ต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทย มีบางส่วนที่ทำตัวไม่น่ารัก.....แต่พวกนี้เข้ามาใช้ทรัพยากรไม่ต่างกับคนท้องถิ่น ใช้กินใช้อยู่ไม่ต่างกับคนไทยนักโดยใช้เงินเข้าแลก มาแล้วก็กลับ.....พวกนี้น่าเกลียดแต่ไม่น่ากลัว
แต่ต่างชาติเกรดดีๆพวกที่นอนโรงแรม 4-5 ดาวบางกลุ่ม ดูดีแต่น่ากลัว .....ผืนแผ่นดินไทยตกอยู่ในมือของกลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่น้อย และเป็นอยู่ต่อไปเรื่อยๆ...พวกนี้ภาพพจน์ดูดีแต่น่ากลัว
นิติกรรมอำพราง ขายที่ดิน 1 ใน 3 ของแผ่นดินไทยในมือต่างชาติhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000035809เป็นเรื่องของนอมินี่ครับ 49 เปอร์เซ็นต์, บริษัทมีหุ้นใหญ่เป็นคนไทยคือ 51 เปอร์เซ็นต์ก็สามารถถือครองที่ดินได้เป็นของบริษัท แต่ห้ามยุบบริษัท เพราะไม่งั้นก็จะถือครองไม่ได้... ทีนี้ 49 เปอร์เซ็นต์ที่ว่านี่หากจะเอาเรื่องกันจริงๆ ก็มีวิธีจัดการพิสูจน์ฯ แล้วก็อาจโดนบังคับใช้กฎหมายได้ ถึงแม้จะเลี่ยงด้วยการถือหุ้นซ้อนสองสามชั้น แล้วชั้นสุดท้ายไปอยู่ที่ Tax Heaven ทั้งหลาย...
ส่วนวิธีที่สองคือผ่าน พรบ. ส่งเสริมการลงทุน อันนี้เป็นกฎหมายพิเศษ... ถึงแม้บัตรส่งเสริมการลงทุนจะมีอายุสิทธิประโยชน์ก็ตาม แต่สิทธิประโยชน์เรื่อง Non Tax นี่ไม่มีอายุ เพียงแต่ความได้เปรียมเชิงภาษีจะไม่เหลือแล้ว, แต่สรุปก็คือห้ามปิดบริษัท ปิดเมื่อไหร่ก็ห้ามถือครองที่ดิน...
ทั้งสองเรื่องข้างบนเป็นการถือครองที่ดินผ่านนิติบุคคลครับ, จะใช้อยู่อาศัยได้ก็แค่ตามจำเป็น แล้วโดยปรกติมักอนุญาตไม่มาก หรือไม่ก็ล้อมรั้วเดียวกับกิจการไปเลย ซึ่งบริษัทก็ถือครองอยู่ดี... มีอีกเรื่องนึงถือครองที่ดินในชื่อคน โดยต้องเอาตังค์มาซื้อคอนโด, นั่นคือถือครองคอนโด ไม่ใช่ที่ดิน...
เรื่องการถือครองที่ดินตามบทความที่อ้างถึงข้างบนนั่นไม่น่าหนักใจครับ เพราะเป็นชื่อกิจการ และบังคับให้ต้องรันกิจการตลอดเวลาจนกว่าจะปิดบริษัท ก็ต้องถอนยวงกลับไป... หรือไม่ก็ให้ลูกที่เกิดในไทยรับช่วง ซึ่งเกิดในไทยก็กลายเป็นคนไทยไปแล้ว(เหมือนลูกคนงานเขมรนั่นแหละ)...
ส่วนการถือครองตาม พรบ.นิคมอุตสาหกรรม... นั่นก็เหมือนตาม พรบ. BOI เกือบทั้งหมด, คือบังคับให้ต้องรันกิจการตลอดเวลา เลิกเมื่อไหร่ก็ถอนยวงครับ...