกรรัศมีโชติ ::014:: หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:39:46 PM สมัยสุโขทัยครับ...
พระพุทธีปังกรรัศมีโชติ... ถ้าหากถูก...ผมขออนุญาตไม่รับรางวัลนะครับ... ผมกลัวผีอ่ะครับ....:D หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 05:54:36 PM :D สุโขทัยด้วยคน ::002::
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: ozero++รักในหลวงมากค่ะ++ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 07:43:17 PM แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~)
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: sun2000 ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 08:01:30 PM สมัยลพบุรีครับ.....
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 08:42:39 PM สุโขทัยครับ
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 09:05:35 PM สาธุ ......... หลวงปู่โต๊ะประดูฉิมพลี ....... ปฎิปทาขององค์ท่านน่าเคารพยิ่งนัก หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 09:39:35 PM แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~) งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008:: หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 03, 2008, 11:12:33 PM แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~) งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008:: ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005:: หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: วุฒิ คนเล+รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 12:03:12 AM มาไม่ทันครับผม..........แต่ขอร่วมสนุกด้วยคนครับ.......ขอบตอบว่า....ข้อ.......ง. สมัยสุโขทัย.....ครับผม.......... ::014::
::014:: ปล. dvd รางวัลทายกันเล่นๆครั้งที่ 6 ผมได้รับแล้วครับ.....ขอขอบคุณพี่วัฒน์อีกครั้งครับ..... ::014:: หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 01:16:08 AM แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~) งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008:: ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005:: ผมทายว่า อายุน้อย น้ำหนักเบา รอบเอวเล็ก ::007:: ถูกสักข้อบ้างรึเปล่าครับพี่หมอ ::005:: หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: menkmenk รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 08:09:57 AM มาแอบดูครับ
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: ozero++รักในหลวงมากค่ะ++ ที่ พฤษภาคม 04, 2008, 11:50:35 PM แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~) งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008:: ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005:: เอ่อ...น่ากลังคนตอบถูกอ่ะค่ะ...มันสะเทือนจายยยยยย :~) แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~) งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008:: ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005:: ผมทายว่า อายุน้อย น้ำหนักเบา รอบเอวเล็ก ::007:: ถูกสักข้อบ้างรึเปล่าครับพี่หมอ ::005:: แหม...ชื่นใจยิ่งนัก หากตอบไม่ถูกใจจะพาไปโค่นต้นจำปี(โกร๋น)ที่บ้าน ::005:: หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 01:22:38 AM แงๆๆๆๆ :~) เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย :~) :~) :~) งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ::008:: ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...::005:: ผมทายว่า อายุน้อย น้ำหนักเบา รอบเอวเล็ก ::007:: ถูกสักข้อบ้างรึเปล่าครับพี่หมอ ::005:: ไม่กล้าเฉลยอ่ะ... กลัว...โดน M1 ...::005:: หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 09:38:54 AM เฉลยรึยังคะเนี่ย...
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:14:35 PM เฉลยรึยังคะเนี่ย... :D เฉลยแล้วครับ.... (http://img369.imageshack.us/img369/276/21889632pb4.jpg) (http://img59.imageshack.us/img59/3138/95581618dn1.jpg) :VOV: ผู้ที่ทายถูก 3 ท่านได้แก่ (กรุณา PM ที่อยู่ให้ผมด้วยครับ) 1. คุณ.Ramsjai 2. คุณ.yod 3. คุณหมอ(rute) หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:21:01 PM ไม่ทัน...อีกตามเคย...อิๆ
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:37:38 PM ไม่ทัน...อีกตามเคย...อิๆ :VOV: ไม่เป็นไรครับเฮีย... ครั้งหน้ายังมี หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:45:44 PM รอๆ...อิๆ
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: ก๊วยเจ๋ง ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:48:47 PM เข้ามาชมอย่างเดียวครับ
หัวข้อ: Re: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 02:54:34 PM เฉลยรึยังคะเนี่ย... :D เฉลยแล้วครับ.... :VOV: ผู้ที่ทายถูก 3 ท่านได้แก่ (กรุณา PM ที่อยู่ให้ผมด้วยครับ) 1. คุณ.Ramsjai 2. คุณ.yod 3. คุณหมอ(rute) ขอบคุณค่ะ ::014:: |