หัวข้อ: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ใหญ่ ที่ ตุลาคม 08, 2005, 11:12:20 AM ???พอดีเพิ่งอ่าน..อวป.เล่มล่าสุด 372 ในหน้า..กฎหมายปืน เรื่องปัญหาของการโอนปืนเก่า...ซึ่งสรุปพอสังเขปว่าการโอนลอยโดยการสลักลักหลังใบ ป. 4 แล้วกรรมสิทธิ์ในอาวุธปืนโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่วินาทีที่สลักหลังนั้นเอง..แต่ในกฎหมายระบุว่า " ใบอนุญาตให้มีและการใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน มีอายุตลอดเวลาที่ผู้รับใบอนุญาตเป็นเจ้าของอาวุธปืนนั้น " ซึ่งหมายความว่าถ้าหมดความเป็นเจ้าของปืนเมื่อไหรใบ ป.4 ก็หมดอายุลงโดยอัตโนมัติ ดังนั้นในเมื่อกรรมสิทธิ์อาวุธปืนโอนไปแล้วความเป็นเจ้าของปืนก็หมดไป ส่งผลให้ใบอนุญาตหมดอายุลงไปด้วยตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯมาตรา 23(3) ก็แปลว่าปืนกระบอกนั้นไม่มีใบอนุญาดอีกต่อไป.....
....ดังนั้นการครอบครองหรือการเป็นเจ้าของปืนโอนลอยจึงเทากับมีปืนเถื่อนไว้นั้นเอง...ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ....ขอสอบถามและปรึกษาหาข้อแนะนำ ดังนี้ครับ 1> ถ้าเราซื้อขายอาวุธปืน..และมีการโอนลอยกันไว้แล้วจะทำอย่างไร 2> ต่อไปถ้าเราจะซื้อปืนเก่าจะต้องไปขอ ป.3 ก่อนทุกครั้งใช่หรือเปล่า 3> หรือท่านสมาชิกมีข้อแนะนำอย่างไรบ้างครับในการซื้อขายอาวุธปืน ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้า :) หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Mr_Watt ที่ ตุลาคม 08, 2005, 11:22:46 AM :Dเรื่องการซื้อขายแบบโอนลอยเป็นการผิดกฎหมายอยู่แล้วครับ เพราะผู้ซื้อยังไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ ฉะนั้นยังไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อจนกว่าจะได้ ป.3 ส่วนเรื่องการสลักหลังในใบ ป.4 นั้นเพื่อให้ทราบว่าจะโอนหรือขายไปให้ใคร ที่จริงต้องกระทำต่อเมื่อผู้ซื้อได้รับใบป.3 มาแล้ว ไม่ใช่พอตกลงซื้อก็เซ็นต์สลักหลังในป.4 แล้วพ้นการเป็นเจ้าของ อย่างอื่นรอท่านอื่นมาชี้แนะครับ
หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 08, 2005, 12:25:59 PM .. :).. รีบมีความเห็น.. โดยยังไม่ได้เห็นข้อเท็จจริงใน อวป.ฉบับที่ ๓๗๒..
เป็นผมคลาดเคลื่อนเอง.. ต้องขออภัย..และขอถอนความเห็นออกเลยครับ.. :D หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 08, 2005, 02:34:36 PM ..ผมยังไม่ได้อ่าน..รายละเอียดใน อวป.ฉบับที่ ๓๒๗.. แต่ยังมีความเห็นที่แตกต่าง ครับ... การซื้อขาย สิ่งของที่ กฎหมาย ระบุว่าต้องทำตามแบบ.. กรรมสิทธิ์จะโอนตามกฎหมาย ก็ต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดนั้นเสียก่อน.. กรณีการซื้อขายอาวุธปืนมีทะเบียน.. กฎหมายที่เกี่ยวข้องบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ผู้รับโอนจะต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน ผู้เป็นเจ้าของเดิมจึงโอนอาวุธปืน กระบอกนั้นได้.. การซื้อขายอาวุธปืน จึงจัดว่าเป็นการซื้อขายที่จะทำตามแบบเสียก่อน. จึงจะสมบูรณ์.. แต่ การซื้อขายโดยทั่วไป ถ้ากฎหมายไม่ได้ระบุว่าต้องทำตามแบบ ความสมบูณ์ และกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปทันที เมื่อมีการส่งมอบ และชำระราคากัน.. ปืนเถื่อน กับปืนมีทะเบียน การซื้อขายมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ปืนเถื่อน ผู้ครอบครองถือว่าเป็นเจ้าของ การซื้อขายไม่จำเป็นต้องทำตามแบบ เพียงส่งมอบการครอบครองถือว่าสมบูรณ์ ปืนมีทะเบียน