เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 14, 2025, 04:22:17 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทายกันเล่นๆ ครั้งที่ 7  (อ่าน 3844 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 04:38:23 PM »

 ไหว้ หลวงปู่โต๊ะ(พระราชสังวราภิมณฑ์) อินฺทสุวณฺโณ



เกิด          : วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2430  ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน
                  บ้านรหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2ต.ละหาร (ปัจจุบันเป็น หมู่ 1 ต.หนองบัว) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ชื่อบิดา     : นายลอย  รัตนดอน
ชื่อมารดา  : นางทับ  รัตนดอน
บรรพชา    : เมื่ออายุ 17 ปี พ.ศ.2447  ณ วัดประดู่ฉิมพลี
อุปสมบท   : อายุ 20 ปี ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม 2450 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม
มรณภาพ   : วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2524
รวมสิริอายุ : 93 ปี 10 เดือน 22 วัน

- พระเดชพระคุณ เจ้าคุณพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ มหาเถระ) ท่านเป็นชาวบ้านในคลองบางน้อย ต.บางพรหม อ.บางคณฑี จ.สมุทรสงคราม

- เมื่อท่านอายุได้ ๑๓ ขวบ บิดามารดาของท่านก็ได้ถึงแก่กรรม พระภิกษุแก้ว วัดเกาะแก้ว ซึ่งเป็นญาติกันก็ได้นำท่านมาฝากเรียนหนังสือกับพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดูฉิมพลีในเวลานั้น

- เมื่อท่านอายุได้ ๑๗ ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ท่านบรรพชาได้เพียงคืนเดียวพระอธิการก็ได้มรณภาพ นาย คล้าย และ นางพันธ์ ผู้เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ของพระอธิการสุข ได้รับหน้าที่อุปการะสามเณรโต๊ะ จนกระทั่งได้ทำการอุปสมบท เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ณ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๐ เวลา ๑๕.๓๐ น. โดยมี หลวงพ่อแสง วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อผ่อง วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงพ่อเชย วัดกำแพงเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาตามพระพุทธศาสนาว่า “อินทสุวณโณ”



- เมื่อท่านอุปสมบทแล้วนาย คล้ายและนางพันธ์ ได้ถวายตัวเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่ตลอดมา

- เมื่อตอนที่พระอธิการสุขได้มรณภาพลง พระอธิการคำ ซึ่งเป็นบุตรของนาย คล้ายและนางพันธ์ ก็ได้รับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี สืบต่อพระอธิการสุข

- ครั้นต่อมา พระอธิการคำได้ลาสิกขา หลวงปู่โต๊ะ จึงรับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี สืบต่อมาเมื่อท่านอายุได้ ๒๖ ปี จนถึงวันมรณภาพของท่าน เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๒๔ เวลา ๙.๕๕ น. สิริชนมายุ ๙๔ ปี รวมเวลาในการครองตำแหน่งเจ้าอาวาสจนท่านมรณภาพนี้ถึง ๖๘ ปี

- ปัจจุบัน ท่านพระครูวิโรจน์ กิตติคุณ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา

- ตำแหน่งในทางคณะสงฆ์
หลวงปู่ท่านบริหารงานวัดด้วยความเที่ยงธรรมสม่ำเสมอประกอบด้วย เมตตาธรรมอนุเคราะห์ให้ได้รับความร่มเย็นทั่วหน้าทางคณะสงฆ์จึงได้พร้อมใจ ถวายสมณะศักดิ์ให้แก่ท่านเป็นลำดับ ดังนี้

- พ.ศ. 2455     เป็นเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี
เป็นพระใบฏีกาฐานานุกรมของพระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพนฯ 

- พ.ศ. 2457     เป็นพระครูสังฆวิชิต ฐานานุกรมของ สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) วัดมหาธาตุ

- พ.ศ. 2463     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครูวิริยกิตติ

- พ.ศ. 2497     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทในราชทินนามเดิม

- พ.ศ. 2499     เป็นเจ้าคณะตำบลวัดท่าพระ

- พ.ศ. 2506     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามเดิม

- พ.ศ. 2511     เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษในราชทินนามเดิม

