ยกมาจากนี่...
http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/page1/nov/17/p1_1.php----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รุนแรงถึงขั้นวิกฤติมีการฆ่ากัน ไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้เสด็จฯไปประทับทรงงาน ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส เป็นเวลา 2 เดือน และทรงพบเห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นที่สลดพระราชหฤทัย ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ จึงได้มีหนังสือเชิญตัวแทนจากหน่วยงาน และองค์กรต่างๆ มาเข้าเฝ้าฯรับฟังสถานการณ์ ความรุนแรงต่างๆ ที่ทรงประสบ ระหว่างปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
-------------------------------------------------------------------
"ราชินี" ทรงเล่าพระราชกรณียกิจทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 16 พ.ย. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าฯ อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ตัวแทนจากองค์กรอิสระ มูลนิธิ สมาคม นิสิตนักศึกษาและคณาจารย์ รวมทั้งสิ้น 930 คน ฟังพระราชกระแสที่ทรงเล่าถึงพระราชกรณียกิจและทุกข์สุขของราษฎร ที่ได้ทรงรับทราบด้วยพระองค์เอง ขณะเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ไปประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ที่ผ่านมา
ทรงห่วงชาวบ้านเดือดร้อนสาหัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระกระแสรับสั่งว่า ข้าพเจ้าขอขอบคุณ ท่านทั้งหลายที่กรุณามาพบข้าพเจ้า ตามคำเชิญคำขอร้องของข้าพเจ้า สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องขอพบท่านทั้งหลายก็เป็นสิ่งที่คิดว่าทุกท่านก็พอจะทราบดีอยู่แล้วนั่นคือ ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปคราวนี้ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถที่จะไปอยู่แค่เดือนเดียวแล้วก็กลับมา อย่างที่เคยกระทำ ก็ต้องอยู่สองเดือน เพราะว่า เป็นห่วงประชาชนอย่างมาก และยิ่งไปได้พบได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทางภาคใต้ว่า ขณะนี้กำลังเดือดร้อนแสนสาหัส ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม ก็ตาม คนไทยผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ถูกฆ่ากันไปไม่เว้นแต่ละวัน จนบัดนี้ก็ยังฆ่าอยู่
หากินไม่ได้-ทั้งที่อุดมสมบูรณ์ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับราษฎรในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส แล้ว ต่างคนต่างก็บอกว่าอยู่ในพื้นที่นี้มาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย ด้วยความสงบสุข และทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม ต่างก็สามัคคีปรองดองกัน