ตอนนี้ผมเชื่อว่าหลายท่านกำลังมองที่ผมพูดถึงไปในเรื่องได้เปรียบ เสียเปรียบ เอาเปรียบหรือเรื่องกการแต่งปืนกันสะแล้ว

...จริงๆนั้นเนื้อแท้เริ่มต้นเกิดจากการตรวจปืนที่ผมไม่ได้ลงแข่ง แต่มันเกิดข้อติดใจเรื่องกฎ เพราะวรกฤษเอามาถามนำ ในตอนแรกผมโทรคุยกับพี่อ๋องแต่ต่อมาผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกท่านที่จะมาถกกันเพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานเดียวกันกับนักกีฬาที่เข้าแข่ง ย้ำนะครับว่า..ผมไม่เคยเข้าแข่งดิวิชั่นนี้เลย...แต่ที่ผมถามเรื่องนี้และค้านเรื่องนี้เพราะเมื่อถกแล้วต้องไปถกจนเห็นผล ซึ่งผมยอมรับว่าเมื่อเห็นว่าผมเข้าใจไม่ถูกต้องผมก็ยอมรับได้ครับ...การที่ทำกริปปืนนั้นวัตถุประสงค์ทุกคนทราบดีว่าเพื่อกันลื่น ไม่ได้เพื่อประโยชน์อื่นใดซ่อนเร้น กฎก็มองที่จุดนี้เป็นหลัก ทีนี้จากการถกกันเรื่องนี้มันเริ่มถูกมองว่าทำเพื่อการเอาเปรียบกันขึ้น ซึ่งถ้ายิง IPSC มาแล้วผมเชื่อว่าการทำประกับด้าม ไม่ว่าถูนิด เพิ่มหน่อย ไม่ได้ทำให้ชนะและไม่ทำให้ได้เปรียบ เสียเปรียบกันครับ ถ้าพูดถึงได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ผมต้องเอาที่ อ.ใหม่เขียนไว้ว่า แต่งไกปืน ตัดสปริงและอื่นๆตามที่ อ.ใหม่เขียนไว้ นั่นมีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบมากกว่า และในความเห็นผมนั่นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากเหตุผลที่ผมเขียนและคนอื่นๆเขียนนั้นยังไม่เป็นที่รับได้ของคนคุมกฎ ผมก็อยากให้นักกีฬาที่อ่านแล้วทำตามที่พี่อ๋องบอกเนื่องจากเป็นผู้ควบคุมกฎ ยอมรับหรือไม่ก็ต้องรับ

ก่อนจนกว่ามีเหตุการณ์อื่นมาขัดแย้งหรือพี่อ๋องมีความเห็นเป็นอื่น...ผมบอกแล้วว่าถกกันด้วยเหตุผลไม่เอาจิตใจอื่นเข้ามาเกี่ยว มันไม่มีการทะเลาะกัน สมาคมถึงเจริญ ไม่ใช่ถกเถียงแพ้หรือผิดพลาดแล้วไม่ยอมรับ ผมถือว่าไม่ใช่นักกีฬาครับ
ดังนั้น...อย่ามองถึงการได้เปรียบ เสียเปรียบ...จงมองถึงผลลัพธ์ที่ได้ครับ...ทุกคนได้ความคิดเห็นแต่ละฝ่าย ได้ฟังเหตุผลของอีกฝ่าย ชอบหรือไม่เมื่อผลออกมาต้องรับครับ..จนกว่ามีเหตุผลอื่นเข้ามาหรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นค่อยมาว่ากันใหม่เป็นเรื่องๆไปครับ
สงสัยว่าการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกติกา Production จะก่อให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นการโจมตี NROI Thailandไปเสียแล้ว
ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ
