ผมลองดูราคาในเวปต่างประเทศเเละในประเทศไทย ราคาKimber TLE/RL II ของหน่วยLAPD SWAT อยู่ที่ 1,000 เหรียญ ราคาสวัสดิการ 85,000 บาท ส่วนkimber desert warrior ของ US MCFR อยู่ที่ 1,200 เหรียญ สวสัดิการประมาณ10,000บาท ในขณะที่ราคาHK MK23 อยู่ที่ 2,000 เหรียญ สวัสดิการขาย180,000บาท เเพงกว่าkimberเกิน2เท่า ผมอยากรู้ว่าทำไมมันถึงเเพงขนาดนั้นครับ วิธีการผลิตMK 23 ยากกว่าการผลิตM1911 เเบบเกรดเเข่งขันมากขนาดขายราคา2เท่าได้เลยหรือครับ เเละเคลือบผิวปืนMK 23ที่ว่าทนเป็นพิเศษ ตรงนี้ผมสงสัยว่าทนกว่าวิธีTenniferของกล็อกหรือMeloniteของสมิธฯมากน้อยเเค่ไหนครับ การที่มีคันลดนกเเยกจากเซฟปืนมีข้อดีกว่าการรวมอยู่กับเซฟปืนอย่างไรบ้างครับ(ใช่เหตุผลที่ว่าทำให้ลดนกได้เงียบสนิทรึเปล่า) เพราะปืนรุ่นใหม่อย่าง HK 45 ก็ไม่มีคันลดนกเเยกต่างหาก อย่างสุดท้ายคือถ้านำ MK 23 มายิงปั้นxระยะ25เมตร เเข่งกับKimber TLE จะได้เปรียบเสียเปรียบกันมากน้อยเเค่ไหนครับ ขอบคุณครับ

อ่านเจอพอดี .................. อย่างแรกต้องขอบคุณมากที่สนใจข้อมูลของผม
ขออนุญาตตอบเพิ่มเติมครับ ..............
US.Socom กำหนดสเป็คปืนเพื่อใช้ในหน่วยปฎิบัติการพิเศษที่ทำงานในพื้นที่ทุรกันดารทุกสภาวะอากาศ แบบหน่วย Seal ...................ลองนึกภาพดูว่า หน่วยพิเศษแบบ Seal ใช้ปืนพกที่ใส่ท่อเก็บเสียงได้ แม่น ทนทานแบบอยู่ในทะเลได้นานๆทั้งวันทั้งคืน หรืออยู่ในทะเลทราย หรือในที่ที่หิมะตกหนักๆ ..................อำนาจสังหารของกระสุนต้องเฉียบขาดเมื่อยิงเข้าจุดสำคัญ ฯลฯ...............ขีดความสามารถและความอยู่รอด(ไม่พัง)ของยุทโธปกรณ์เหล่านี้เป็นตัวกำหนด ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันในการปฎิบัติงานของหน่วยว่า ต้องมียุโธปกรณ์ชั้นดี จึงจะทำให้สามารถปฎิบัติภารกิจได้ลุล่วง .................
เรียกว่า ใช้ของดี แน่นอนก่อน ............... ที่เหลืออยู่ที่ตัวบุคคลที่ทำงาน
ราคาต้นทุนการผลิตของ Mk23 แพงกว่าปืนอื่น คือวัสดุ วิธีการผลิต รวมทั้งรายละเอียดที่ใส่เข้าไปในตัวปืน"เหนือ"กว่าปืนเหล่านั้นมากครับ จึงทำให้มีราคาแพง.............