เป็นเพื่อนกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ทุกคนก็นึกว่าตัวคือคนไทย และรักแผ่นดินไทยไม่อยากไปอยู่ที่ไหน แต่ปัญหาทุกวันนี้คือว่า ทำมาหากินไม่ได้เลย และไม่มีความปลอดภัยในชีวิตแม้แต่น้อย พื้นที่ภาคใต้ของเราเป็นพื้นที่ที่มีความสวยสดงดงาม มีความอุดมสมบูรณ์ มีทะเล ภูเขา ป่าไม้ มีพืชพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ มีป่าผืนใหญ่ เป็นป่าผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์มาก มีพื้นที่กว่า 1 ล้านไร่ มีสัตว์ป่านานาชนิด ชุกชุม มีดอกไม้หายาก ที่เราเรียกกันว่าดอกดาหลา แต่ว่าเป็นสีขาวแต่อยู่ในป่าลึกมาก และพันธุ์ไม้ใบที่มีสีสวยแล้วก็งดงามมาก มีผลไม้ที่มีรสหวาน ลองกอง เงาะน้ำตาลกรวด มังคุด ละไม ล้วนเป็นผลไม้ที่คนในภาคอื่น อยากหาซื้อรับประทานตามฤดูกาล ข้าพเจ้าเองชอบรับประทานเงาะพันธุ์น้ำตาลกรวด เป็นอย่างยิ่ง เพราะมีรสหวาน นุ่มนวล อร่อย เราทั้งหลายควรจะขอบคุณบรรพบุรุษ ที่ช่วยรักษาแผ่นดิน ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ผืนนี้ไว้เพื่อให้เป็นมรดกตกทอดแก่พวกเราทั้งหลาย ได้ทำมาหากินได้อยู่อาศัยอย่างสุขสบายถึงปัจจุบัน
ในหลวงทรงแก้ปัญหาขาดน้ำนับเป็นเวลากว่า 30 ปี ที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปเยี่ยมราษฎรภาคใต้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงศึกษาค้นคว้าด้วยพระองค์เอง ทรงศึกษารายละเอียด จากแผนที่และภาพถ่ายทางอากาศ ถึงที่ตั้งหมู่บ้านแม้อยู่ห่างไกลปานใดก็ดี และได้เสด็จพระราชดำเนินไปตรวจ สภาพภูมิประเทศจริงๆ ทรงกำหนดโครงการต่างๆ ขึ้นมากมาย จากนั้นพระราชทานให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ รับไปพิจารณาดำเนินการ พัฒนาตามความเหมาะสม ซึ่งได้ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำของราษฎร โดยมากที่นั่นพื้นดินมักจะมีดินมีรสเปรี้ยวมาก ก็ทรงมีโครงการที่จะกลับให้ดินนั้น เป็นดินที่ว่าสามารถปลูกข้าวได้
พระราชดำริโครงการแกล้งดินนอกจากนั้น ยังได้ทรงศึกษาวิธีการใช้พื้นดิน พื้นที่ดินที่ถูกทิ้งรกร้างว่างเปล่าให้เป็นพื้นดินที่ทำมาหากินได้ ทรงพบว่าจังหวัดนราธิวาสมีพรุขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ จึงมีพระราชดำริจะเอาพื้นที่ขอบพรุส่วนหนึ่ง มาจัดสรรให้ราษฎรที่ยากจนและขาดแคลนที่ดินทำกินได้ใช้ประโยชน์ โดยระบายน้ำออกจากพรุบางส่วน มีพระราชดำริให้จัดทำ โครงการแกล้งดิน ที่มันอยากเปรี้ยวดีนัก ให้นำมาใช้ปลูกพืชทางเศรษฐกิจจนได้ ประชาชนสามารถผลิตข้าว เพิ่มขึ้นได้ ในที่นาของเขาต่างๆ และทรงตั้งศูนย์ศึกษาพัฒนาพิกุลทองขึ้น เพื่อให้ราษฎรได้เข้าไปรับการฝึกอบรม ทำการเกษตรอย่างถูกหลักวิชาการ โดยเน้นให้มีการฝึกปฏิบัติจริง จนเกิดความชำนาญ และนำกลับไปขยายผลทำเองที่บ้าน เพื่อใช้พื้นดินที่มีอยู่จำกัดให้ได้ผลผลิต พอเลี้ยงตนเองได้ ทรงมีโครงการมากมาย แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเลี้ยงกุ้ง