คือปืนที่อยู่ในระบบทะเบียน ควบคุมโดยถูกต้อง.. กรรมสิทธิ์จะสมบูรณ์ เมื่อได้มีการโอนชื่อทางทะเบียนโดยถูกต้อง และส่งมอบการครอบครองอาวุธปืน .. ต้องอ่านเสียก่อนแล้วถึงจะเข้าใจ และการออกความเห็นทางกฎหมาย ต้องแม่นยำ กับต้องมีการอ้างอิงตัวบทเพื่อให้ตรวจสอบได้ ไม่เช่นนั้นผู้ที่ไม่รู้แล้วไปเชื่อตามนั้น อาจได้รับความเสียหาย การซื้อขายทรัพย์สินที่ต้องจดทะเบียนกับเจ้าพนักงานเสียก่อน กรรมสิทธิ์ถึงจะโอนไปยังผู้ขาย คืออสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์เพียง 4 ประเภท ได้แก่เรือที่มีระวาง 6 ตันขึ้นไป, เรือแบบมีเครื่องยนต์ที่มีระวาง 5 ตันขึ้นไป, แพ และสัตว์พาหนะ (ปพพ.มาตรา 456) แต่ไม่มีอาวุธปืน หรือรถยนต์ เหตุผล ให้ไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเอาเอง มีวางบรรทัดฐานเอาไว้มากมาย ส่วนการซื้อขายสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ กรรมสิทธิ์จะโอนไปทันทีที่สัญญาซื้อขายสมบูรณ์ คือถ้าไม่ถึงห้าร้อยบาท ก็โอนไปทันทีที่ตกลงกันได้ แต่ถ้าห้าร้อยบาทขึ้นไป ก็โอนเมื่อมีการทำหลักฐานเป็นหนังสือ ซึ่งได้แก่การสลักหลัง ป.4 นั่นเอง (ปพพ.มาตรา 456 + 458) อ้อ กรรมสิทธิ์ มันโอนไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์ แล้วก็ยังไม่ได้จ่ายเงินด้วยครับ (ปพพ.มาตรา 458, 461, 486 ) เรื่องนี้ สพป.จัดทีมศึกษามาหลายเดือน และเคยแจ้งให้ศูนย์บริการประชาชนทราบ ซึ่งทางศูนย์เองก็ยอมรับ แต่ก็ไม่แก้เสียที สพป.จึงต้องบังคับให้มีการแก้ไข โดยคุณเสกกำลังจะยื่นฟ้องศาลปกครองอาทิตย์หน้า เพื่อให้แก้ไขไม่ให้มีช่องโหว่ตรงนี้อยู่อีก หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: น้ำยม ที่ ตุลาคม 08, 2005, 05:31:39 PM ท่านผู้การครับรบกวนสอบถามนะครับว่าจะแก้ไขให้ออกมาในแนวไหนครับ.........หรือว่าต่อไปจะซื้อขายแบบโอนลอยไม่ได้แล้วครับ หรือต่อไปจะซื้อขายโอนลอยได้สะดวกขึ้นคับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 08, 2005, 05:41:23 PM ..ผมยังไม่ได้อ่าน..รายละเอียดใน อวป.ฉบับที่ ๓๒๗.. แต่ยังมีความเห็นที่แตกต่าง ครับ... การซื้อขาย สิ่งของที่ กฎหมาย ระบุว่าต้องทำตามแบบ.. กรรมสิทธิ์จะโอนตามกฎหมาย ก็ต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดนั้นเสียก่อน.. กรณีการซื้อขายอาวุธปืนมีทะเบียน.. กฎหมายที่เกี่ยวข้องบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ผู้รับโอนจะต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน ผู้เป็นเจ้าของเดิมจึงโอนอาวุธปืน กระบอกนั้นได้.. การซื้อขายอาวุธปืน จึงจัดว่าเป็นการซื้อขายที่จะทำตามแบบเสียก่อน. จึงจะสมบูรณ์.. แต่ การซื้อขายโดยทั่วไป ถ้ากฎหมายไม่ได้ระบุว่าต้องทำตามแบบ ความสมบูณ์ และกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปทันที เมื่อมีการส่งมอบ และชำระราคากัน.. ปืนเถื่อน กับปืนมีทะเบียน การซื้อขายมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ปืนเถื่อน ผู้ครอบครองถือว่าเป็นเจ้าของ การซื้อขายไม่จำเป็นต้องทำตามแบบ เพียงส่งมอบการครอบครองถือว่าสมบูรณ์ ปืนมีทะเบียน คือปืนที่อยู่ในระบบทะเบียน ควบคุมโดยถูกต้อง.. กรรมสิทธิ์จะสมบูรณ์ เมื่อได้มีการโอนชื่อทางทะเบียนโดยถูกต้อง และส่งมอบการครอบครองอาวุธปืน .. ต้องอ่านเสียก่อนแล้วถึงจะเข้าใจ และการออกความเห็นทางกฎหมาย ต้องแม่นยำ กับต้องมีการอ้างอิงตัวบทเพื่อให้ตรวจสอบได้ ไม่เช่นนั้นผู้ที่ไม่รู้แล้วไปเชื่อตามนั้น อาจได้รับความเสียหาย การซื้อขายทรัพย์สินที่ต้องจดทะเบียนกับเจ้าพนักงานเสียก่อน กรรมสิทธิ์ถึงจะโอนไปยังผู้ขาย คืออสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์เพียง 4 ประเภท ได้แก่เรือที่มีระวาง 6 ตันขึ้นไป, เรือแบบมีเครื่องยนต์ที่มีระวาง 5 ตันขึ้นไป, แพ และสัตว์พาหนะ (ปพพ.