เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 25, 2025, 11:05:06 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปากกาวิเศษ จาก U.S.A.  (อ่าน 3971 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
#โชกุน#
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Full Member
***

คะแนน 106
ออฟไลน์

กระทู้: 242



« ตอบ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 04:40:54 PM »


ชอบครับ +1 ให้  Cheesy
บันทึกการเข้า

___________________________________________________________ _____________
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 04:55:19 PM »

เพิ่งเข้ามาอ่านครับ...

บังเอิญนายสมชายผ่านโลกมา 2 ด้านที่สุดโต่งกัน คือจบปริญญาโท Computer Science กับจบโทบริหารธุรกิจด้วย... บอกได้เลยว่าสองพวกนี้คิดแก้ปัญหากันคนละแบบ คือพวกสายคอมพิวเตอร์จะพยายามหา"ของยาก"เล่น, และในวงสนทนาก็จะพยายามคุยอวดกันในหมู่เพื่อนฝูงว่าที่ฉันเรียนมานั้นเรียนชนิดยากๆ ฉันเก่งที่สุด เพราะสิ่งที่ฉันเรียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะเออ จะใช้ข้าวของเครื่องใช้อะไรก็ต้องใช้ของยากๆ (สมัยหนึ่งนิยมขับรถเกียร์กระปุก ใช้กล้องถ่ายรูปแมนน่วล เขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาล เป็นต้น)...

ในขณะที่โลกของพวกบริหารธุรกิจ ก็จะพยายามหาของ(เครื่องมือ)ให้เล่นง่ายที่สุด, เช่นจะเขียนโปรแกรมดึงข้อมูล ก็พยายามใช้เครื่องมือที่อัตโนมัติลากแปะฯ... ซึ่งทางฝั่งวิศวกร ก็มักบอกว่ามันง่ายเกิน และควบคุมไม่ได้ดังใจ, ในขณะที่ทางฝ่ายบริหารธุรกิจก็บอกว่าเล่นของยาก ก็เหมือนเดินนับไม้หมอนรถไฟไปเชียงใหม่ครับ...
บันทึกการเข้า
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 06:22:48 PM »

เพราะบทความนี้แหละ ทำให้ผมเสียเงินซื้อปากกา Fisher Spacepen มาใช้
ปากกาใช้ดีนะครับ แต่ตอนนี้หมึกหมด หาซื้อยากมากและหมึกแพงด้วย
ก็เลยเก็บไว้ในลิ้นชัดเพื่อเป็นอนุสรณ์ ว่าครั้งหนึ่ง เราก็บ้าซื้อปากกาแพงๆ กับเค้าไปเหมือนกัน
บันทึกการเข้า
-Joke-
Vive la liberté de parole et d'opinion!
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -459
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4225


^_^


« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 07:48:59 PM »

เนื่องจากปากกาธรรมดาๆทั่วไปนั้นทำงานไม่ได้ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง ปากกาที่ไม่ธรรมดาหรือปากกาอวกาศจึงเกิดขึ้น  นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่าใช้เวลานาน หลายต่อหลายปีและเงินจำนวนนับล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาปากกาที่สามารถเขียนได้ในอวกาศ เพื่อให้น้ำหมึกในปากกานั้นไหลลงมาที่กระดาษเมื่อเราเขียนในสภาพที่ไร้แรงดึงดูด (Gravitational force) ในขณะที่สหภาพโซเวียตใช้ดินสอเทียน (grease pencils) ซึ่งราคาถูกกว่าปากกาอวกาศตั้งเยอะ   