ไทยพุทธ-มุสลิมถูกคุกคามหนักสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีกระแสรับสั่งอีกว่า ตอนที่ข้าพเจ้าเดินทางไปกราบนมัสการอาจารย์แบน ที่ภาคอีสาน ท่านได้กำชับให้นึกถึงพระคุณของแผ่นดิน อย่าได้ลืมพระคุณของแผ่นดิน ที่จะต้องปกป้องทำนุบำรุงแผ่นดิน จึงทำให้คิดว่า ไปภาคใต้ปีนี้ ถึง 2 เดือนเต็ม ได้ยินได้เห็นอะไรมามาก ซึ่งสถานการณ์เป็นที่น่าเสียดายว่า ไทยพุทธและไทยมุสลิมที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข กลับถูกคุกคามอย่างหนัก ทั้งที่จริงประเทศไทยเคยมีอิสระในการนับถือศาสนา ไม่เคยมีการบังคับ ว่าจะนับถือศาสนาใดไม่ได้
3 จ.ใต้วิกฤติทำร้ายกันอำมหิตทั้งนี้ เพื่อนชาวต่างประเทศทุกคนก็สรรเสริญประเทศไทย ว่าเป็นประเทศที่ให้อิสระในการนับถือศาสนา โดยที่ไม่มีการแกล้งหรือฆ่ากัน พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก ซึ่งทรงสนับสนุนทุกศาสนา ในกทม.ก็มีทั้งโบสถ์คริสต์ โบสถ์พราหมณ์ วัดไทย และไม่มีซักครั้งที่ชาวคริสต์จะไล่ฆ่าชาวพุทธ หรือชาวพุทธจะไล่ฆ่าฟันชาวมุสลิม เรื่องนี้เป็นชื่อเสียงของประเทศไทยมาก แม้ต่างศาสนาก็จะทักทายกันด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เดี๋ยวนี้กลับเปลี่ยนแปลงไป ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ถึงขั้นน่าวิตกอย่างมาก มีการทำร้ายกันอย่างอำมหิต แม้แต่ในร้านค้า ซื้อของเสร็จ ก็มีการชักปืนมายิงคน ยิงเจ้าของร้าน เรื่องนี้ทราบจากเพื่อนมาเล่า และอ่านหนังสือพิมพ์
ทั้งฆ่าพระ-ตัดหัวพ่อต่อหน้าลูกข้าพเจ้าได้รับทราบเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน เช่น พระออกบิณฑบาตก็ยังถูกฆ่า ถูกตีจนพิการ และต้องสึกออกมา แม้จะมีการขึ้นชื่อว่ามีโจรแบ่งแยกดินแดน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเที่ยวจะไปฆ่าคนทุบตีคน เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เพิ่งเกิดขึ้นในปีที่ 31 ที่ไปประทับอยู่ แม้แต่นักเรียนไปเรียนหนังสือก็ถูกฆ่า ส่วนอีกแห่งหนึ่งชาวบ้านที่จังหวัดยะลามีสวนยางเล็กๆ ออกไปรับลูกที่ไปฝากแม่เลี้ยงไว้ แล้วกลับมาก็พบเด็กและลุงข้างบ้าน ได้ยินเสียงเด็กร้องก็เข้าไปดู พบว่าเด็กคนนั้นกำลังประคองหัวพ่อไปต่อกับร่าง เด็กเล่าให้ฟังว่ามีเสียงถีบประตูเข้ามา พ่อก็ลุกขึ้นยืนหันไปดูว่าใครเข้ามา ก็เห็นคนคลุมหน้าแล้วเค้าก็ยิงพ่อล้มลงไป อีกคนที่เข้ามาพร้อมกันก็เอาขวานตัดคอและจิกหัว แล้วบังคับให้เด็กดู
