เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 20, 2025, 01:09:42 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตรรก ของไอสไตน์  (อ่าน 2853 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 02:46:02 PM »



ในห้องเรียนวันหนึ่ง

ไอสไตน์ถามนักเรียนว่า :
" มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กําลังซ่อมปล่องไฟเก่า พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ
ปรากฏว่า คนหนึ่งตัวสะอาด อีกคนตัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน "


นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า :
" ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ "


ไอสไตน์ พูดว่า :  
" งั้นเหรอ คุณลองคิดดูให้ดีนะ คนที่ตัวสะอาด เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควัน
เขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆ เลย
ส่วนอีกคน เห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า ตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน ตอนนี้ ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า
ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่ "


นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า:
" อ้อ ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรก ก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรก
เห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลย ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย
..... ถูกไหมครับ...."


ไอสไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคน ต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้
ไอสไตน์ ค่อยๆ พูดขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล
 
ไอสไตน์ :
" คําตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
จะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด อีกคนหนึ่งจะสกปรก นี่แหละที่เขาเรียกว่า " ตรรก " "
เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจนสะดุด ก็จะไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผล
แห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้ นั่นคือ " ตรรก "

จะหาตรรกได้ก็ต้อง กระโดดออกมาจาก " พันธนาการของความเคยชิน "
หลบเลี่ยงจาก " กับดักทางความคิด "
หลีกหนีจาก " สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง "
ขจัด " ทิฐิแห่งกมลสันดาน " 
จะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ คุณสลัดหมากทั้งหมด


ที่คนเขาจัดฉากวางล่อคุณไว้พอได้ถึงที่เด็ดที่ให้คนอื่นมาเม้นกลับ หรือมาแสดงความฉลาดกันยกใหญ่
ผมอ่านข้อความที่มีสาระต่างๆนาๆผมจะยกตัวอย่างมาให้ดู "รู้ไปทำไมรู้แล้วชีวิตเมิงดีขึ้นมั้ย"
ที่จริงผมงงตั่งแต่เริ่มอ่านแล้ว ว่ามึงไม่อยากอ่านจะเข้าอ่านมาทำไปจ๊ะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ที่ชีวิตท่าน
จะยิ่งใหญ่กว่านี้ก็ได้ แล้วก็อีกแนวประมานว่า "มันจะใช่หรอ"หรือ"ไม่กูว่ากูฉลาดกว่า" ผมมองว่าคนกลุ่มนี้น่าสงสารสุด(ไม่อธิบายล่ะกัน)
ผมเข้าใจว่าเป็นการวิพากษ์ แต่คุณอ่านแล้วมาประยุคต์แล้วคิดซักนิดนึงยัง ผมว่าน่าสงสารคนให้ความรู้ เอ่ยยังไงดีผมจะยกคำถามมาและกัน
เช่น ถ้ามีคนบอกว่า เลขข้อนี้ ถ้าไม่ใช้สูตรตายตัวแบบนี้ จะไม่สามารถคิดออกได้ ถ้ามีคนบอกเช่นนี้ หลักตรรกะ ช่วยคุณได้ไหม?
เท่าที่คนโง่ๆอย่างผมอ่าน ผมตอบได้เลยว่าคุณนะติด กับดักแล้ว! ที่จริงเค้าก็เหมือนจะเตือนไว้แล้ว เพราะไอ้ที่คุณบอกมา
มันมีตรรกะของมันอยู่แล้ว คุณลองผมความเข้าใจก่อนดีมั้ย ผมจะบอกอีกอย่างน่ะ สำคัญมากตรงที่คุณรู้ความหมายของ
วิพากษ์กับวิจารณ์ หรือเปล่าน่ะ! แต่สำหรับคนที่มาให้ความรู้เพิ่ม ผมขอบคุณหลายๆครับ

ที่มา : http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%81-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-157236.html
บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 02:51:17 PM »

+1ครับพี่โดนใจมากๆๆ  ไหว้ ไหว้ ไหว้

ขออนุญาติแชร์นะครับ ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 02:54:15 PM »