จริงหรือที่นาซ่าถึงได้ทุ่มงบประมาณนับ ล้านเหรียญ และเวลาจำนวนมากเพื่อพัฒนาปากกาอวกาศที่ไม่ธรรมดาอันนั้น  ดินสออวกาศ ในอดีต จากบันทึกประวัติศาสตร์ของนาซ่า นักบินอเมริกันก็ใช้ดินสอเทียนในการขีดเขียนบันทึกข้อมูลในสภาพไร้แรงดึงดูดเหมือนๆกับนักบินโซเวียต ที่จริงในปี 1965 นาซ่าได้สั่งซื้อดินสอกล (Mechanical pencils) จำนวน 34 ด้าม จากบริษัท Tycam Engineering Manufacturing ในฮุสตัน สหรัฐอเมริกาในราคาด้ามละ 228.89 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 4,382.50 เหรียญสหรัฐฯ เมื่อยอดเงินในการสั่งซื้อปากกาของนาซ่าออกเผยแพร่สู่สาธารณชนในภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก ทำให้นาซ่าจึงต้องคิดหาวิธีการใหม่เพื่อให้ประหยัดงบประมาณลง   ดินสอนั้นก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากปลายของมันจะแตกเป็นขุยและหักออก และเมื่อมันลอยคว้างไปมาอยู่ในยานอวกาศอาจจะไปทิ่มเอานักบินอวกาศหรือเครื่องไม้เครื่องมือในยานก่อให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ดินสอยังเป็นวัสดุที่ติดไฟ (flammable) ซึ่งนาซ่าไม่ต้องการให้มีการนำเอาขึ้นไปบนยานหลังจากที่ ยาน Apollo 1 ได้เกิดเพลิงไหม้  ปากกาลูกลื่นอวกาศ

ในขณะเดียวกัน นาย Paul C. Fisher เจ้าของบริษัท Fisher Pen Company ได้ลงทุนจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาและผลิตปากกาอวกาศ (โดยไม่ได้รับทุนจากนาซ่าแต่อย่างใด) และได้จดลิขสิทธิ์ในปี 1965   ปากกาไม่ธรรมดานี้สามารถเขียนกลับหัว เขียนได้ในพื้นที่ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัด ตั้งแต่ -50 ถึง 400 องศาฟาเรนไฮน์ หรือแม้แต่เขียนใต้น้ำหรือจุ่มในของเหลวชนิดอื่นๆ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าร้อนเกินไปแล้ว น้ำหมึกจะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียวก็เท่านั้นเอง   หลังจากนั้น Paul Fisher ได้นำเสนอแนวคิดปากกาตัวใหม่นี้แก่นาซ่า แม้จะไม่ได้รับการยอมรับมากนักในระยะแรก แต่เมื่อได้ผ่านการทดสอบเป็นที่ประจักษ์แล้ว ปากกาดังกล่าวถูกเรียกว่า AG-7 ?Anti - Gravity? Space Pen หลังจากนั้นสหรัฐฯได้ตัดสินใจในปี 1967 ว่าจะใช้ปากกาอวกาศนี้ในอนาคต   ปากกาอวกาศของ Fisher นั้น ทำงานโดยไม่ใช้แรงโน้มถ่วงของโลก โดยเก็บหมึกไว้ในตลับหมึกกับความกดดันของไนโตรเจนที่ 35 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว มากกว่าความกดดันอากาศที่ระดับผิวน้ำทะเลบนพื้นผิวโลกสองเท่าตัว และความกดดันนี้จะผลักหมึกให้ออกมาผ่านลูกลื่น (หรือลูกบอลทังสเตนคาร์ไบด์) ที่ปลายปากกา ส่วนน้ำหมึกก็เป็นน้ำหมึกที่ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน มันมีสภาพคล้ายเจล และเมื่อลูกลื่นขยับมันก็จะเปลี่ยนเจลเป็นของเหลว (น้ำหมึก) นอกจากนี้ไนโตรเจนที่อัดอยู่ภายในปากกายังป้องกันมิให้อากาศเข้าไปปะปนกับน้ำหมึก เพื่อป้องกันการระเหย (evaporate) และทำปฏิกิริยากับออกซิเจน (Oxidize)  จากรายงานของ Associated Press เปิดเผยว่าในปี 1968 นั้นนาซ่าได้สั่งซื้อปากกาอวกาศจากบริษัทของ Fisher จำนวน 400 ด้าม สำหรับโครงการเยือนดวงจันทร์โดยยานอะพอลโล่ ในปีต่อมาสหภาพโซเวียตได้สั่งซื้อปากกาอวกาศจำนวน 100 ด้ามและตลับหมึกจำนวน 1,000 ตลับ (สำหรับเปลี่ยนเมื่อหมึกหมด) เพื่อใช้ในโครงการ Soyuz space mission ทั้งประเทศสหรัฐเมริกาและสหภาพโซเวียตได้รับส่วนลด 40% ทำให้ราคาลดจาก 3.98 เหรียญสหรัฐฯมาอยู่ที่ 2.39 เหรียญสหรัฐฯ   ฉะนั้น ข้อเท็จจริงก็คือ นาซาซื้อปากกาจริงแต่ไม่ได้ใช้เงินเป็นล้านเหรียญในการซื้อหรือพัฒนาปากกาอวกาศ เพราะนาย Paul C. Fisher ได้ทุ่มทุนจำนวนดังกล่าวในการพัฒนา และจดลิขสิทธิ์เป็นเจ้าของไปแล้ว