- พ.ศ. 2516    เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระสังวรวิมลเถร"

- พ.ศ. 2521     เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชสังวราภิมณฑ์"



- หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาต่อพระภิกษุสามเณรที่ท่านปกครอง รวมทั้งชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงวัดและบุคคลอื่น ๆ โดยทั่วไป

- ท่านได้บำเพ็ญตนอยู่ในสมณะเพศด้วยความอุตสาหะ พากเพียร ในกิจวัตรของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดตลอดมา จึงเป็นที่รัก และเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นที่เชื่อถือของทุก ๆ คนที่รู้จักท่าน

- ในระหว่างที่หลวงปู่ได้บวชอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีนั้น หลวงปู่ได้ศึกษาเพิ่มเติมที่วัดโพธิ์ท่าเตียน จนกระทั่งทางวัดประดู่ฉิมพลี ได้มาอาราธนาท่านเป็นเจ้าอาวาส โดยทางวัดได้จัดพิธีแห่อย่างใหญ่โตมโหฬารด้วย

- หลวงปู่โต๊ะท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางปริยัติธรรม และ ทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็กวัด มีพระอาจารย์เก่งกล้าสามารถที่ไหนท่านก็จะขอเรียนวิชาด้วยเสมอ

- ท่านได้เรียนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐาน กับพระอาจารย์พรหม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีนั่นเอง

- เมื่อพระอาจารย์พรหมได้มรณภาพ หลวงปู่โต๊ะก็ได้ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมต่อจาก พระอาจารย์รุ่ง วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร ซึ่งหลวงปู่โต๊ะท่านมีความชื่นชม และเคารพนับถือในความเก่งกล้าสามารถของหลวงพ่อรุ่ง เป็นอย่างยิ่ง

- นอกจากนี้ หลวงปู่โต๊ะ ยังได้ไปเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ก่อนหน้าที่หลวงพ่อเนียมจะมรณภาพในอีก ๒ - ๓ ปีต่อมา จึงนับได้ว่า หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคม เวทมนต์คาถา แก่กล้ามากผู้หนึ่ง ซึ่งความเชี่ยวชาญในหลายสาขา ก็ว่าได้

- เมื่อครั้งที่หลวงปู่โต๊ะ เริ่มได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหม่ๆ นั้น ท่านได้เล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า เวลาที่ท่านจับสายสิญจน์ในพิธี ท่านจะรู้ได้ทันทีว่า ในพิธีนั้น มีพระอาจารย์องค์ไหนเก่ง หลังจากนั้นหลวงปู่โต๊ะก็จะติดตามไปขอเรียนวิชา และศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์องค์นั้น

- ในช่วงที่หลวงปู่อายุไม่ถึง ๘๐ ปี นั้น ท่านเป็นพระที่ค่อนข้างจะเข้าหาพบลำบากมาก เนื่องจากหลวงปู่ไม่ชอบความอึกทึกครึกโครม เพราะหลวงปู่เป็นพระฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่เรียกว่า "พระป่า" ท่านจึงชอบที่จะเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆภายในกุฏิ

- ผู้คนเริ่มรู้จักหลวงปู่โต๊ะจริงๆ ตอนที่ท่านมีอายุ ๗๗ - ๗๘ ปี ในช่วงนั้นท่านได้รับกิจนิมนต์ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกบ่อยมาก เวลาที่ท่านไปถึงในงานพิธีฯท่านจะตรงเข้าไปกราบพระประธานก่อนเสมอ แล้วท่านจะขึ้นนั่งปรกทันที เมื่อช่วงพัก หลวงปู่มักจะถามว่า “มีพระเปลี่ยนฉันหรือเปล่าจ๊ะ” ถ้าญาติโยมตอบว่า “นิมนต์หลวงปู่ตามสบาย” หลวงปู่ก็จะขึ้นนั่งปรกต่อ และจะนั่งต่อไปจนเสร็จพิธี ท่านจะปฏิบัติเช่นนี้ต่อเนื่องกันเสมอมาทุกพิธี จนเป็นที่รู้กันในบรรดาพระคณาจารย์และถวายเกียรติให้หลวงปู่เป็นประธานในพิธีนั่งปรกบริกรรมเสมอ เวลาท่านนั่งปรกแต่ละพิธี จะใช้เวลา ๓ ถึง ๔ ชั่วโมง บางทีไปนั่ง ๓ ถึง ๔ วัดในวันเดียวกันก็มี พอเข้าพิธีก็จะนั่งหลับตานิ่งไม่ขยับเขยื้อน หรือเปลี่ยนอิริยาบถใดๆ ทั้งสิ้น ท่านจะนั่งตัวตรง หลังไม่ติดพนักธรรมาสน์ เดินลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ

- ประวัติการสร้างพระเครื่องของพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ)
เกี่ยวกับประวัติในการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะนั้น พระเครื่องชุดแรกสุดของท่าน จะมีทั้งหมด ๑๓ พิมพ์ด้วยกัน เช่น พระสมเด็จสามชั้น พิมพ์ขาโต๊ะ, พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้น และ พระสมเด็จสามชั้นพิมพ์หูบายศรี เป็นต้น

- พระเครื่องทั้ง ๑๓ พิมพ์นี้ หลวงปู่โต๊ะได้ลงมือสร้างด้วยความตั่งใจ และปรารถนาจะให้ขลังเป็นพิเศษ โดยพยายามเสาะหาวัตถุดันเป็นมงคลและอาถรรพ์เวทย์ต่างๆ ที่มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์มาทำ และกดพิมพ์ด้วยมือของท่านเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะหลวงปู่ได้ผู้ช่วยทำงานซึ่งเป็นอาสาสมัคร อันประกอบด้วยพระเณร และฆราวาสมาจากวัดพลับ บางกอกใหญ่ คอยแนะนำส่วนผสมและวิธีการสร้างพระเครื่องต่างๆ

- ผงพุทธคุณที่หลวงปู่ได้เสาะหามาผสมในการสร้างพระเครื่องชุดแรกนี้ มีผงวิเศษที่จัดเป็นแม่เชื้อของผงทั้งหมดโดยในยุคที่หลวงปู่ออกธุดงค์บ่อยๆ นั้น หลวงปู่ได้เคยไปธุดงค์ด้วยกันกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และหลวงพ่ออีกองค์หนึ่งซึ่งจำชื่อและความเป็นมาไม่ชัดเจน

- เมื่อท่านได้กลับมาที่วัดประดู่ฉิมพลีแล้ว ท่านทั้งสามก็ได้ทบทวนวิชาที่ได้เล่าเรียนกันมา ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาคล้ายกัน ต่างจึงตกลงที่จะเขียนสูตรผงนั้น โดยใช้ดินสอพองมาละลายน้ำมนต์แล้วปั้นเป็นแท่งเหมือนกับชอล์ก แล้วเอาใบตำลึงมาตำ คั้นน้ำมาทาแท่งดินสอพองเวลาจับจะได้ไม่ติดมือ จากนั้นก็จะลงมือเขียนตามอักขระเลขยันต์ จากปถมัง ตรีสิงเห อิทธิเจ และมหาราช ว่าไปจนครบสูตร จะเว้นไม่ได้ หากขาดไปวันหนึ่งก็ต้องเอาผงที่เขียนไว้แล้วมารวมกัน แล้วเขียนขึ้นมาใหม่ทำทุกวันต่อเนื่องกันไปจนครบสูตร

- เมื่อเขียนเสร็จได้เท่าไร ต่างองค์ต่างก็จะแบ่งขึ้นมาเป็นสามกอง โดยต่างองค์ก็จะมอบให้แก่กันองค์ละกอง แล้วจึงเอาผงทั้งหมดมาผสมรวมกัน ผงที่สร้างขึ้นมานี้ ก็จะเป็นสีขาวเรื่อๆ เล็กน้อย นวลละเอียด มีพุทธคุณทางเมตตา และทางด้านอื่นๆ อีกสูงมาก ผงวิเศษที่สร้างขึ้นมานี้ก็คือ ผงวิเศษหรือที่ลูกศิษย์ของท่านได้เรียกกันว่าเป็นผง อิทธิเจ