มาตรา 456) แต่ไม่มีอาวุธปืน หรือรถยนต์ เหตุผล ให้ไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเอาเอง มีวางบรรทัดฐานเอาไว้มากมาย ส่วนการซื้อขายสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ กรรมสิทธิ์จะโอนไปทันทีที่สัญญาซื้อขายสมบูรณ์ คือถ้าไม่ถึงห้าร้อยบาท ก็โอนไปทันทีที่ตกลงกันได้ แต่ถ้าห้าร้อยบาทขึ้นไป ก็โอนเมื่อมีการทำหลักฐานเป็นหนังสือ ซึ่งได้แก่การสลักหลัง ป.4 นั่นเอง (ปพพ.มาตรา 456 + 458) อ้อ กรรมสิทธิ์ มันโอนไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์ แล้วก็ยังไม่ได้จ่ายเงินด้วยครับ (ปพพ.มาตรา 458, 461, 486 ) เรื่องนี้ สพป.จัดทีมศึกษามาหลายเดือน และเคยแจ้งให้ศูนย์บริการประชาชนทราบ ซึ่งทางศูนย์เองก็ยอมรับ แต่ก็ไม่แก้เสียที สพป.จึงต้องบังคับให้มีการแก้ไข โดยคุณเสกกำลังจะยื่นฟ้องศาลปกครองอาทิตย์หน้า เพื่อให้แก้ไขไม่ให้มีช่องโหว่ตรงนี้อยู่อีก เป็นกำลังใจครับ... แก้ไขในสิ่งผิด หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ ตุลาคม 08, 2005, 09:06:53 PM ท่านผู้การครับรบกวนสอบถามนะครับว่าจะแก้ไขให้ออกมาในแนวไหนครับ.........หรือว่าต่อไปจะซื้อขายแบบโอนลอยไม่ได้แล้วครับ หรือต่อไปจะซื้อขายโอนลอยได้สะดวกขึ้นคับ ขอบคุณครับ หน้าที่แก้ไข เป็นเรื่องของนายทะเบียนอาวุธปืน ที่ท่านมากะเกณฑ์ให้ประชาชนโอนปืนกันด้วยวิธีนี้ สมมุติว่า เรามี ป.3 อยู่ในมือโดยไม่ระบุว่าจะซื้อปืนขนาดอะไร จากที่ไหน จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ ในเมื่อปืนทุกกระบอกในประเทศไทย ก็สั่งหรือนำเข้ามาโดยถูกกฎหมาย และเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนสามารถออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 ประกอบกับประชาชนทุกคนก็มีสิทธิเสมอภาคกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ถ้าจะซื้อปืนใหม่ ก็เอา ป.3 ให้ร้านปืน ถ้าจะซื้อปืนเก่า ก็จูงมือไปหานายทะเบียน ปัญหาการโอนลอย ผมเห็นว่าน่าจะแก้ไขโดยให้ร้านปืนสามารถนำปืนเก่าลงทะเบียนในบัญชีของร้านได้ หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: น้ำยม ที่ ตุลาคม 11, 2005, 01:16:21 PM ท่านผู้การครับรบกวนสอบถามนะครับว่าจะแก้ไขให้ออกมาในแนวไหนครับ.........หรือว่าต่อไปจะซื้อขายแบบโอนลอยไม่ได้แล้วครับ หรือต่อไปจะซื้อขายโอนลอยได้สะดวกขึ้นคับ ขอบคุณครับ หน้าที่แก้ไข เป็นเรื่องของนายทะเบียนอาวุธปืน ที่ท่านมากะเกณฑ์ให้ประชาชนโอนปืนกันด้วยวิธีนี้ สมมุติว่า เรามี ป.3 อยู่ในมือโดยไม่ระบุว่าจะซื้อปืนขนาดอะไร จากที่ไหน จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ ในเมื่อปืนทุกกระบอกในประเทศไทย ก็สั่งหรือนำเข้ามาโดยถูกกฎหมาย และเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนสามารถออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 ประกอบกับประชาชนทุกคนก็มีสิทธิเสมอภาคกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ถ้าจะซื้อปืนใหม่ ก็เอา ป.3 ให้ร้านปืน ถ้าจะซื้อปืนเก่า ก็จูงมือไปหานายทะเบียน ปัญหาการโอนลอย ผมเห็นว่าน่าจะแก้ไขโดยให้ร้านปืนสามารถนำปืนเก่าลงทะเบียนในบัญชีของร้านได้ ขอบคุณครับ.......แต่ความเห็นส่วนตัวผมอยากให้ซื้อขายโอนลอยกันง่ายๆขึ้น เพราะบางทีคนซื้อและคนขายไม่พร้อมหรือไม่ว่างที่จะไปเจอกันที่อำเภอพร้อมๆกัน อยากให้มองกันที่เจตนามากกว่า.... หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 11, 2005, 02:05:06 PM ผมว่า การโอนลอย ทำให้เกิดปัญหาปืนกลายเป็นปืนเถื่อนเยอะครับ
