ผู้ประกอบการรถสองแถวมินิบัส-รถร่วม บขส.ได้ปรับราคา 15 พ.ค.นี้กรุงเทพฯ 25 เม.ย.- นายสรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธาน
คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง มีมติพิจารณาแบ่งเป็นรถที่วิ่งในกรุงเทพฯ และ
ปริมณฑล หรือรถเมล์ ขสมก. หรือรถร่วมร้อยละ 75 ปรับมาเป็นรถเอ็นจีวีแล้ว ที่เหลือร้อยละ
25 ส่วนใหญ่เป็นรถของ ขสมก. ดังนั้น รถประเภทนี้ยังไม่ปรับราคาในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเห็นว่าการจะปรับขึ้นราคาจะต้องพิจารณาตามต้นทุนราคาเอ็น
จีวีในอนาคต ดังนั้น จึงพิจารณาอนุมัติว่าหากราคาเอ็นจีวีปรับขึ้นในอนาคตมาอยู่ที่กิโลกรัม
ละ 9.50 บาทเมื่อใด จึงจะมีอนุมัติให้ปรับราคา โดยผู้ประกอบการสามารถปรับค่าโดยสารได้
ในส่วนของรถร้อนอีก 1 บาท รถปรับอากาศระยะละ 1 บาท โดยจะไม่กำหนดกรอบระยะเวลา
ปรับขึ้น แต่หากแตะระดับราคาเมื่อใด กรมการขนส่งทางบกสามารถออกประกาศให้ปรับราคา
ได้ทันที
ส่วนรถโดยสารประเภทอื่น เช่น รถสองแถวในซอย ที่ผ่านมามีการเก็บค่าโดยสารยังไม่เข้า
หลักเกณฑ์ เช่น บางราย 6-7 บาทแต่ได้กำหนดใหม่ให้เป็น 7 บาทเหมือนกัน และหากรถที่
วิ่งหลังเวลา 22.00 น. ถึง 05.00 น. สามารถเก็บเพิ่มได้อีก 2 บาท รวมเป็น 9 บาท รวมทั้ง
ผู้ประกอบการรถมินิบัส เดิมเป็นรถสองแถวแต่มีการลงทุนเพื่อปรับปรุงสภาพรถใหม่และเดิม
เก็บค่าโดยสาร 6.50 บาท ถือว่าต่ำกว่าต้นทุนอย่างมาก จะพิจารณาให้ปรับราคาเป็น 8 บาท
ส่วนผู้ประกอบการรถตู้ ส่วนใหญ่ใช้เอ็นจีวี ไม่อนุมัติให้ปรับราคา

ขณะที่รถบริการวิ่งระหว่างจังหวัดทั้งรถ บขส. และรถร่วมบริการ ส่วนใหญ่ใช้ดีเซล คณะกรรม-
การจึงอนุมัติให้ปรับราคาค่าโดยสารได้สูงสุดไม่เกิน 40 สต.ต่อ กม. โดยแบ่งช่วงการพิจารณา
เป็น 4 ช่วง ตั้งแต่ 1-40 กม.แรก ปรับราคาได้ 4 สต.ต่อ กม. ตั้งแต่ 40-100 กม. 100-200 กม.
และ 200 กม.ขึ้นไปจะปรับตามสัดส่วนเช่นเดียวกัน แต่จะไม่ถึง 4 สต.ต่อ กม.
ทั้งนี้ จะปรับราคาได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนการที่คณะกรรมการปรับราคาค่า
โดยสารรถวิ่งระหว่างจังหวัดไม่เท่ากับผู้ประกอบการเรียกร้องนั้น เชื่อว่าจะพอรับได้ เพราะพิจาร-
ณาจากต้นทุนแท้จริง และข้อมูลที่ผู้ประกอบการรายงานให้คณะกรรมการทราบสำหรับการปรับ
ราคาค่าโดยสารในส่วนของผู้ประกอบการรถ ขสมก.และรถร่วมบริการที่อ้างอิงราคาเอ็นจีวี 9.50
บาทต่อ กก.จึงจะให้ขึ้นราคานั้น เรื่องนี้ อยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียด.- สำนักข่าวไทย

ข่าวจาก
msnข่าว