เพิ่งรู้ว่าแกเป็นครูด้วย  ......   นึกว่าเกลียดอย่างเดียว   คิก คิก
บันทึกการเข้า

                
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 02:58:42 PM »

+1ครับ
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

pranburi
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 226
ออฟไลน์

กระทู้: 869


« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 03:01:31 PM »

ได้ข้อคิดอีกแล้ว
บันทึกการเข้า
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6603


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 03:09:18 PM »

+1 ครับ  และ ชอบ 4 บรรทัดนี้จริงๆครับ

จะหาตรรกได้ก็ต้อง กระโดดออกมาจาก " พันธนาการของความเคยชิน "
หลบเลี่ยงจาก " กับดักทางความคิด "
หลีกหนีจาก " สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง "
ขจัด " ทิฐิแห่งกมลสันดาน " 
จะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ คุณสลัดหมากทั้งหมด

บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 03:13:59 PM »

 
ไหว้ขอบคุณทุกท่นครับผม + ทอนทุกท่านครับ
บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 03:42:23 PM »

นายสมชายเพิ่งเข้ามา พอเห็นตรงหักมมปุ๊บ... อ้าว!!! ไอนสไตน์เป็นทนายความด้วยนี่ฝ่า... ฮา...

คือมุขหงายไพ่ทีละใบทนายใช้บ่อย... คือเวลาซักก็หลอกให้พยานฝ่ายตรงข้างหลงเดินตาม(ชะล่าใจ) จากนั้นตลบหลังเฉลยหงายไพ่ใบเด็ด, ทำให้พยานฝ่ายตรงข้ามเสียความน่าเชื่อถือครับ(โดนจับโกหกได้)... ฮา...
บันทึกการเข้า
BalTaZA
อนาถจิตตลอด ศก.
Sr. Member
****

คะแนน 84
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 573


ปืนเมียเท่านั้น กำ...


« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 05:21:26 PM »

ไอสไตน์นี่เอง ที่เป็นผู้ริเริ่ม คำถาม หรือ กระทู้ดักควาย  -*-
บันทึกการเข้า
Easy
Full Member
***

คะแนน 112
ออฟไลน์

กระทู้: 437


take It easy...


« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 05:36:56 PM »

หัวข้อกระทู้เกี่ยวกับ ตรรกะ เอาคำถามเล่นๆมาถามดูครับ ลองทายกันเล่นๆ


ในวันหนึ่งที่อากาศแสนสดใส ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งได้ต้อนรับผู้เดินทางไกลมาจากต่างแดน

หมู่บ้านนี้มี 2 ชนเผ่า คือ เผ่าซื่อตรง กับ เผ่าโกหก อาศัยอยู่

เผ่าซื่อตรงนั้น แน่นอนว่าพูดแต่ความจริง และเผ่าโกหกก็พูดแต่ความเท็จ

ผู้มาเยือนนั้นรู้สึกกระหายน้ำมาก แล้วก็หันไปพบถังน้ำใบหนึ่งก็อยากจะรู้ว่าน้ำนี้ดื่มได้ไหม จึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“วันนี้อากาศดีจังเลยนะ”

“Yes”

 
“น้ำนี้ดื่มได้ไหม”

“Yes”

 
ถามว่า แล้วน้ำนี้ดื่มได้จริงหรือ?

บันทึกการเข้า

"จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้
ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."

                                              เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
Tanate(รักในหลวง)
Hero Member
*****

คะแนน 243
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2039



« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 06:08:02 PM »

หัวข้อกระทู้เกี่ยวกับ ตรรกะ เอาคำถามเล่นๆมาถามดูครับ ลองทายกันเล่นๆ


ในวันหนึ่งที่อากาศแสนสดใส ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งได้ต้อนรับผู้เดินทางไกลมาจากต่างแดน

หมู่บ้านนี้มี 2 ชนเผ่า คือ เผ่าซื่อตรง กับ เผ่าโกหก อาศัยอยู่

เผ่าซื่อตรงนั้น แน่นอนว่าพูดแต่ความจริง และเผ่าโกหกก็พูดแต่ความเท็จ

ผู้มาเยือนนั้นรู้สึกกระหายน้ำมาก แล้วก็หันไปพบถังน้ำใบหนึ่งก็อยากจะรู้ว่าน้ำนี้ดื่มได้ไหม จึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“วันนี้อากาศดีจังเลยนะ”

“Yes”

 
“น้ำนี้ดื่มได้ไหม”

“Yes”

 
ถามว่า แล้วน้ำนี้ดื่มได้จริงหรือ?