เนื่องจากผู้ซื้อไปขออนุญาต ไม่ได้ นานๆไป ไปไป มามา ขายไปเรื่อยๆ กลายเป็นปืนดีแต่เถื่อนครับ หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: yakdee ที่ ตุลาคม 11, 2005, 03:05:35 PM ท่านนายกทักษิณ เพิ่งให้นโยบายกับข้าราชการไปหมาด ๆ ว่า การใช้กฎหมาย ท่านให้ใช้ในส่วนที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ถ้าใช้แล้วไม่มีประโยชน์ หรือทำให้ขัดขวางความเจริญของบ้านเมือง ก็ไม่พึงใช้กฎหมายนั้น
กฎหมายในบ้านเรามีมากเกินไป ทำให้เวลาจะใช้ ใช้ไม่ค่อยถูก...(หมายถึงข้าราชการ..) เป็นยโยบายที่ดี...และคงมีการปรับเปลี่ยนไปในเวลาอันใกล้นี้ ถ้าทำได้..จะเป็นการดีอย่างมากเลยทีเดียว... เรื่องโอนลอย.....ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่คิดกันนะครับ ???!!!!???? :DD กฎหมาย จะต้องมีการพัฒนาให้เท่าทันสถานะการณ์และเศรษฐกิจของบ้านเมือง...ที่มีการพัฒนาหรือเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในปัจจุบัน มีความก้าวกระโดดอย่างมากในทุก ๆ เรื่อง เรื่องเดิม ๆ ที่เคยระบุไว้ในกฎหมาย เพราะเห็นว่าสำคัญ แต่ปัจจุบันอาจกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย ไม่ยึดถือว่าสำคัญอีกต่อไปก็มีอยู่มาก เรื่องการจดทะเบียนอาวุธปืน....เพราะในขณะบัญญัติกฎหมายอาวุธปืนขึ้นมาในปี พ.ศ. 2490 นั้น ก่อนหน้านี้ ปืนที่มีอยู่ในประเทศทั้งหมด จะอยู่แต่ในมือหรือความครอบครองของผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ปืนที่มีอยู่ในปมือประชาชนทั่วไป ก็เป็นเพียงปืนที่ใช้ยังชีพหรือล่าสัตว์ป่าเล็ก ๆ พอประทังชีวิต อย่างเช่นปืนแก๊ป ที่มีการขอให้นำไปคืนรัฐเมื่อเร็ว ๆ นี้ จะมีปืนดีขึ้นมาหน่อยก็ต้องรู้จักมักคุ้นกับผู้มีวาสนาในบ้านเมืองขณะนั้น ต่อเมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น ประชาชนมีความรู้และฐานะทางเศรษฐกิจมากขึ้นเป็นลำดับ การค้าขายสินค้า โดยเฉพาะอาวุธปืน จึงมีความเป็นอิสระเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายถึงจะซื้อขายกันได้ตามใจ เพราะตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงไปมาหลายครั้ง ทั้งเผด็จการทางทหาร และคณาธิปไตย อาวุธปืนจึงดูเหมือนกับเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์และเข่นฆ่าฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองอยู่ตลอดมา และในที่สุดก็มีการจำกัดโควต้า หรือจำนวนเพื่อการจำหน่ายแก่ประชาชน คิด ๆ ไปไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่ อาจเป็นเพราะฝ่ายรัฐไม่แน่ใจว่า เมื่อประชาชนมีอาวุธปืนในมือมากขึ้นจนแพร่หลายไปมาก อาจจะกลายเป็นเครื่องมือล้มล้างรัฐบาลได้ เป็นความปลอดภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ก็เป็นไปได้ ปืนจึงเป็นเสมือนเงื่อนไขและแหล่งหาผลประโยชน์เป็นขนมหวานของผู้มีอำนาจในการแทรกแซงได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การที่ต้องจดทะเบียน...เพื่อควบคุมอาวุธปืนให้ปรากฏผู้ครอบครอง และเป็นการกำจัดปืน...เถื่อนไปในตัว...(ต่อภาค 2 ) หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: yakdee ที่ ตุลาคม 11, 2005, 05:25:47 PM ต่อภาค 2 ....