การที่เราทุกคนแสดงความเห็นในที่นี้ เวปนี้ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับกติกา ก็ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น เพราะคนที่ตัดสินไม่ใช่ NROI Thailand แต่เป็นคนเขียนกฏที่อยู่เมืองนอก ซึ่งผมมองว่าไม่ดีนัก คนเขียนกฏควรฟังเหตุผลรอบๆตัวมากกว่านี้ ผมเคยถามเรื่องทำนองนี้ไป คนเขียนกฏย้อนมาเป็นทำนองว่า "ถ้าคุณเก่งจริง คุณก็ลองเขียนกฏชนิดที่ไม่มีคำถามอีกเลย ไม่มีข้อโต้แย้งจากใครๆอีกเลย" เป็นโจทย์ที่ไม่มีคำตอบแน่นอน แต่ถ้าบอกว่า "ให้เขียนกฏที่มีคำถามน้อย มีข้อโต้แย้งน้อย" อันนี้ยังพอที่จะช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนได้ แล้วคนที่จะคิดและเขียนกฏได้ดีที่สุดคือใครกันหล่ะ แน่นอนก็ต้องเป็นคนเดิมที่ทำเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะมีประสบการณ์มากที่สุด รู้ว่านักกีฬาจ้องจะหลบเลี่ยงอย่างไรมากที่สุด ขอเพียงคนเขียนกฏเปิดใจให้กว้าง ลดทิษฐิลงบ้างเท่านั้นเอง
ข้อความของ นู๋โบว์ก็ยืนยันแบบเดียวกันครับ
พี่อ๋องเป็นแค่คนคุมกฎของไทย แต่ไม่ใช่คนเขียนกฎนะเจ้าคะ ทุกครั้งที่มีเรื่องถกเถียงกัน เขาก็ติดต่อไปหาคนเขียนกฎ ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับฟังอะไรจากใคร บางเรื่องเมล์ไปหาคนเขียนกฎไม่ตอบ ก็ต้องโทร.ไปหาเลย จะได้คำตอบมาให้สมาชิกได้ทันใจ หลายครั้งที่คนคุมกฎกับคนเขียนกฎก็คิดเห็นไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายคนคุมกฎก็ต้องยึดถือปฏิบัติตามคนเขียนกฎเจ้าค่ะ ฉะนั้นถ้ามีท่านใดมีข้อสงสัยในเรื่องกฎ ก็สามารถสอบถามกับพี่อ๋องในฐานะตัวแทนผู้คุมกฎประเทศไทย แล้วเขาจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนไปสอบถามกับคนเขียนกฎ ว่าสิ่งที่สงสัยกันอยู่นั่น สามารถทำได้ ทำไม่ได้ และมีคำอธิบายอย่างไร
แต่การที่เราเสนอความคิดเห็นว่าสิ่งที่น่าจะเป็นคืออะไรตามความเชื่อของเราเอง หากมีผู้ที่เห็นด้วยอาจแค่บางส่วนหรือทั้งหมดก็แล้วแต่ และผู้นั้นมีโอกาสในการสื่อสารกับผู้เขียนกฏในโอกาสต่อไป ก็อาจเป็นการกระตุ้นให้ผู้เขียนกฏหาข้อสรุปหรือเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือ การที่อนุญาติให้เปลี่ยนศูนย์ไฟเบอร์ออปติกได้ ผมถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีมาก แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรห้ามใช้ศูนย์ไฟเบอร์ออปติกจนกว่าปืนที่ผลิตและขายในท้องตลาดทั่วไปหลายๆๆๆยี่ห้อจะใช้ศูนย์ชนิดนี้อย่างแพร่หลาย จึงค่อยแก้กฏให้ใช้ศูนย์ไฟเบอร์ออปติกได้ คือให้มันกลายเป็น Production ด้วยตัวมันเองเสียก่อน ไม่ใช่ให้ผลิตปืนออกมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อการแข่งแบบ Production
เอาหล่ะครับ น่าจะหยุดเสียทีเดี๋ยวจะก่อให้เกิดความหงุดหงิดกับเพื่อนๆร่วมเวปไปเปล่าๆ