ปรากฎว่า "ปิ๊งป่อง" ผู้มาเยือนเดินเข้าเซเว่นอีเลฟเว่นแทน  คิก คิก
บันทึกการเข้า

โดนแล้วครับ นายอำเภอใจกับปลัดขิก เบื่อระบบข้าราชการไทย ของดเล่นปืนไปก่อนนะครับ
Easy
Full Member
***

คะแนน 112
ออฟไลน์

กระทู้: 437


take It easy...


« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 06:45:34 PM »

อีกบทความที่น่าสนใจครับ

ตรรกศาสตร์สมานฉันท์  
โดย ชลนภา อนุกูล
-----------------------------------------------------------
ในปี ค.ศ. ๑๙๖๕ เมื่อศาสตราจารย์ล็อตฟี เอ ซาเดห์ แห่งมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ได้นำเสนอแนวคิดเรื่องตรรกศาสตร์แบบฟัซซี
( Fuzzy Logic ) หรือตรรกศาสตร์สมานฉันท์ วงการวิทยาศาสตร์กระแสหลักก็ถึงกับสะเทือนหวั่นไหว

เพราะอะไรน่ะหรือ?

ตรรกศาสตร์ดั้งเดิมนั้นมีรากฐานมาตั้งแต่สมัยอริสโตเติล ผู้ก่อตั้งระบบตรรกศาสตร์แบบทวิภาค ค่าความจริงทางคณิตศาสตร์มีได้เพียงหนึ่งค่าเท่านั้น นั่นคือ ถูกหรือผิด ขาวหรือดำ ตรรกศาสตร์แบบขาว/ดำนี้ได้หยั่งรากมั่นคง และเป็นพื้นฐานสำคัญของวิทยาศาสตร์แบบนิวตันจนถึงปัจจุบัน เมื่อซาเดห์กล่าวว่า ค่าความจริงมีได้หลายระดับ ไม่ได้มีเพียงถูกหรือผิด ขาวหรือดำ เท่านั้น

เขาก็ถูกโจมตีจากนักวิทยาศาสตร์ในโลกตะวันตกอย่างรุนแรง แต่กลับได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิทยาศาสตร์ทางตะวันออก เขาได้รับเชิญไปบรรยายที่ญี่ปุ่น และนับแต่นั้น วงการวิจัยของญี่ปุ่นก็ทุ่มเทให้กับตรรกศาสตร์แบบ “ ฟัดจี้” นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลกล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของตรรกศาสตร์แบบสมานฉันท์นี้

ว่ากันว่า ในขณะที่รถไฟฟ้าชินคันเซ็นของญี่ปุ่น ซึ่งมีระบบออกตัวและเบรคที่ดีที่สุดของโลกถูกสร้างโดยตรรกศาสตร์แบบสมานฉันท์นี้ วิศวกรผลิตรถรางไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่นิวยอร์กยังไม่เคยได้ยินคำว่า “ ฟัซซี” ด้วยซ้ำไป ปัจจุบันนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทุกชนิด นับตั้งแต่เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ เครื่องดูดฝุ่น ไปจนถึงอุปกรณ์การแพทย์อันซับซ้อน ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของตรรกศาสตร์แบบสมานฉันท์

ซาเดห์เองได้รับรางวัลเกียรติคุณจากหลายแห่ง รางวัลสูงสุดก็คือ เหรียญเกียรติยศจากไอทริปเปิลอี ซึ่งเทียบได้กับโนเบลทางด้านคอมพิวเตอร์ ซาเดห์ไม่ใช่บุคคลแรกที่กล่าวว่าค่าความจริงมีได้หลายระดับ

