ขอบคุณครับ บ้านเมืองเขายังสะอาดเหมือนเดิม

.. ผมไปครั้งสุดท้ายเมื่อปี ๒๕๔๓

แหล่มเลย
แต่ เงียบเหงาจัง
บ้านเมืองเค้าสะอาดดีนะครับ ผิดกับบ้านเรา....

ถ้าไม่นับครั้งนี้ ผมไปครั้งก่อนหน้านี้ก็แถวๆปี 47 มั้งครับ สะอาดจริงๆครับ ผมเห็นหลายๆอย่างที่พัฒนาไปกว่าบ้านเรา อดีตนายกฯมหาธีร์ท่านทำไว้ดีจริงๆครับ อย่าง Putra Jaya นี้ ของเราก็คงคล้ายๆ ศูนย์ราชการ ที่แจ้งวัฒนะ เราเอาง่ายเข้าว่า จับไปลงแจ้งวัฒนะ จนรถราติดกันหนักเข้าไปใหญ่ วิธีการของเค้าที่ทำดูเหมือนเป็นการหาทำเลใหม่ใหญ่ที่ห่างออกไป ไกลจากบริเวณแออัด แล้วสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก ประชาชนยังไปติดต่องานได้ ระยะทางไกลขึ้นหน่อย แต่รถราไม่ติด ถ้าเป็นบ้านเราอาจจะคล้ายๆหาที่ปริมณฑลแปลงยักษ์ๆเปลี่ยวๆแล้วตัดถนนใหญ่ๆอย่างนี้เข้าไปในเมืองใหม่ ไม่ใช่สร้างเมืองใหม่ใหญ่ๆริมถนนที่มันติดอยู่แล้วอย่างที่เราทำ
ทีคุณ Yod ว่าเปลี่ยวคงจะเพราะตอนนั้นเป็นเวลาเลิกทำการแล้วมั้งครับ แต่ถึงกระนั้น เวลาเดียวกันนี้ถ้าเป็นแถวศูนย์ราชการบ้านเรานอกจากจะไม่เหงาอย่างนี้แล้วยังจะติดหงิกด้วยซ้ำมั้งครับ เลยมาหน่อยแถวรังสิต-นครนายก ที่ไม่ใช่กทม.แล้ว ติดหนักไม่แพ้สีลมครับ คนที่ไปทำงานตอนเช้าใช้เวลากว่า 1 ชม.กับระยะทาง 4-5 กม. ครับ
นอกจากนี้ ระหว่างที่เดินทางบนทางด่วน สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ เนินเขาสีเขียว อย่างกับขับรถออกนอกเมือง มีอุโมงค์แห่งนึงที่เราลอดข้ามไปอีกฝั่ง เค้าเล่าให้ฟังว่า อุโมงค์นี้มี 3 ชั้น ชั้นล่างสุดไว้ระบายน้ำ ชั้นถัดมาให้รถวิ่งจากฝั่งนี้ไปฝั่งนั้น ชั้นบนสุดก็ให้รถวิ่งจากฝั่งนั้นมาฝั่งนี้ ที่เด็ดคือ เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่การระบายน้ำไม่ทัน เค้าจะปิดสองชั้นบนไม่ให้รถวิ่ง แล้วใช้เป็นช่องทางระบายน้ำเลย โคมไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นแบบกันน้ำทั้งอุโมงค์ สินค้าที่เราไปเอามาขาย เป็นสินค้าด้านวิศวกรรม ซึ่งเค้าเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง ผลิตขายในยี่ห้อของตัวเอง (คล้ายๆกับที่บราซิลมี Taurus ทำนองนั้นเลยครับ) ไม่ใช่รับจ้างผลิตอย่างที่เราผลิตรถยี่ห้อญี่ปุ่นส่งออกแล้วคุยว่าจะเป็นดีทรอยท์เอเชีย แม้เรื่องรถ เค้าก็มี PROTON กับอีกยี่ห้อนึงที่เป็นแบรนด์มาเลเซียอย่างที่เราก็เริ่มซื้อใช้ของเค้ามากขึ้นเรื่อยๆแล้วไงครับ
แค่กล้องคอมแพ็คก็ถ่ายได้เยี่ยมครับ...

สวยงามมากครับพี่หมู

ขอบคุณครับ ที่จริงดูดีๆหรือถ้าเอาไฟล์มาขยายจะเห็น Noise นะครับ ในความมืดไงครับ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของกล้องคอมแพคท์(ที่เซนเซอร์เล็กและภาคประมวลผลด้อยกว่ากล้องใหญ่) แต่เป็นตัวอย่างที่ดีว่า หากเรารู้วัตถุประสงค์การถ่ายภาพว่าเอาไปใช้งานสำคัญขนาดไหน เราก็อาจจะไม่ต้องใช้กล้องแพงเลย กล้องถูกๆก็ให้ภาพที่ดีพอ (กับความต้องการใช้งาน) ได้ ผมจึงไม่ค่อยยุให้ใครซื้อของแพงโดยไม่จำเป็นครับ ( กลัวมีของดีกว่าเรา ฮ่าๆๆ

)
การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์น่าจะเป็นการถ่ายภาพที่ไม่ต้องใช้กล้องแพงๆเลย เพราะมุมถ่ายมักจะกว้าง ทำให้ใช้ชัตเตอร์สปีดต่ำได้ ISO ไม่ต้องเร่งสูง (เว้นกรณีนี้ที่ผมถ่ายกลางคืน) มีเวลาจัดองค์ประกอบภาพนานพอ (ถ่ายกีฬาตรงข้ามกัน) ถ้าต้องการใช้ขยายภาพใหญ่ก็ใช้ DSLR หรือ Mirrorless (กล้องที่เซนเซอร์ใหญ่หน่อย) แต่ถ้าไม่ต้องขยายใหญ่ก็สามารถใช้แค่กล้องคอมแพคท์หรือ DSLR Like ก็เหลือเฟือ ขอว่า
1) อย่าให้ภาพสั่นไหว (เนื่องมาจากชัตเตอร์สปีดต่ำไป)
2) อย่าให้โฟกัสหลุด
3) วัดแสงให้พอดี ก็ได้ภาพที่คมชัดแล้ว
4) สุดท้ายที่จะทำให้ภาพสวยงามน่าดูก็คือการจัดองค์ประกอบภาพ ซึ่งคนที่ถ่ายบ่อยๆและได้ดูภาพสวยๆจากคนเก่งๆมากๆจะพัฒนาได้ทุกคนครับ