- ส่วนผสมผงทั้งหมดที่ได้มานั้น มีของวัดพลับมากที่สุดซึ่งเป็นพระวัดพลับที่ชำรุด และแตกหักจากคราวกรุแตก นอกจากนี้ ยังได้มวลสารสำคัญคือผงจากพระสมเด็จ วัดระฆังฯ ธนบุรีจำนวนเล็กน้อย ซึ่งเป็นของฆราวาสบ้านอยู่ใกล้กับวัดระฆังฯ

- วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะ
ด้วยความประสงค์ที่จะให้พระเครื่องของท่านมีความขลัง และดูน่าบูชา ท่านจะเอาพระเครื่องเหล่านี้ไปแช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ซึ่งตั้งอยู่ในโบสถ์ และปลุกเสกตลอดพรรษา

- วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะนั้น ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ตุ่มมังกรที่ใช้ใส่น้ำมนต์นั้น มีอยู่ด้วยกันหลายใบมีขนาดแตกต่างกัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง บางตุ่มก็จะมีดิน มีทรายปะปนอยู่ด้วย และในระหว่างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเอาพวงมาลัยดอกไม้สดมาถวายแด่หลวงปู ท่านก็จะเอาพวงมาวัยนั้น ใส่ลงไปในตุ่มมังกรน้ำมนต์นั้นด้วย เป็นการหมักเอาดอกไม้สดปนอยู่ในน้ำมนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สีสันขององค์พระแตกต่างกันออกไป

- หลวงปู่จะตั้งจิตอธิษฐาน ปลุกเสกภาวนา พระเครื่องที่แช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ไปเรื่อยๆ ตลอดพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่ก็จะเอาพระเครื่องที่แช่ในน้ำมนต์จนได้ที่แล้วนั้น ออกมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหา และผู้ที่ไปหาท่านในตอนนั้น ถ้าหากพระเครื่องแช่ไว้นานกว่านั้น พระจะติดกันเป็นก้อน

- คราบต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนองค์พระจึงไม่เหมือนกัน บางตุ่มที่ใส่น้ำมนต์ใหม่ๆ น้ำยังใสอยู่ องค์พระที่แช่ไว้ คราบจะออกขาวเล็กน้อย ถ้าหากเป็นตุ่มเก่า ที่แช่น้ำมนต์มาก่อนนานเป็นพรรษา คราบน้ำมนต์ก็จะตกตะกอนมีคราบจับเกาะเป็นปื้น มีสีน้ำตาลหรือสีสนิมชัดขึ้น เรื่องของคราบน้ำมนต์ที่เกาะบนองค์พระ จึงมีความแตกต่างกันไป

- นอกจากพระเครื่องขุดแรก ๑๓ พิมพ์นี้แล้ว หลวงปู่ยังได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำ พระกลีบบัวเนื้อเมฆพัด, พระสมเด็จพิมพ์ห้าชั้น, พระสมเด็จพิมพ์คะแนน และพระสมเด็จเนื้อผงผสมชานหมากก่อนปี ๒๕๐๐ อีกด้วย

- หลังจากปี ๒๕๐๐ ไปแล้ว หากมีการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ ทั้งของวัดหรือนอกวัดก็ตาม ลูกศิษย์และฆราวาสที่มีความเคารพนับถือ และศรัทธาในตัวหลวงปู่ จะเป็นผู้ขออนุญาตจากหลวงปู่ แล้วจัดทำและสร้างมาถวายให้ทั้งนั้น แต่หลวงปู่ท่านก็ตั้งใจปลุกเสกให้อย่างเต็มที่ ดังเราจะเห็นได้จากความนิยมของวงการพระเครื่อง ที่ได้ให้ความสนใจในพระปิดตาจัมโบ้, พระปิดตารุ่นปลดหนี้, พระปิดตาจัมโบ้รุ่นสอง และพิมพ์อื่นๆ อีกหลายพิมพ์ด้วยกัน