ลำกล้องเกรดแข่งขัน แต่เนื้อโลหะเกรด Military คือ แม่นยำน้องๆปืนแข่งขัน แต่ทนทานต่อการใช้งานที่ทรหด ทนการกัดกร่อนของสารเคมีหรือธรรมชาติที่รุนแรงเช่น น้ำทะเล หิมะ โคลน ...................ปืน1911 หรือปืน Custom อื่นๆ ลำกล้องปืนของปืนเหล่านั้นแม่นจริง แต่ไม่ทนทานทรหดแบบนี้
สำหรับผิวปืนของ Mk23 ................ผมจำไม่ได้ว่าเรียกชื่อว่าอะไร แต่ถ้าเอามาเปรียบกับปืนที่คุณยกมา ปืนเหล่านั้น ยังห่างไกลแบบคนละชั้นครับ ทนมากน้อยกว่าเท่าใด ก็ทนขนาดแช่น้ำทะเลนานๆเป็นหลายๆวัน ก็ไม่มีสนิม และยังทำงานได้โดยไม่ต้องหล่อลื่น .................. เรื่องนี้รวมไปถึงชิ้นส่วนประกอบต่างๆในตัวปืนด้วย
คันลดนกแยกจากเซฟปืนมองได้หลายแง่ว่าดีอย่างไร? .................(ความเห็นส่วนตัวนะครับ) คันลดนกต้องเงียบ เพราะการทำงานเข้าพื้นที่สังหาร หรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อผู้ใช้ต้องการลดนกปืน เงียบ ย่อมดีกว่าดังแน่นอน..............ส่วนคันเซฟที่แยก เพื่อต้องการให้ไม่ต้องพะวงกับการลดนก ป้องกันการผิดพลาด..............เพราะเท่าที่ทราบ การหยิบปืนพกขึ้นมาใช้ในพื้นที่เสี่ยง จะขึ้นลำแน่ๆ ไกก็เป็นไกซิงเกิล ที่เฉียบคม ดีกว่าไกพวกดับเบิลหรือกึ่งดับเบิลหนืดๆแน่ และมีเซฟแยกออกมาเพื่อความชัดเจนไปเลยว่า ไม่ใช่คันเซฟที่ลดนกได้................เมื่อไม่ใช้งานปืนพก ก็เลือกได้ว่า จะเข้าเซฟทั้งๆที่นกง้างอยู่อย่างนั้น หรือจะลดนกแล้วเก็บเข้าซองปืน ก็อยู่ที่คนใช้งาน ...................แต่ต้องเงียบไว้เพื่อสำหรับการทำงาน...................
หลายคนบอก ปืนพวกนี้ไม่น่ามีเซฟ เพราะเกะกะ ...................... ผมก็ขอบอกว่าน่าจะมองโลกให้กว้างๆ อย่าคับแคบในแบบปืนที่ตัวเองชอบ หรือหลงไหลจนทำให้ไม่ฉลาดว่า.............ไม่อยากใช้เซฟ ก็ขึ้นลำ แล้วไม่ต้องใส่เซฟสิครับ ไม่เห็นยาก ปืนมีเซฟดีกว่าปืนไม่เซฟแน่นอน ไม่อยากเข้าเซฟ ก็ไม่ต้องเข้าสิ..................แต่วันไหนอยากขึ้นลำแล้วเข้าเซฟ .................ก็มีเซฟให้เข้า ปืนที่ไม่มีเซฟ วันไหนอยากเข้าเซฟ มันก็ไม่มีเซฟให้เข้าแน่นอน(นอกเรื่องนิดหนึ่ง)
เรื่องยิงปั้น อันนี้ ผมไม่ทราบจริงๆครับ เพราะที่ผมพบมายังไม่ได้ลองกันแบบจะๆ ...................แต่ลองยิง Mk23 ของพรรคพวก มันก็แม่นมากๆ และรู้ว่าแม่นขนาดนี้ ใช้ยิงช่วยตัวประกันระยะใกล้ๆได้แน่ๆ รวมทั้ง แม่นระดับวางกระสุนเข้าจุดสำคัญๆของเป้าหมายได้ในเวลาลักลอบเข้าไปทำงานแบบเงียบๆหรือการลอบสังหาร ถ้าผู้ใช้ชำนาญ ...................
ปืนเกรดทหารครับ .............. สเป็คถูกกำหนดมาโหดด้วย แต่ยังไงก็คือปืนเกรดทหารที่ความมุ่งหมายใช้สำหรับ"การรบ" ไม่ใช่แข่งขัน หรือพกพาในชีวิตประจำวัน