พระพุทธเจ้าเคยกล่าวว่าโลกล้วนประกอบด้วยคู่ตรงข้าม เต๋ากล่าวว่าในหยินมีหยาง ในหยางมีหยิน หรือที่ติช นัท ฮันห์กล่าวว่า “ก ประกอบด้วย ก และ สิ่งที่ไม่ใช่ ก” นักคิดตะวันตกอย่างพลาโต เฮเกล มาร์กซ์ เองเงล และลูคาซีวิคซ์ ก็กล่าวว่า เส้นแบ่งระหว่างสีดำและสีขาวล้วนประกอบด้วยสีเทาจำนวนมหาศาล อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าซาเดห์เป็นบุคคลแรก

ที่สามารถเชื่อมต่อโลกทรรศน์ที่ไม่แบ่งแยกเข้ากับระบบคณิตศาสตร์ร่วมสมัยได้สำเร็จ ตรรกศาสตร์แบบสมานฉันท์เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า การทำความเข้าใจโลก หรือระบบปัญหาอันซับซ้อน จำต้องใช้ความคิดที่พ้นไปจากการแบ่งแยกเพียงขาว/ดำ ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงล้วนตั้งอยู่บนทัศนะที่ว่าฝ่ายเราถูก อีกฝ่ายผิดเมื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม ความเป็นมนุษย์ของเขาจะถูกทำลาย เพื่อที่อีกฝ่ายหนึ่งจะมีความชอบธรรม ในการปฏิบัติกับเขาอย่างสิ้นไร้ความยึดถือความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่าย ทัศนะเช่นนี้เกิดจากการแบ่งถูก/ผิดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นคนกระทำผิด ก็มองเห็นว่าผิดทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ มองไม่เห็นความดีอื่นเลย หากประกอบด้วยอารมณ์โกรธเกลียดเข้าด้วยแล้ว

คนที่กำลังโกรธกำลังเกลียดยิ่งมีพฤติกรรมแยกส่วนชัดเจน คือ มองเห็นว่าคนที่ตนกำลังโกรธหรือเกลียดนั้น ประกอบด้วยความเลวร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์ มนุษย์ที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์จึงถูกประหารเข่นฆ่าได้ ถูกทำร้ายได้ ถูกทุบตีได้

ความขัดแย้งนี้ล้วนเกิดจากตรรกศาสตร์ดำ/ขาวนั่นเอง ตรรกศาสตร์สมานฉันท์ที่ยอมรับว่าสัจจะความจริงมีหลายระดับ พ้นไปจากความสุดโต่ง และได้นำพามนุษย์ไปสู่ความจำเริญอย่างยิ่งยวด ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ตรรกศาสตร์สมานฉันท์นั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเลื่อนลอย ไม่ฝืนกฎธรรมชาติ ทั้งยังช่วยทำความเข้าใจปัญหาอันซับซ้อนในโลกได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง เมื่อมองเห็นความแตกต่างหลากหลาย ตรรกศาสตร์แบบทวิภาคจะมองเห็นเส้นแบ่งแยกที่ชัดเจน ทำให้มองข้ามสิ่งที่ถูกแบ่งแยก แต่ตรรกศาสตร์แบบสมานฉันท์จะมองเห็นความกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว มองเห็นสรรพสิ่งที่ไม่แบ่งแยก ทั้งปฏิเสธการตั้งคำถามเรื่องความแตกต่าง หากตั้งคำถามถึงหนทางที่จะพบกับสันติภาวะร่วมกัน ตรรกศาสตร์สมานฉันท์มิใช่สัจจะสมบูรณ์ หากเป็นหนทางหนึ่งที่มนุษย์ย่อมอาจเลือกได้ เมื่อเผชิญกับปัญหาหรือวิกฤติ ดังเช่น ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนานมาหลายสิบปี ย่อมไม่อาจแก้ไขได้ด้วยเผด็จการทางสัจจะที่ย่นย่อความจริงให้เหลือเพียงถูก/ผิด
บันทึกการเข้า

"จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้
ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."