มาว่ากันต่อในเรื่องการที่ต้องจดทะเบียนอาวุธปืนตามกฎหมาย พรบ.อาวุธปืน เมื่อดูตามที่บัญญัติไว้ในเหตุผลของการออกกฎหมาย ที่ระบุไว้ คือ " 1 เนื่องจากในขณะนี้ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยชัดเจนว่า อย่างใดเรียกว่า อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้มีความหมายชัดเจนขึ้น กับให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดว่าสิ่งใดเป็นอาวุธปืนที่ใช้ในการสงคราม ซึ่งถือว่า เป็นอาวุธร้ายแรงอันประชนชาไม่ควรมีไว้ในครอบครอง และ 2 เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด โดยมิชอบด้วยกฎหมาย นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดังกล่าว มาขอรับอนุญาตเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องให้นำมาจดทะเบียน รัฐบาลได้เคยให้โอกาสในการนำมาจดทะเบียนได้มาก่อนแล้ว แต่ก็ยังปรากฏว่ามีผู้ละเลยไม่ปฏิบัติตามอีกเป็นจำนวนมาก และโดยที่อัตราโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ยังไม่เป็นการเหมาะสม จึงสมควรกำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น (เหตุผลท้าย พรบ.อาวุธปืน ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2501 ) เมื่ออาวุธปืน ถือเป็นสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ โดยนัยที่กำหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 140 เพราะบัญญัติว่าเป้นทรัพย์นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ โดยในมาตรา 139 อสังหาริมทรัพย์ หมายความว่า ที่ดิน ทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดิน มีลักษณะเป็นการถาวร หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน.... เมื่ออาวุธปืนเป็นสังหาริมทรัพย์ จึงควรจะสามารถใช้สิทธิในการซื้อขาย ครอบครอง และการปรปักษ์เสมอเหมือนอย่างเช่นที่มีอยู่แก่สังหาริมทรัพย์ทั่วไป และการซื้อขายทรัพย์สิน ที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ที่จะต้องจดทะเบียนอันเป็นการกำหนดแบบของนิติกรรมการซื้อขายไว้ ตามมาตรา 456 ปพพ. (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) ตามมาตรา 458 บัญญัติว่า กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายนั้น ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะทำสัญญาซื้อขายกัน สัญญาซื้อขายที่ทำกันตามที่กล่าวมา มิใช่การทำสัญญาในลักษณะที่เป็นตัวหนังสือ แต่เป็นสัญญาตามความหมายที่กำหนดในมาตรา 453 ปพพ. ที่ว่า อันว่าการซื้อขายนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ขาย โอกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย สัญญาในความหมาของประชาชนทั่วไป จะคิดว่า คือรูปของสัญญาที่เป็นหนังสือ แต่ในทางกฎหมาย สัญญา คือนิติกรรมสองฝ่าย แล้วอาจจะงงกันอีกว่า นิติกรรมคืออะไร กฎหมายก็กำหนดอธิบายไว้ใน มาตรา 149 ปพพ. ว่า นิติกรรม หมายความว่า การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ดังนั้น การทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สิ่งใดๆ ก็ตาม จะต้องอยู่ในความหมายของการซื้อขายที่เป็นไปตามหลักของนิติกรรมด้วย ซึ่งหลักในนิติกรรมตามที่กล่าวไว้ในมาตรา 149 