เป็นคนมีสองบ้าน

แต่โดยรวมก็ดีนะ
บ้านพักที่กรุงเทพ( ว่าไปแล้วก็ ชานเมือง ) เป็นบ้านเดี่ยวกลางทุ่งนา หลังเดียว โดดโดด ฉากหลังแบบขวัญกับเรียม ไม่มีข้างบ้านติดอ่ะ ...ปัญหาข้างบ้านเลยไม่มี
มีแต่ปัญหาในบ้านแทน กลัวโขมย เลยมีคุณสุนัข 5 ตัว ถัดไปอีกสักร้อยเมตร เป็นบ้านญาติ ก็โอเคดี เป็นเพื่อนคุย ปะป๊า หม่ามี้ ยามเฉาปาก เมื่อเบื่อที่จะคุยกับหมาแล้ว
ส่วนบ้านพักต่างจังหวัดที่ทำงานเป็นบ้านหลวงให้อาศัย เพื่อนบ้าน ก็เป็นคุณนายหมอๆ(เพราะหมอเอาแต่เวลาทำร้านเหมือนเราเลยกลับบ้านค่ำมาก ไม่เห็นดาวกลับไม่ถูก)
อยู่ติดกันเป็นหลังๆ ไม่มีรั้วกั้น พึ่งพาอาศัยได้ ขนาดเราเฟอะฟะ ลืมปิดประตูรถยนต์จอดทิ้งไว้เพราะเอ๋อ...รับประทาน เจ้าเด็กเขมรข้างบ้านยังโทรไปตาม...
บางเสาร์ รีบกลับ กท. จนลืมเสื้อผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน ถ้าเค้าบังเอิญไปเก็บมะนาวบ้านเรา เค้าเห็นเค้าก็จะเก็บให้ อิ อิ อิ (สุดจะน่ารัก)
แต่ บางทีก็ลืม ก็จะมีเด็กติดกาวไม่ได้รับเชิญ จิ๊กเสื้อ ผ้า หรือ ผ้าขนหนูไปบ้าง ประปราย ได้บริจาคทานเสมอ เสมอ

บ้านคุณหมอที่ติดกันอีก เลี้ยงสุนัข บางที มันก็คาบผ้าอ้อมเด็กที่ใช้แล้วมาฉีกหน้าบ้าน ตื่นเช้ามาก็ต้องเก็บ โดยธุระไม่ใช่ อยู่หลายวัน
พอเริ่มไม่ไหว ไม่ไหว ก็บอกกล่าวแซวกันบ้าง ว่าคุณแม่ที่มีลูกทั้งหลายช่วยเก็บให้ดีหน่อยนะจ๊ะ เค้าอุส่าห์เป็นโสดแล้วนะจ๊ะ... วันต่อมาก็ไม่มีแล้ว
เพิ่งซื้อกุหลาบ กำลังออกดอก ชื่นชมได้หนึ่งวัน นิ ก็มีอัน แชว๊บ...ตัดโกร๋น ตายไปโดยเด็กชายวัยซนบ้านหลังถัดไปในวันรุ่งขึ้น
ก็ต้องเข้าใจ ว่าบ้านหลวงอ่ะนะ เด็กบางทีมันก็น่ารัก เป็นเพื่อนเล่นสนุกแก้เหงา บางทีมันก็ซนตามประสา เด็กไม่ได้ ปัญญาอ่อนนิ
ก็จะมี ทั้งส่วนดี และไม่ดี แต่อยู่กันได้ดี มีความสุข
ด้วยความพยายามเข้าใจ ถ้อยที ถ้อยอาศัย พึ่งพา