
ผมเริ่มงง เมื่อก่อนบอกว่างานบางอย่างที่มันหนัก มันสกปรก หาคนไทยทำไม่ได้ เลยเป็นข้ออ้างให้นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำ
เช่น ลูกเรือประมง ที่คนไทยไม่อยากทำแล้ว
ถ้าจะให้คนไทยทำต้องจ่ายค่าจ้างแพงขึ้น แพงจนถึงระดับที่คนไทยกลับมายอมทำงานหนักเหล่านี้ เพราะค่าจ้างเป็นแรงจูงใจ
เจ้าของเรือบอกไม่ไหว แค่ค่าน้ำมันก็เจ๊กอั้กแล้ว ขอพม่าทำดีกว่า ปลาทะเลก็จะไม่แพงเกินไปด้วยผู้บริโภคไม่ต้องเดือดร้อน
แต่งานเชือดไก่แปรรูปเนี่ย มันหนักจนหาคนไทยทำไม่ได้แล้วหรือครับ
....ถ้าเราไปถามผู้ประกอบการ ทุกคนอยากจ้างคนที่ค่าแรงถูกหมดแหละครับ
ถ้าเราเปิดโอกาสให้เขาเลือก เขาย่อมเลือกจ้างแรงงานต่างด้าวแน่
คำถามคือ เราต้องให้ผู้ประกอบการมีโอกาสเลือกถึงไหนกัน?
คำถามที่สอง แล้วคนไทยเขาไปทำงานอะไรกันน่ะครับ?
ผมถามผู้บริหารบ้านเมืองแล้วกัน
ขอตอบคำถามที่สอง เท่าที่ทราบจากผู้ประกอบการใช้แรงงานต่างด้าว และคาดเดาว่าคนไทยที่หายไปนั้น
มีหลายประเภทนะครับ
1. ไปสมัครทำงานตาม ห้างค้าปลีกหรือสะดวกซื้อ เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ แล้วแต่ความพอใจหรือหนีหนี้ หนีกิ๊ก
2. ขายแรงงานในต่างประเทศ โชคดีก็ได้เงินกลับมา หากโชคร้ายเป็นหนี้กลับมา
3. ประเภทรักที่จะทำชั่วก็เป็นเอเยนต์ค้ายา
4.
ขี้เกียจสุดสุดก็ห่มเหลืองขอข้าวและเงินทำบุญไปวันๆ5. บ้างส่วนก็ร่วมตามม๊อบที่ผ่านมา
สรุปแล้วอนาคตคนไทยเจ้าของประเทศก็ไม่ได้ดีกว่าคนต่างด้าวที่มาแย่งงานทำครับ
เพราะ มีพวกต่างด้าวที่ขยันเก็บเงินเก็บทองก็ให้เงินกับเจ้าหน้าที่ชั่วๆ แอบทำบัตรประชาชนสวมให้
แล้วยังนำพวกญาติพี่น้องมาทำงานทำธุรกิจ ต่อไปคงได้เห็นพวกนี้จ้างงานคนไทยสกปรกบ้างในไม่ช้าครับ
ถามว่าจะแก้ที่ตรงไหน คงตอบว่าต้องแก้ที่ตัวคนไทย และครอบครัวที่ปลูกฝังพวกเขาก่อนครับ

สีแดงนี่ผมว่าไม่ค่อยเข้าท่านะครับ ถ้าท่านหมายถึงพระภิกษุสามเณรในศาสนาพุทธ กรุณาลบเถอะครับ ผมขอร้อง::014::
ควรจะเอาความจริงถึงการเข้าถึงหลักศาสนาพุทธดีกว่า อย่าหยุ่มหยิมกับคำที่ผมกล่าวให้ทุกข์ใจท่านเลยครับ
คนห่มเหลืองแล้วมาทำลายพุทธศาสนานั้นมีมาตั้งแต่สมับพุทธกาลแล้วครับ ซึ่งต่างกันกับพระภิกษุหรือสามเณร
ผู้บวชเรียนและปฎิบัติดีปฎิบัติชอบครับ ควรจะต้องแยกแยะด้วยปัญญาแล้วกำจัดคนห่มเหลืองเหล่านั้น
แทนการไม่ให้กล่าวหรือ ปกป้องทุกคนที่ห่มเหลืองให้ทำลายพุทธศาสนาต่อไปจนเสื่อมดีรึครับ
ไม่ต้องกล่าวถึงพวกผิดเพศแล้วอาศัยผ้าเหลืองทำลายพุทธศาสนารายวัน เอาเข้าประเด็นเขมรแล้วกัน
มีทหารเขมรปลอมตัวเป็นพระอาศัยในวัดแก้วสิขา บนเขาพระวิหารพร้อมจะยิงทหารไทย หรือ เป็นสายลับ
มาหาข่าวตามค่ายทหารละครับ ท่านคิดว่าอย่างไรครับ ควรจะแยกแยะหรือเหมาว่าเป็นพระภิกษุสามเณรดีครับ
แบบนั้นน่าจะเรียกว่า ขี้เกียจสุดๆก็ปลอมเป็นพระมาขอเรี่ยไรเงินทำบุญมากกว่านะครับ
ส่วนทหารเขมรที่ปลอมเป็นพระมาหาข่าวนั้นมันก็ใช่พระปลอมครับ แต่ผมมองว่ามันคนละประเภทกับพวกที่ปลอมเป็นพระมาเรี่ยไรครับไอ้พวกนี้ขี้เกียจทำงาน แต่ไอ้พวกทหารเขมรมันทำเพื่อชาติของมันๆก็ต้องหาวิธีต่างๆสุดแท้แต่มันจะคิดได้เพื่อให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายประสบความสำเร็จครับเช่นเดียวกันถ้าผมเป็นมันผมก็ไม่เลือกวิธีเหมือนกันครับเพราะเป็นการทำเพื่อชาติ