ต้องเป็นการซื้อขายที่ชอบด้วยกฎหมาย การซื้อขายทรัพย์สิงใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เท่ากับว่า สัญญานั้นไม่เกิดขึ้น อะไรคือนิติกรรมที่กระทำลงโดยชอบด้วยกฎหมาย(กฎหมายกำหนดเป็นประการแรกเลย..) ตอบได้ว่า คือการทำนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตให้กระทำได้ เมื่อได้ทำการใด ๆ ลงตามที่กฎหมายอนุญาตแล้ว เท่ากับเป็นการชอบด้วยกฎหมายเสมอ มาถึงการซื้อขายอาวุธปืน กฎหมายอาวุธปืน กำหนดไว้โดยเฉพาะในมาตรา 7 แห่ง พรบ.อาวุธปืน 2490 ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครืองกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ นั่นหมายความว่า ผู้ใด(หมายถึงคนใดก็ตาม) จะซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครืองกระสุนปืนได้ตามข้อยกเว้น ต่อเมื่อนายทะเบียนท้องที่อนุญาตเท่านั้น ลักษณะของการบัญญัติกฎหมาย เป็นการกำหนดห้ามไว้ทั้งหมดว่าจะ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครืองกระสุนปืนไม่ได้ เว้นแต่.....ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เพราะเป็นไปตามเจตนารมย์ในการออกกฎหมาย ที่ต้องการควบคุมอาวุธปืนที่มีลักษณะของทรัพย์อันตรายโดยสภาพ และแยกอาวุธสงครามออกจากอาวุธปืนที่พึงอนุญาตให้ประชาชนใช้ได้ การที่กฎหมายกำหนดห้ามดังกล่าวไว้ก่อน แต่มิใช่การห้ามในลักษณะที่เป็นการเด็ดขาด มีข้อยกเว้นให้แก่ผู้ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งกฎหมายกำหนดคุณสมบัติของประชาชนที่มาขออนุญาตไว้ด้วย ตามมาตรา 13 พรบ.อาวุธปืนฯ อาวุธปืนจึง ไม่ใช่ทรัพย์สิน(สังหาริมทรัพย์)ที่จะทำการซื้อขายได้อย่างทรัพย์ทั่วไป เพราะเป็นทรัพย์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายเฉพาะอีกฉบับหนึ่งต่างหาก การขออนุญาต มิใช่แบบของนิติกรรม การจดทะเบียนก็มิใช่แบบของนิติกรรม เพราะมิใช่ข้อกำหนดของกฎหมายของการซื้อขายตาม ปพพ. และ พรบ.อาวุธปืน กำหนดให้กระทำแต่อย่างใด แต่การขออนุญาต เป็นข้อกำหนดของกฎหมายที่ผู้มิได้รับอนุญาตให้ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครืองกระสุนปืน จะกระทำไม่ได้ เพราะเป้นการต้องห้ามตาม พรบ.อาวุธปืนดังกล่าว .....(ยังไม่จบ..หมดเวลาแล้ว วันหน้าจะมาให้ความเห็นกันใหม่) กฎหมายต้องพัฒนา คนก็ต้องพัฒนาเสมอ... หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: yakdee ที่ ตุลาคม 13, 2005, 03:02:17 PM ต่อภาค 3
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า การขออนุญาตซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน ตามกฎหมาย เป็นเพียงข้อกำหนดสำหรับบุคคล มิใช่ทรัพย์ คุณสมบัติของบุคคล จึงเป็นเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไปในเรื่องความสามารถที่จะทำนิติกรรมเท่านั้น ซึ่งในเรื่องความสามารถในการทำนิติกรรมของคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่ไม่ได้มีอยู่ตามกฎหมาย ย่อมทำให้อีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่รู้ถึงความสามารถของบุคคลดังกล่าว และได้หลงผิดหรือสำคัญผิดในการทำนิติกรรมสัญญาด้วยแล้ว ย่อมทำให้ฝ่ายที่สำคัญผิดในความสามารถของบุคคลนั้น ชอบที่จะบอกล้างนิติกรรมนั้น ๆ ได้ เพราะเป็นโมฆียะ ตามกฎหมาย (ปพพ.