สรุป

ตอนแรกก็ใช้ดินสอทั้งอเมริกาและรัสเซีย

ตอนหลังก็มาใช้ปากกาทั้งอเมริกาทั้งรัสเซีย

โดยคนที่ลงทุนวิจัย คือ Paul C. Fisher เจ้าของบริษัท Fisher Pen Company ใช้เงินลงทุน 1 ล้านเหรียญ ไม่ใช่นาซ่า
บันทึกการเข้า

A la volonté du peuple
Et à la santé du progrès,
Remplis ton cœur d'un vin rebelle
Et à demain, ami fidèle.
Nous voulons faire la lumière
Malgré le masque de la nuit
Pour illuminer notre terre
Et changer la vie.
konklong
รักทุกคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 277
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2141


จงทำดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์


« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 08:32:28 PM »

สุดท้ายก็สู้ของโบราณอย่างดินสอไม่ได้ ราคาถูก เขียนได้ทุกบรรยากาศ ขอเพียงมีกระดาษ  ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

ชนใดไม่มีดนตรีการ  ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
คนแปลกหน้า - รักในหลวง
" ลุกปืน สั่งให้ไปได้แต่สั่งให้หยุดและเรียกกลับไม่ได้ "
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 126
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 956



« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 11:37:52 PM »

เนื่องจากปากกาธรรมดาๆทั่วไปนั้นทำงานไม่ได้ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง ปากกาที่ไม่ธรรมดาหรือปากกาอวกาศจึงเกิดขึ้น  นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่าใช้เวลานาน หลายต่อหลายปีและเงินจำนวนนับล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาปากกาที่สามารถเขียนได้ในอวกาศ เพื่อให้น้ำหมึกในปากกานั้นไหลลงมาที่กระดาษเมื่อเราเขียนในสภาพที่ไร้แรงดึงดูด (Gravitational force) ในขณะที่สหภาพโซเวียตใช้ดินสอเทียน (grease pencils) ซึ่งราคาถูกกว่าปากกาอวกาศตั้งเยอะ   

จริงหรือที่นาซ่าถึงได้ทุ่มงบประมาณนับ ล้านเหรียญ และเวลาจำนวนมากเพื่อพัฒนาปากกาอวกาศที่ไม่ธรรมดาอันนั้น  ดินสออวกาศ ในอดีต จากบันทึกประวัติศาสตร์ของนาซ่า นักบินอเมริกันก็ใช้ดินสอเทียนในการขีดเขียนบันทึกข้อมูลในสภาพไร้แรงดึงดูดเหมือนๆกับนักบินโซเวียต ที่จริงในปี 1965 นาซ่าได้สั่งซื้อดินสอกล (Mechanical pencils) จำนวน 34 ด้าม จากบริษัท Tycam Engineering Manufacturing ในฮุสตัน สหรัฐอเมริกาในราคาด้ามละ 228.89 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 4,382.50 เหรียญสหรัฐฯ เมื่อยอดเงินในการสั่งซื้อปากกาของนาซ่าออกเผยแพร่สู่สาธารณชนในภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก ทำให้นาซ่าจึงต้องคิดหาวิธีการใหม่เพื่อให้ประหยัดงบประมาณลง   ดินสอนั้นก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากปลายของมันจะแตกเป็นขุยและหักออก และเมื่อมันลอยคว้างไปมาอยู่ในยานอวกาศอาจจะไปทิ่มเอานักบินอวกาศหรือเครื่องไม้เครื่องมือในยานก่อให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ดินสอยังเป็นวัสดุที่ติดไฟ (flammable) ซึ่งนาซ่าไม่ต้องการให้มีการนำเอาขึ้นไปบนยานหลังจากที่ ยาน Apollo 1 ได้เกิดเพลิงไหม้  ปากกาลูกลื่นอวกาศ

