
เนื่องจากมีบ้านอยู่ที่นั้นเคยทำงานในหน่วยงานราชการที่นั้น การพกพาอาวุธปืนออกนอกบ้าน
ถือเป็นเรื่องปกติของคนที่ทำงานในหน่วยงานของรัฐนะครับ แต่เราต้องพกพาไปแบบไม่เปิดเผยให้ใครรู้ว่าเรามีปืน
เพราะเมื่อเราออกไปข้างนอกเราไม่มีทางรู้หรอกครับ ว่าใครเป็นใคร ใครค่อยส่งข่าวหรือสนับสนุุนผู้ก่อการร้าย
เพราะเราอาจจะต้องเป็นเป้าหมายได้ครับประมาณปี 48-52 การทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือคนของรัฐแล้วแย่ง
เอาอาวุธปืนไปเยอะมาก ส่วนคนที่พกปืนไปแล้วก็ได้ใช้ป้องกันตัวเองไว้ได้ก็มีนะครับ ยกตัวอย่างประมาณ
ปี 49 หรือปี 50 ผมก็ไม่แน่ใจนักนะครับ เหตุเกิดห่างจากบ้านผมไปประมาณ 12-14 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ประมงน้ำจืดปัตตานีขับรถมอเตอร์ไซด์ไปทำงานตามปกติ แต่แกสังเกตเห็นว่ามีวัยรุ่นสองคน
ขับตามแกมาสังพักแล้ว เพราะแกขับผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำก็เลยมั่นใจว่าถูกขับตามมาอย่างแน่นอน
แกก็เลยชะลอรถเพื่อให้มันแซงไปถ้าพวกมันสองคนไม่ได้ตามแกมาอย่างที่แกคิด ปรากฏว่าเมื่อเข้ามาใกล้
ไอ้วัยรุ่นคนซ้อนท้ายก็ชักอาวุธปืนออกมา แกหักมอเตอร์ลงข้างทางพร้อมกับที่มันยิงแกสองนัด แกลงไปนอน
แน่นิ่งอยู่ในคูข้างทาง มันจอดรถลงไปดูคนซ้อนลงไปดูคนขับยังคร่อมรถอยู่พร้อมจะไปหนี มันชะล่าใจครับ
คิดว่าที่ยิงไปสองนัดจะทำให้พี่แกตายแล้วแน่นอน พอมันหันหลังกลับ พี่แกก็ชัก.38 ยิงไปโดนที่หลังมัน
มันวิ่งไปขึ้นรถแล้วหนีไป แกก็ยิงตามไปอีก หลังจากนั้นก็ตามไปจับได้ที่ร.พ หนองจิก ไอ้คนขับก็โดน
จับได้ที่บ้านเพราะโดนเข้าที่แขนจากการขึ้นมายิงตามจังหวะที่พวกมันหนี นี้แค่ตัวอย่างครับ ยังมีอีกหลายคนที่
รอดมาได้เพราะปืนคู่กาย...