มาตรา 153) แต่ในกรณีที่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ทราบอยู่ถึงความไม่มีคุณสมบัติ ย่อมไม่สามารถยกข้ออ้างดังกล่าวขึ้นมาโต้แย้งอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อบอกเลิกสัญญาได้ แต่มีผลให้สัญญาดังกล่าวบังคับได้ต่อไปโดยฐานบุคคลสิทธิ หรือสิทธิที่มีอยู่เหนือบุคคลต่อไป คราวนี้มาพูดถึงเรื่องทะเบียนอาวุธปืนว่ามีความสำคัญเพียงใด และจะเป็นเงื่อนไขที่จะเป็นผลทำให้การทำนิติกรรมเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ เป็นประการใดบ้าง เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ให้การตรากฎหมาย พรบ.อาวุธปืนฯ ก็พบว่า กฎหมายที่บัญญัติไว้มีเพื่อการแยกอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม ออกจากอาวุธปืนสำหรับประชาชน เท่ากับกฎหมายไม่ได้ห้ามการครอบครองอาวุธปืน หรือการซื้อขายโดยเด็ดขาด การขึ้นทะเบียนตามที่กำหนดในกฎหมาย คือการทำเครื่องหมายลงบนอาวุธปืนฯ เพื่อทราบถึงชนิด ประเภท และจำนวนที่มีอยู่เท่านั้น อันเป็นการควบคุมและทราบถึงรายละเอียดทางสถิติและข้อมูลในทางบริหารเท่านั้น เหมือนอย่างเช่นการขึ้นทะเบียนรถยนต์ การขึ้นทะเบียนอาวุธปืนฯ จึงมิใช่การขึ้นทะเบียนเพื่อกำหนดการครอบครองอย่างทรัพย์สินอื่นๆที่กำหนดไว้ใน ปพพ.มาตรา 456 ก็หาไม่ การซื้อขายโดยการโอนลอยคืออะไร ตามวิธีการซื้อขายอาวุธปืนเป็นการทั่วไป ก็คือ เจ้าของอาวุธปืนที่มีการขึ้นทะเบียนอาวุธปืนไว้โดยชอบตามกฎหมาย ต้องการขายหรือจำหน่ายกรรมสิทธิ์ในอาวุธปืนนั้นๆ ให้ออกไปเสียจากตน จะเป็นด้วยเหตุผลประการใดก็ได้ เพียงแต่ผู้ขายหรือผู้จำหน่ายนั้น ไม่ได้ดำเนินการกระบวนการในทางทะเบียนอาวุธปืนฯให้เสร็จสิ้นไปแก่บุคคลผู้ซื้อ ที่มีหรือไม่มีคุณสมบัติได้รับอนุญาตซื้ออาวุธปืนให้ครบถ้วนตามขั้นตอน กล่าวคือ การปล่อยให้ปรากฏอยู่ซึ่งทะเบียนอาวุธปืนนั้นว่ายังเป็นของเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามความเป็นจริง อันทำให้ยังปรากฏชื่อทางทะเบียน(ควบคุม)นั้นเป็นอย่างเดิมอยู่ต่อไป โดยปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนของพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นไปตามความพอใจของผู้ซื้อที่จะไปดำเนินการหรือไม่ ผลของการทำการซื้อขายด้วยการโอนลอย แท้จริงแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นอยู่แล้วว่า ผู้ขายหรือผู้โอนย่อมต้องรู้ถึงคุณสมบัติของผู้ซื้อหรือผู้รับโอนนั้น ๆ ด้วย จะอ้างว่าไม่รู้ย่อมไม่ได้ ที่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครเชื่อว่าไม่รู้จริง ๆ ดังนั้น กรรมสิทธิ์ในตัวทรัพย์สินหรืออาวุธปืน จึงได้โอนกันไปเป็นที่เรียบร้อยนับตั้งแต่มีการตกลงซื้อขาย นั่นเป็นการว่าไปตามสิทธิของกฎหมายธรรมดา ๆ การซื้อขายที่ต้องห้ามตามกฎหมายและใช้บังคับระหว่างกันไม่ได้ เพราะเป็นโมฆะนั้น ต้องเป็นการซื้อขายที่มีวัตถุประสงค์ของการซื้อขายต้องห้ามตามกฎหมายโดยชัดแจ้ง หรือเป็นการพ้นวิสัย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน (ปพพ. มาตรา 150 ) ถามว่า วัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดคืออะไรบ้าง ก็ตอบได้ว่า