ในขณะเดียวกัน นาย Paul C. Fisher เจ้าของบริษัท Fisher Pen Company ได้ลงทุนจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาและผลิตปากกาอวกาศ (โดยไม่ได้รับทุนจากนาซ่าแต่อย่างใด) และได้จดลิขสิทธิ์ในปี 1965   ปากกาไม่ธรรมดานี้สามารถเขียนกลับหัว เขียนได้ในพื้นที่ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัด ตั้งแต่ -50 ถึง 400 องศาฟาเรนไฮน์ หรือแม้แต่เขียนใต้น้ำหรือจุ่มในของเหลวชนิดอื่นๆ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าร้อนเกินไปแล้ว น้ำหมึกจะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียวก็เท่านั้นเอง   หลังจากนั้น Paul Fisher ได้นำเสนอแนวคิดปากกาตัวใหม่นี้แก่นาซ่า แม้จะไม่ได้รับการยอมรับมากนักในระยะแรก แต่เมื่อได้ผ่านการทดสอบเป็นที่ประจักษ์แล้ว ปากกาดังกล่าวถูกเรียกว่า AG-7 ?Anti - Gravity? Space Pen หลังจากนั้นสหรัฐฯได้ตัดสินใจในปี 1967 ว่าจะใช้ปากกาอวกาศนี้ในอนาคต   ปากกาอวกาศของ Fisher นั้น ทำงานโดยไม่ใช้แรงโน้มถ่วงของโลก โดยเก็บหมึกไว้ในตลับหมึกกับความกดดันของไนโตรเจนที่ 35 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว มากกว่าความกดดันอากาศที่ระดับผิวน้ำทะเลบนพื้นผิวโลกสองเท่าตัว และความกดดันนี้จะผลักหมึกให้ออกมาผ่านลูกลื่น (หรือลูกบอลทังสเตนคาร์ไบด์) ที่ปลายปากกา ส่วนน้ำหมึกก็เป็นน้ำหมึกที่ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน มันมีสภาพคล้ายเจล และเมื่อลูกลื่นขยับมันก็จะเปลี่ยนเจลเป็นของเหลว (น้ำหมึก) นอกจากนี้ไนโตรเจนที่อัดอยู่ภายในปากกายังป้องกันมิให้อากาศเข้าไปปะปนกับน้ำหมึก เพื่อป้องกันการระเหย (evaporate) และทำปฏิกิริยากับออกซิเจน (Oxidize)  จากรายงานของ Associated Press เปิดเผยว่าในปี 1968 นั้นนาซ่าได้สั่งซื้อปากกาอวกาศจากบริษัทของ Fisher จำนวน 400 ด้าม สำหรับโครงการเยือนดวงจันทร์โดยยานอะพอลโล่ ในปีต่อมาสหภาพโซเวียตได้สั่งซื้อปากกาอวกาศจำนวน 100 ด้ามและตลับหมึกจำนวน 1,000 ตลับ (สำหรับเปลี่ยนเมื่อหมึกหมด) เพื่อใช้ในโครงการ Soyuz space mission ทั้งประเทศสหรัฐเมริกาและสหภาพโซเวียตได้รับส่วนลด 40% ทำให้ราคาลดจาก 3.98 เหรียญสหรัฐฯมาอยู่ที่ 2.39 เหรียญสหรัฐฯ   ฉะนั้น ข้อเท็จจริงก็คือ นาซาซื้อปากกาจริงแต่ไม่ได้ใช้เงินเป็นล้านเหรียญในการซื้อหรือพัฒนาปากกาอวกาศ เพราะนาย Paul C. Fisher ได้ทุ่มทุนจำนวนดังกล่าวในการพัฒนา และจดลิขสิทธิ์เป็นเจ้าของไปแล้ว

