..ผมยังไม่ได้อ่าน..รายละเอียดใน อวป.ฉบับที่ ๓๒๗.. แต่ยังมีความเห็นที่แตกต่าง ครับ...
การซื้อขาย สิ่งของที่ กฎหมาย ระบุว่าต้องทำตามแบบ.. กรรมสิทธิ์จะโอนตามกฎหมาย ก็ต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดนั้นเสียก่อน..
กรณีการซื้อขายอาวุธปืนมีทะเบียน.. กฎหมายที่เกี่ยวข้องบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ผู้รับโอนจะต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน ผู้เป็นเจ้าของเดิมจึงโอนอาวุธปืน กระบอกนั้นได้.. การซื้อขายอาวุธปืน จึงจัดว่าเป็นการซื้อขายที่จะทำตามแบบเสียก่อน. จึงจะสมบูรณ์..
แต่ การซื้อขายโดยทั่วไป ถ้ากฎหมายไม่ได้ระบุว่าต้องทำตามแบบ ความสมบูณ์ และกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปทันที เมื่อมีการส่งมอบ และชำระราคากัน..
ปืนเถื่อน กับปืนมีทะเบียน การซื้อขายมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
ปืนเถื่อน ผู้ครอบครองถือว่าเป็นเจ้าของ การซื้อขายไม่จำเป็นต้องทำตามแบบ เพียงส่งมอบการครอบครองถือว่าสมบูรณ์
ปืนมีทะเบียน คือปืนที่อยู่ในระบบทะเบียน ควบคุมโดยถูกต้อง.. กรรมสิทธิ์จะสมบูรณ์ เมื่อได้มีการโอนชื่อทางทะเบียนโดยถูกต้อง และส่งมอบการครอบครองอาวุธปืน ..
ต้องอ่านเสียก่อนแล้วถึงจะเข้าใจ และการออกความเห็นทางกฎหมาย ต้องแม่นยำ กับต้องมีการอ้างอิงตัวบทเพื่อให้ตรวจสอบได้ ไม่เช่นนั้นผู้ที่ไม่รู้แล้วไปเชื่อตามนั้น อาจได้รับความเสียหาย
การซื้อขายทรัพย์สินที่ต้องจดทะเบียนกับเจ้าพนักงานเสียก่อน กรรมสิทธิ์ถึงจะโอนไปยังผู้ขาย คืออสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์เพียง 4 ประเภท ได้แก่เรือที่มีระวาง 6 ตันขึ้นไป, เรือแบบมีเครื่องยนต์ที่มีระวาง 5 ตันขึ้นไป, แพ และสัตว์พาหนะ (ปพพ.มาตรา 456) แต่ไม่มีอาวุธปืน หรือรถยนต์ เหตุผล ให้ไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเอาเอง มีวางบรรทัดฐานเอาไว้มากมาย
ส่วนการซื้อขายสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ กรรมสิทธิ์จะโอนไปทันทีที่สัญญาซื้อขายสมบูรณ์ คือถ้าไม่ถึงห้าร้อยบาท ก็โอนไปทันทีที่ตกลงกันได้ แต่ถ้าห้าร้อยบาทขึ้นไป ก็โอนเมื่อมีการทำหลักฐานเป็นหนังสือ ซึ่งได้แก่การสลักหลัง ป.4 นั่นเอง (ปพพ.มาตรา 456 + 458)
อ้อ กรรมสิทธิ์ มันโอนไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์ แล้วก็ยังไม่ได้จ่ายเงินด้วยครับ (ปพพ.มาตรา 458, 461, 486 )
เรื่องนี้ สพป.จัดทีมศึกษามาหลายเดือน และเคยแจ้งให้ศูนย์บริการประชาชนทราบ ซึ่งทางศูนย์เองก็ยอมรับ แต่ก็ไม่แก้เสียที สพป.จึงต้องบังคับให้มีการแก้ไข โดยคุณเสกกำลังจะยื่นฟ้องศาลปกครองอาทิตย์หน้า เพื่อให้แก้ไขไม่ให้มีช่องโหว่ตรงนี้อยู่อีก