วัตถุประสงค์ของการทำนิติกรรมการซื้อขายนั้นทำไปเพื่ออะไร ในกรณีของนิติกรรมซื้อขาย วัตถุประสงค์คือตัวทรัพย์ที่ซื้อขาย นิติกรรมการว่าจ้างศิลปิน วัตถุประสงค์ของนิติกรรมว่าจ้างดังกล่าว คือความสามารถในการแสดง ฯลฯ ดังนั้น การซื้อขายอาวุธปืน วัตถุประสงค์ของสัญญาก็คืออาวุธปืน เมื่ออาวุธปืนนั้น เป็นอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้อง ไม่ใช่อาวุธที่ต้องห้ามในการซื้อขายโดยชอบ หรืออาวุธที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ซื้อหรือครอบครองได้แล้ว ย่อมถือได้ว่า นิติกรรมสัญญาซื้อขายมีวัตถุประสงค์เป็นการชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเป็นสัญญาซื้อขายโดยชอบ แม้ว่าผู้ซื้อจะยังไม่ได้อนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย ก็เป็นเพียงบุคคลผู้ซื้อหรือรับโอนกรรมสิทธิ์ดังกล่าว บกพร่องในคุณสมบัติบุคคลเท่านั้น นิติกรรมยังคงสามารถใช้บังคับระหว่างกันได้ ดังนั้น การโอนลอยเกี่ยวกับอาวุธปืน จึงมีผลใช้บังคับระหว่างกันอยู่ในทางกฎหมาย ปัญหาของการโอนลอย คือการพิสูจน์สิทธิตามสัญญา ที่อาจมีปัญหากระทบกระเทือนแก่ผู้ขายและผู้ซื้อได้ หากบุคคลที่ซื้อหรือรับโอนนั้น ไม่ใช่บุคคลที่มีเจตนาในการทำสัญญาโดยสุจริต ต้องการเพียงทรัพย์สินของบุคคลอื่น ๆ โดยไม่เหมาะสม ย่อมก่อความเดือดเนื้อร้อนใจแก่ผู้ทำนิติกรรมการซื้อขายด้วยวิธีโอนลอยเช่นนี้เสมอ ๆ ผู้ที่ยังประสงค์ทำนิติกรรมเกี่ยวกับอาวุธปืนในลักษณะเช่นนี้ ย่อมต้องรับเอาภาระความเดือดร้อนต่อไปโดยไม่อาจอุทธรณ์ต่อผู้ใดได้ ความเห็นทางกฎหมายที่กล่าวมา เป็นเพียงความเห็นหนึ่งที่อาจเป็นประโยชน์แก่เพื่อนพ้องน้องพี่สมาชิกร่วมเวปแห่งนี้ และมิใช่ความเห็นที่ทุกคนจะเชื่อหรือนำไปอ้างอิงโดยไม่ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อนว่าตนเข้าใจในสิ่งที่อ่านนี้เพียงใด ผมคงต้องจบในเรื่องของการโอนลอยนี้เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ekkawit ที่ ตุลาคม 13, 2005, 03:27:13 PM ;D ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 13, 2005, 03:50:33 PM ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
หัวข้อ: Re: ปรึกษาเรื่อง..การโอนลอย..ครับ เริ่มหัวข้อโดย: SA-KE ที่ ตุลาคม 13, 2005, 04:28:42 PM สำหรับผมเรื่องการโอนลอย....เท่าที่เจอกับประสพการณ์ตัวเอง ไม่ใช่ปัญหาหลัก..ในแง่กฎหมายแต่เกิดในแง่การปฏิบัติ มากกว่า ไม่ใช่เกิดที่ประชาชนที่พยายามทำตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่เกิดที่ผู้ใช้กฎหมายที่ให้ประชาชน ทำผิดกฎหมายเสียเองมากกว่า..
ผมเคยทำเรื่องโอนปืน ต่างจังหวัด ...ผมส่งเอกสารทุกอย่างที่ใช้และสำเนา ป 4 ของผู้โอน พร้อมลายเซ็นรับรอง เพื่อให้ผู้รับโอน นำไปทำเรื่องขออนุญาต ฯ ใบ ป 3 สิ่งที่ได้รับคำตอบออกมาคือ ให้ นำ ป 4 ตัวจริง พร้อมเขียนการโอนและสาเหตุ ราคา ลงชื่อ ทั้งสองฝ่าย ผู้รับโอนและผู้โอน ให้เรียบร้อย หลังจากนั่นจึงจะออกใบ ป 3 ให้ครับ" ....( ส่วนเรื่องการโอนอาวุธปืน ผู้ซื้อ(ผู้รับโอน) พบ ผู้ขาย(ผู้โอน) นั่นอีกเรื่องหนึ่งครับ ) แล้วเป็นท่าน..จะทำอย่างไร?ครับ...ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประชาชนผู้ทำตามกฎหมายครับ... ;) ;) |