- สำหรับท่านที่ยังไม่เคยไปกราบไหว้หลวงปู่โต๊ะ ผู้เขียนก็อยากจะขอแนะนำให้ท่านลองแวะไปนมัสการดูสักครั้ง ท่านจะได้มีโอกาสสักการะ บูชารูปหล่อของหลวงปู่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองหล่อไว้ และจะได้กราบไหว้หุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่โต๊ะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเองด้วย

 ไหว้ ที่มา : จากหนังสือที่จัดทำโดย คุณ.ประสิทธิ์ ปริชาน
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 05:07:09 PM »

 Smiley ประวัติวัดประดู่ฉิมพลี
          วัดประดู่ฉิมพลีเดิมมีชื่อว่า " วัดฉิมพลี " (เพราะมากด้วยต้นงิ้ว) ปัจจุบันชาวบ้านนิยมเรียกว่า " วัดประดู่นอก " คู่กับ " วัดประดู่ใน " (วัดประดู่ในทรงธรรม) วัดประดู่ฉิมพลี สร้างขึ้นในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และเสร็จสมบูรณ์ในต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รวมเวลา 8 ปีบริบูรณ์ โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เป็นประธานดำเนินการสร้างหรือสถาปนา เมื่อขณะดำรงอิสริยยศเป็นพระศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค) วัดประดู่ฉิมพลีนั้น นอกจากจะมีโบสถ์ที่ใหญ่โตสวยงามแล้ว ภายในโบสถ์ยังมีพระประธานที่สวยงามอีกด้วย

          ความสำคัญของวัด เป็นวัดราษฏร์ที่เก่าแก่วัดหนึ่งในฝั่งธนบุรี ที่ฝากความเจริญหรือความเชื่อไว้กับพุทธบริษัททั้ง 4 ครั้งใดสมภารเจ้าวัดมีบารมีธรรมครั้งนั้นวัดก็เจริญ นับตั้งแต่พระเดชพระคุณหลวงปู่โต๊ะเป็นเจ้าอาวาสเป็นต้นมา วัดประดู่ฉิมพลีก็เจริญรุ่งเรืองจนกระทั่ง

          ปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื่องเพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่โต๊ะเป็นผู้มีบารมีธรรมนั่นเอง และบารมีธรรมนี้ยังส่งผลถึงเจ้าอาวาสและพระภิกษุ-สามเณร ที่เป็นลูกศิษย์ที่พระคุณหลวงปู่ฯ ในปัจจุบัน ได้สืบสานเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองกรมศาสนา ได้คัดเลือกวัดประดู่ฉิมพลีให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปี พ.ศ. 2535 ที่มีผลงานดีเด่นเพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาแก่วัดอื่นๆ อีกด้วย

 ยิ้มีเลศนัย คำถามครับ : พระประธาน ภายในวัดประดู่ฉิมพลี เป็นลักษณะพระพุทธรูปสมัยใด?
ก. สมัยทวารวดี 
ข. สมัยศรีวิชัย
ค. สมัยลพบุรี   
ง. สมัยสุโขทัย
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 05:12:45 PM »

 หลงรัก เช่นเคยครับ เพื่อนสมาชิกที่ทายถูก 3 ลำดับแรก จะได้รับดีวีดี ภาพยนต์เรื่อง "The Eye"



The Eye - เจสสิก้า อัลบา [DVD MASTER] [พากย์ไทย-อังกฤษ][SUB THAI- ENG]
Sound: English DTS, Thai DTS
SubTitle: Thai, English
Picture: WideScreen 4:3
เป็นหนังไทยที่ ฮอลลิวู๊ดนำไปสร้างใหม่ ครับ
ประเภทหนัง : Suspense/Horror Thriller and Remake.

