ผมว่าเรื่องยึดปืนมันไม่สามารถทำได้อยู่แล้วครับ
อย่างที่มีออกมาว่าจะเก็บปืนยาวยังไม่สามารถทำได้เลย ไม่มีใครยอมอยู่แล้วครับ

หากจะทำจริงๆก็ย่อมได้ครับ... ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนเลือกเข้ามา, เรื่องใหญ่กว่านี้ยังทำได้ครับ เช่นเรื่องทรัพยากรของประเทศ(น้ำมันในอ่าวไทย), เรื่องการจัดการกองทุนน้ำมัน, เรื่องภาษีรถยนต์ ฯลฯ...
เรื่องต่างๆข้างบนเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องอาวุธปืนตั้งแยะ เพราะกระทบกับผู้คนและระบบเศรษฐกิจในวงกว้างกว่า เขายังสามารถทำได้ครับ... ที่ยังไม่แตะเรื่องอาวุธปืนก็คงเป็นเพราะไม่มีผลประโยชน์อะไรเป็นน้ำเป็นเนื้อเหมือนเรื่องข้างบนมากกว่าครับ(ผลประโยชน์เป็นตัวเงิน กับผลประโยชน์หาเสียงกับรากหญ้า)...
ยืนยันว่ายากครับ เพราะปืนอยู่ในมือเรา อยู่ในบ้านเรา
พอออกนโยบายเก็บปืนปุ๊บ สิบเวร คงรับแจ้งความปืนหาย ปืนหาไม่เจอกันวันละเป็นร้อยคดี
เรื่องใหญ่ๆ ที่พี่สมชายบอก มันเป็นเรื่องขององค์กรและโครงสร้าง
ยึดองค์กรได้ ทำอะไรก็ได้ ขอให้คนในองค์กรระดับHead เป็นของเรา ก็ยึดองค์กรได้แล้ว
(อันเป็นที่มาของCEO)
สู้เรื่องเล็กๆในบ้านไม่ได้หรอก ทำยากครับ
สมมติว่าออกกฎหมายได้ปุ๊บ... เก็บปืนไม่ได้จริงๆเพราะม้ามันตะกุยดินหนีหายจ้อย, แต่ปืนทุกกระบอกจะกลายเป็นของผิดกฎหมาย กระสุนหาไม่ได้ สนามยิงปืนไม่มี ปืนที่มีอยู่ก็จะอยู่ได้เท่าที่มีกระสุนยังไม่หมดหรือเสื่อมสภาพตามกาลเวลา...
แล้วมันก็เหมือนกับอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ที่จะหลงเหลืออยู่แต่ในมือของมิจฉาชีพ, แต่ปืนที่เคยเป็นของถูกกฎหมายก็จะถูกนำมาใช้งานได้แค่ครั้งเดียวเหมือนเหล็กไนผึ้ง ที่ใช้ครั้งเดียวในชีวิตแล้วผึ้งตัวนั้นก็จะตาย... เจ้าของปืนสามารถใช้งานปืนของตัวเอง แต่ใช้แค่ครั้งเดียวในกรณีทางเลือกครั้งสุดท้ายเพื่อป้องกันชีวิตแล้วก็ติดคุก(ฐานปืนเถื่อน)...
อย่างนี้หากบอกว่าทำไม่ได้มันก็ไม่เต็มปากน่ะครับ เพราะปืนที่มีก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว, ปืนจะยังคงอยู่เฉพาะแต่ในมือของอภิสิทธิ์ชน ทำนองเดียวกับรถยนต์หลวง(ส่งลูกไปโรงเรียน) ปืนหลวง(เอากลับบ้านได้ด้วย) น้ำมันหลวง(บอกว่าไปตรวจท้องที่)... ส่วนประชาชนธรรมดา ก็จ่ายภาษีไป...
รัฐบาลนี้กล้ามากกว่าที่เราคิดเอาไว้มากครับ... มาตราที่ 1 ของรัฐธรรมนูญนั่นแหละ ระวังจะโดนแก้ไขโดยรัฐบาลจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ(แก้ตรง จชต.)...