ก่อนหน้าที่จะมีข่าวตามที่ จขกท. นำมาอ้าง สำหรับ เรื่องจอดรถบนทางด่วน หรือในสถานที่ห้ามจอดในที่ต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ที่จอดรถปกติ
ในสภาพที่น้ำยังท่วมไม่มากนักอย่างเช่นปัจจุบัน ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ซึ่งสาเหตุ คืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการใช้รถของผู้อื่น
ในสภาพที่ยังใช้ช่องทางอื่นได้หรือแม้กระทั่ง ในกรณีการใช้รถฉุกเฉิน เพื่อช่วยเหลือในกรณีน้ำท่วม และการจอดรถบนทางด่วนต่างๆ ณ ขณะนั่น
มีการห้ามมิให้จอด ถึงกับมีข่าวว่า มีการยกรถของผู้ที่นำรถมาจอดในที่ต้องห้ามดังกล่าวไปหลายสิบคัน โดยมีข่าวออกมาในทำนองว่า
หากผู้ใดหารถของตัวเองไม่เจอหลังน้ำรถ ให้ไปติดต่อ จนท. ที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งผู้ที่จอดรถบนสถานที่ดังกล่าว ยังเคยมีข่าวว่า เขาบางคนยอมเสียค่าปรับไม่กี่ร้อย
ดีกว่ายอมจอดให้น้ำท่วมรถ ซึ่งต้องเสียเวลาซ่อมรถในราคาที่สูงกว่า
กว่าที่ทาง จนท. จะออกมาประกาศดังกล่าว ผมเข้าใจว่า มันมีการพัฒนาของเหตุการ์ณ จากไม่ควร จนกระทั่งกลายเป็นควรหรือยอมที่จะให้กระทำ
ส่วนในเรื่องภาษาที่ใช้สื่ออกมา โดยส่วนตัวผมไม่ได้จริงจังโดยเฉพาะในแค่หรือเพียงประโยคที่ว่า "
ถูกต้อง"..หรือ "ไม่ถูกต้อง" เพียงอย่างเดียวหรอกครับ
มันอาจจะมีหลายอย่างในเงื่อนไขที่ ปนกันไป สำหรับสาเหตุที่คนส่วนหนึ่งนำรถขึ้นไปจอดบนนั่น แต่ในสภาวะปัจจุบัน อาจจะกล่าวได้ไม่เต็มปากมากนัก
ว่าคนเหล่านั่นจะเห็นแก่ตัวไปทั้งหมด ส่วนท่านที่คิดดีทำดีแล้วและแก้ปัญหาในทางด้านอื่นได้ ก็ขอแสดงความนับถือด้วยครับ ...

สรุปในมุมมองสำหรับประเด็นนี้ สำหรับผม ผมเห็นด้วยกับ "พี่ Ro@d " ในแง่ของการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าใครจะอ้างหลักนิติศาสตร์ หรือ รัฐศาสตร์
แต่องค์ประกอบของเหตุการ์ณ มีที่มาที่ไป มันมีองค์ของเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นเป็นคำตอบอยู่ในตัว
ที่สำคัญ "
เจตนา" ต่างหากที่จะเป็นตัวชี้วัดของการบังคับใช้กฎหมาย และมีผลกระทบ ต่อสิ่งอื่นมากน้อยแค่ไหน?
หากบ้านเรา คนส่วนใหญ่สามารถคิดได้และคิดเป็น รวมทั้งกระทำได้จริงเช่นคนในทีนี้ ปัญหาต่างๆที่มันเหมือนปัญหาโลกแตกสำหรับบ้านเรา ..คงไม่เป็นดังเช่นทุกวันนี้หรอกครับ..

อ๋อ..คุ้นๆกับ เรื่องเล่าของป้า...อ่านแล้วเจ็บดีครับ..+1...