สรุป

ตอนแรกก็ใช้ดินสอทั้งอเมริกาและรัสเซีย

ตอนหลังก็มาใช้ปากกาทั้งอเมริกาทั้งรัสเซีย

โดยคนที่ลงทุนวิจัย คือ Paul C. Fisher เจ้าของบริษัท Fisher Pen Company ใช้เงินลงทุน 1 ล้านเหรียญ ไม่ใช่นาซ่า
ขอบคุณครับ เพิ่งได้อ่านเป็นครั้งแรก ในขณะที่ "แบบแรก"ได้อ่านมาหลายครั้งแล้วแม้ข้อความไม่ตรงกันแต่ความก็จะไปในทางเดียวกัน    ต่อไปจะได้ไม่เอาไปโม้ต่อแบบผิดๆ (นอกจากเอาสนุกไว้ก่อน) ไหว้
บันทึกการเข้า
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2012, 11:46:01 PM »

 ไหว้
บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
telekbook - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1124
ออฟไลน์

กระทู้: 3629


« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2012, 09:52:27 AM »

ขอบคุณ คุณ helldiver ครับ  เยี่ยม
บันทึกการเข้า
#โชกุน#
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Full Member
***

คะแนน 106
ออฟไลน์

กระทู้: 242



« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2012, 01:25:48 PM »

เพิ่งเข้ามาอ่านครับ...

บังเอิญนายสมชายผ่านโลกมา 2 ด้านที่สุดโต่งกัน คือจบปริญญาโท Computer Science กับจบโทบริหารธุรกิจด้วย... บอกได้เลยว่าสองพวกนี้คิดแก้ปัญหากันคนละแบบ คือพวกสายคอมพิวเตอร์จะพยายามหา"ของยาก"เล่น, และในวงสนทนาก็จะพยายามคุยอวดกันในหมู่เพื่อนฝูงว่าที่ฉันเรียนมานั้นเรียนชนิดยากๆ ฉันเก่งที่สุด เพราะสิ่งที่ฉันเรียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะเออ จะใช้ข้าวของเครื่องใช้อะไรก็ต้องใช้ของยากๆ (สมัยหนึ่งนิยมขับรถเกียร์กระปุก ใช้กล้องถ่ายรูปแมนน่วล เขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาล เป็นต้น)...

ในขณะที่โลกของพวกบริหารธุรกิจ ก็จะพยายามหาของ(เครื่องมือ)ให้เล่นง่ายที่สุด, เช่นจะเขียนโปรแกรมดึงข้อมูล ก็พยายามใช้เครื่องมือที่อัตโนมัติลากแปะฯ... ซึ่งทางฝั่งวิศวกร ก็มักบอกว่ามันง่ายเกิน และควบคุมไม่ได้ดังใจ, ในขณะที่ทางฝ่ายบริหารธุรกิจก็บอกว่าเล่นของยาก ก็เหมือนเดินนับไม้หมอนรถไฟไปเชียงใหม่ครับ...





สวัสดีครับพี่สมชาย  ไหว้ ดีใจครับที่เจอคนเขียนโปรแกรมที่เล่นปืน (ขออนุญาติคุยเรืองคอมนิดนะครับ)

ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เริ่มเรียนเขียนโปรแกรมจาก Turbo Pascal จำได้ตอนเริมเรียนไม่ชอบเลยครับ ยังบ่นเลยว่า syntax เยอะจิง
จะเริ่มก็ต้อง Begin จะจบก็ต้องบอกด้วยนะว่า End แถมแต่ละบรรทัดห้ามลืม ; ซื่อผมลืมเป็นประจำ   หัวเราะร่าน้ำตาริน

ในวัยทำงานผมใช้ Clipper 5.xx ทำงานมาจนหมดยุคของ Dos พอจะก้าวมาเป็นบน Windows ต้องมาคิดว่าจะใช้อะไรเขียนโปรแกรมดี
Foxpro , VB , Delphi สุดท้ายก็มาจบลงที่ Delphi ซึ่งก็ใช้พื้นฐานเดียวกับ Pascal หนีมันไม่พ้นจริงๆครับ  คิก คิก

จะว่าไปก็เหมือน ปากกาวิเศษเหมือนกันครับ จะหนีมันไปให้ยุ่งยากทำไม ในเมื่อบางครั้งของง่ายที่สุดคือของที่ทำงานได้ดีที่สุด  เยี่ยม



บันทึกการเข้า

___________________________________________________________ _____________
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.051 วินาที กับ 23 คำสั่ง