ผู้จัดการรายวัน - กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เข้าที่ประชุม ครม. มีนาคมนี้ หลังได้ข้อยุติเรื่องอัตราภาษี กำหนด 2 อัตรา สิ่งปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัย และที่ดินว่างเปล่า เก็บไม่เกิน 0.1% ส่วนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการพาณิชย์เก็บไม่เกิน 0.3% เพราะสร้างรายได้ต่างกัน หวังสร้างความชอบธรรมให้ประชาชนทั่วไป
หลังจากที่คณะกรรมการกลั่นกรอง ชุดที่มีนายชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อทบทวนเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ... ใหม่ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นแกนหลัก และให้เวลา 90 วัน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา ขณะนี้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานกฤษฎีกา มีความเห็นไปในทางเดียวกันแล้ว รอเพียงให้กระทรวงการคลังเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เท่านั้น
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมจะเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา ภายในเดือนมีนาคม 2548 นี้ หรือ หลังจากที่ตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้น เพื่อให้สามารถเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมแรก และประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
สำหรับร่างกฎหมายนี้ ได้ปรับปรุงเรื่องการกำหนดอัตราภาษี จากที่มอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาอัตราภาษีของตนเอง ในเพดานสูงสุดไม่เกิน 0.1% ของมูลค่าทรัพย์สิน เพียงอัตราเดียว เป็น 2 อัตรา คือ ในส่วนของที่อยู่อาศัย โรงเรือนว่างเปล่าและที่ดินซึ่งมีไว้เพื่อประกอบกสิกรรม ให้จัดเก็บในอัตราไม่เกิน 0.1% ของมูลค่าทรัพย์สิน
ขณะที่ ในส่วนของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีไว้เพื่อการพาณิชย์ ให้เก็บภาษีในอัตราไม่เกิน 0.3% ของมูลค่าทรัพย์สิน เนื่องจากที่ดินเชิงพาณิชย์สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่า จึงควรเสียภาษีในอัตราที่มากกว่า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถือเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่าง กระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงการคลัง เพราะมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยอัตราภาษีที่กระทรวงการคลัง เสนอไว้ในครั้งก่อน คือ ให้มีการจัดเก็บอัตราภาษีในอัตราเดียว คือไม่เกิน 0.1% ของมูลค่าทรัพย์สิน จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ในอัตรา 12.5% ของค่าเช่า แต่กระทรวงมหาดไทยเห็นว่า ควรมีการกำหนดอัตราภาษีมากกว่า 1 อัตรา เพราะการเก็บอัตราเดียวไม่มีความเป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม ได้มีการประมาณการตัวเลขรายได้เบื้องต้น ของการจัดเก็บภาษีตามกฎหมายฉบับใหม่ ว่าหากมีการจัดเก็บภาษีในอัตรา 0.1%จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น 46,891 ล้านบาท หรือหากเก็บในอัตรา 0.05% รายได้จะเพิ่มขึ้น 18,499 ล้านบาท หากจัดเก็บในอัตรา0.025% รายได้จะเพิ่มขึ้น 4,304 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.. ที่จะมีการประกาศใช้ จะส่งผลให้มีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน และภาษีบำรุงท่องที่ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ใหม่ กำหนดให้ องค์การปกครองท้องถิ่น เป็นผู้มีหน้าที่จัดเก็บภาษีทรัพย์สินจากผู้ประชาชนในท้องถิ่น และกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินขั้นสูงสุดจะไม่เกิน 0.1 % และ 0.3% ของมูลค่าทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยและที่ดินว่างเปล่า และที่ดิน สิ่งปลูกสร้างที่มีไว้เพื่อการพาณิชย์ ตามลำดับ ซึ่งได้รับการประเมินโดย สำนักงานที่ดิน กรมธนารักษ์ ธนาคาร และ องค์การปกครองท้องถิ่น
สำหรับการกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีในอัตราเดียว คือ0.1 % นั้น ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เนื่องจากจะเกิดความแตกต่าง ระหว่างสิ่งปลูกสร้างซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ่งปลูกสร้างในทางธุรกิจ เพราะสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกอบธุรกิจก่อให้เกิดรายได้ และสร้างมลพิษมากกว่า
นอกจากนี้ ยังถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้ที่ซื้อบ้านใหม่และสร้างบ้านใหม่รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรร เพราะผู้ประกอบการได้มีการบวกภาษีต่างๆ ไว้ในต้นทุนบ้านก่อนขายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาษี ที่ดิน ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ ฯลฯ จึงเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป
ไม่มั่นใจใช่อันนี้เปล่านะคับ