                                              เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 10:41:09 PM »

มีวิชาหนึ่งที่สอนเรื่องของตรรกะในแขนงวิศวกรรมศาสตร์ไฟฟ้าหรือวิศวกรรมศาสตร์อีเลคทรอนิคส์
และวิชานี้คือพื้นฐานของทุกวิทยาการทาง ไฟฟ้า อีเลคทรอนิคส์ คอมพิวเตอร์สมัยนี้ นั่นคือวิชา ดิจิตอลลอจิก

 ทุกอย่างเริ่มต้นมาจาก ลอจิกแค่สองสถานะเท่านั้น(1บิท) คือ 0 หรือ 1 นี่คือโอกาสของความเป็นไปได้แค่หนึ่งตัวแปรเท่านั้น
ถ้าหากมีมากกว่านั้นล่ะ

 จากเรื่องชาย2คนมุดปล่องไฟของไอส์ไตน์ โอกาสของความเป็นไปได้ ไม่ได้มีแค่สองคือ ตัวดำ/ไม่ดำแค่นั้น
สมมุติชายสองคนนั้นชื่อ A กับ B โอกาสของความเป็นไปได้ที่มุดออกมาจากปล่องไฟคือ มีถึง 4 ความเป็นไปได้
(เริ่มมี2บิทแล้ว)



                            A                            B
                        สกปรก                   ไม่สกปรก   (นาย A สกปรก/นายBไม่สกปรก )
                        ไม่สกปรก                สกปรก      (นาย A ไม่สกปรก/นายBสกปรก )
                        ไม่สกปรก                ไม่สกปรก  (นาย A ไม่สกปรก/นายBไม่สกปรก คือไม่สกปรกทั้งคู่)
                        สกปรก                    สกปรก     (นาย A สกปรก/นายB ก็สกปรก คือสกปรกทั้งคู่)

นี่คือพื้นฐานของวิชาโปรแกรมภาษาชั้นสูงของคอมพิวเตอร์จริงๆครับ

ผมเกี่ยวข้องและใช้มันในการทำงานทุกวัน มันจะเริ่มซับซ้อนและมีมากขึ้นๆกว่านี้อีกเยอะ....แต่มันสอนอะไรในชีวิตประจำวันบ้าง

นั่นคือ  ต้องคิดทุกอย่างมากกว่าหนึ่งชั้นเสมอ ไม่ใช่มีแต่ ถ้าเราทำแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในหนึ่งเหตุการณ์เดียวเราต้งคิดว่า

ถ้าเราทำแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าเราไม่ทำแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น

ลองนึกถึงความซับซ้อนของเหตุการณ์ที่มากกว่า นายA นายB (2บิท) ว่ามันจะมีกี่โอกาสของความเป็นไปได้ เช่น 8 บิท/ 16บิท/32บิท/64บิท




บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
Jedth
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 858
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4607



« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 07:08:09 AM »

ขอบคุณครับคุณณัฐ
ขอ +1 (430) และ +1 สำหรับทุกท่านด้วยครับ  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

Pragmatism
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2012, 12:09:27 PM »

พระพุทธเจ้าเคยกล่าวว่าโลกล้วนประกอบด้วยคู่ตรงข้าม เต๋ากล่าวว่าในหยินมีหยาง ในหยางมีหยิน หรือที่ติช นัท ฮันห์กล่าวว่า “ก ประกอบด้วย ก และ สิ่งที่ไม่ใช่ ก” นักคิดตะวันตกอย่างพลาโต เฮเกล มาร์กซ์ เองเงล และลูคาซีวิคซ์ ก็กล่าวว่า เส้นแบ่งระหว่างสีดำและสีขาวล้วนประกอบด้วยสีเทาจำนวนมหาศาล

ก็มองเห็นว่าผิดทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ มองไม่เห็นความดีอื่นเลย หากประกอบด้วยอารมณ์โกรธเกลียดเข้าด้วยแล้ว

Grin Grin Grin ไม่มีอะไร 100% จริงๆ ขนาด ขาว กับ ดำ
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.08 วินาที กับ 20 คำสั่ง