กำหนดฉายในไทย : 20 มีนาคม 2551

สตูดิโอ : Lionsgate Paramount Vantage Applause Pictures Cruise/Wagner Productions (C/W Productions) Vertigo Entertainment

จัดจำหน่าย : M PICTURES

นักแสดง : Jessica Alba Alessandro Nivola Parker Posey Chloe Grace Moretz Fran&ccedil ois Chau

ผู้กำกับ : David Moreau Xavier Palud

เรื่องย่อ : Sydney Wells (Jessica Alba)
เธอตาบอดมาตั้งแต่เยาว์วัย และชีวิตของเธอก็มีสิ่งที่พอจะทุ่มเทให้กับมันได้นั้ นก็คือการเป็นนักไวโอลีนเล่นร่วมวงกันเพื่อนๆที่พิการดังเช่นเธอ
ชีวิตของเธอก็ยังปกติดี จนกระทั่งวันนึงที่เธอตัดสินใจที่จะไปรักษาดวงตาให้ก ลับมาหาย ซึ่งเธอก็ได้ของแถมอันไม่พึงประสงค์นั้นก็คือการมองเห็นวิญญาณ และภาพหลอนต่างๆนาๆ จนทำให้เธอต้องออกไปตามพิสูจน์ว่า ดวงตาคู่นี้ที่เธอได้มามันเป็นมาอย่างไร......

 ไหว้ ขอขอบพระคุณเพื่อนๆ ทุกๆ ท่านที่ร่วมสนุกกัน.... 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 03, 2008, 05:15:33 PM โดย วัฒน์ » บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
Ramsjai
^ป้าแรมส์ใจดี^
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1075
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 7191


"ชีวิตมีคนที่เกลียดไม่กี่คน ที่เหลือรำคาญ"


« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 05:21:34 PM »

พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย  Cheesy
บันทึกการเข้า

ถ้าเป็นความทรงจำที่มีค่าล่ะก็..ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะคนตายจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเราเท่านั้น..
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 05:22:40 PM »

ง. สมัยสุโขทัย ครับ
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 05:25:01 PM »

   

      พระพุทธีปังกรรัศมีโชติ    ไหว้
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 05:39:46 PM »

สมัยสุโขทัยครับ...

พระพุทธีปังกรรัศมีโชติ...

ถ้าหากถูก...ผมขออนุญาตไม่รับรางวัลนะครับ...

ผมกลัวผีอ่ะครับ....Cheesy
บันทึกการเข้า
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 05:54:36 PM »

 Cheesy  สุโขทัยด้วยคน  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 07:43:17 PM »

แงๆๆๆๆ หัวเราะร่าน้ำตาริน เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
sun2000
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

กระทู้: 269


« ตอบ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 08:01:30 PM »

สมัยลพบุรีครับ.....
บันทึกการเข้า
ชัยบึงกาฬ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1991
ออฟไลน์

กระทู้: 8962


ต้องรู้ให้ถึงแก่น...


« ตอบ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 08:42:39 PM »

สุโขทัยครับ
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 09:05:35 PM »


      สาธุ ......... หลวงปู่โต๊ะประดูฉิมพลี ....... ปฎิปทาขององค์ท่านน่าเคารพยิ่งนัก



บันทึกการเข้า

                
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 09:39:35 PM »

แงๆๆๆๆ หัวเราะร่าน้ำตาริน เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2008, 11:12:33 PM »

แงๆๆๆๆ หัวเราะร่าน้ำตาริน เพิ่งเข้าเวบอ่ะค่ะ ไม่ทันเลย หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน

งั้นทายต่อดีมั๊ยครับ.... ยิ้มีเลศนัย

ทายอายุ น้ำหนัก หรือรอบเอวน้องโอดีล่ะครับ...คิก คิก
บันทึกการเข้า
วุฒิ คนเล+รักในหลวง
นำแนน้า..หัวหน้า
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 197
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2172


รักน้องกันต์


« ตอบ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2008, 12:03:12 AM »

มาไม่ทันครับผม..........แต่ขอร่วมสนุกด้วยคนครับ.......ขอบตอบว่า....ข้อ.......ง. สมัยสุโขทัย.....ครับผม.......... ไหว้

 ไหว้ ปล. dvd รางวัลทายกันเล่นๆครั้งที่ 6 ผมได้รับแล้วครับ.....ขอขอบคุณพี่วัฒน์อีกครั้งครับ..... ไหว้
บันทึกการเข้า

สุขเสมอมั่นเสมอมันเครือเก่า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 21 คำสั่ง