ทารุณโหดเหี้ยมเหลือประมาณข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการทารุณเหี้ยมโหดเหลือประมาณ ถ้าไปอยู่ 2 เดือน แล้วไม่ได้มาบอกเพื่อนเจ้าของประเทศ ก็คงจะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ก็จะไปประทับอยู่ที่ อ.สุคิริน คือนิคมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนับสนุนให้ตั้งขึ้น ซึ่งมีชาวอีสาน ชาวไทยพุทธ และมุสลิมอาศัยรวมอยู่ที่นั้น เมื่อไปเยี่ยมชาวบ้านก็บอกว่าดีใจที่มา แต่ใจจริงไม่อยากให้มา เพราะน่ากลัว แต่ข้าพเจ้าบอกว่าไม่มีอะไรหรอก รัฐบาล ทหาร ตำรวจได้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ปลอบขวัญชาวบ้าน-หัดยิงปืนในช่วงหลัง มีการทิ้งใบปลิวกันมากขึ้น โดยขอให้พวกไทยพุทธออกไปจากแผ่นดินไทยนี้ ไม่เช่นนั้นจะให้กินลูกปืน ซึ่งข้าพเจ้าได้แต่ปลอบใจ และชวนให้ไปหัดยิงปืนเพื่อให้ป้องกันตัว พวกชาวบ้านก็ไปหัดกันที่ค่ายนาวิกโยธิน ที่ อ.เมืองนราธิวาส ข้าพเจ้าก็ไปนั่งดูเค้ายิงกันแม่นมาก ไม่น่าเชื่อ เค้าก็ภูมิใจว่า อย่างน้อยก็สามารถป้องกันตัวเองได้ เดี๋ยวนี้มีความพยายามแยกไทยพุทธออกมา โดยใช้ใบปลิว ข้าพเจ้าตามเสด็จฯ มากว่า 30 ปี ไม่เคยเห็นเหตุการณ์โหดร้ายทารุณเช่นนี้เลย บางครั้งชาวบ้านที่มีสวนยางก็มีใบปลิว มาติดที่ต้นยางว่าห้ามกรีดยาง ถ้าใครกรีดยางจะฆ่า เหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป
ขอสิทธิให้ชาวใต้ได้มีชีวิตอยู่ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าแถวตันหยงรีมอ คนไทยไปกรีดยางจะถูกเชือดคอแล้วเอาหัวไปทิ้งที่อื่น แล้วจะมีคนแปลกหน้ามาถามว่าจะขายสวนยาง สวนเงาะ สวนลองกองหรือไม่ ถ้าไม่ขายตอนดึกก็จะมีคนเข้ามาทำลายสวนผลไม้เหล่านั้น แล้วชาวบ้านก็บอกว่าท่านมาก็ดีแล้ว เราอยากจะถามจากปากท่านคำเดียวว่า เรามีสิทธิ ที่จะอยู่ที่นี่หรือไม่ หรือจะต้องให้เราออกไปที่ไหน ข้าพเจ้าก็บอก ว่าก็อยู่ซิ ก็อยู่มาตั้งนาน อยู่จนต้นไม้โตหมดแล้ว เราไม่ได้ทำผิดอะไร จะยอมให้เค้ามาไล่ได้อย่างไร ซึ่งชาวบ้านได้ขอให้ข้าพเจ้าพูดกับรัฐบาลขอร้องว่า อย่าถอนทหารจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าหากทหารยังอยู่ ชีวิตของพวกเขาก็ยังอยู่ หากทหารไปพวกเขาก็ตายกันหมด
ให้คนไทยร่วมหาหนทางแก้ไขนอกจากนี้ ยังรับสั่งให้นาวิกโยธินไปหัดยิงปืนให้กับชาวบ้าน พร้อมกับได้ขอร้องให้แม่ทัพภาค 4 ช่วยดูแลสงเคราะห์ประชาชนไปเรื่อยๆเหมือนกับที่ท่านโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทยทำไว้ ในเรื่องอาสาสมัครป้องกันหมู่บ้าน เพราะรู้ว่าทำต่อไปอีกพวกเขาจะสบายใจขึ้น ข้าพเจ้าจึงกลับไม่ลง เพราะเห็นเขาทุกข์โศกมากมาย แม้แต่พระยังบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหลายเบาบางลงตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ ไม่อย่างนั้นโดนเต็มที่ โดนรังแกมากกว่านี้ เห็นว่าเป็นคนไทยแท้ๆน่าจะให้คนไทยด้วยกันทุกภาคได้รับทราบ และแนะนำหาหนทางแก้ไขร่วมกัน บางคนอยู่ไม่ได้ก็หนีไป พวกเขาก็เลยยกบ้านให้ทหารใช้เป็นที่พักที่มาช่วยดูแลคุ้มกัน
สมควรหรือปล่อยให้ฆ่าใครก็ได้ทหารได้ทำชื่อเสียงไว้มาก ขอให้ช่วยอยู่และพิทักษ์ ดูแลราษฎรให้พวกเขาได้ทำมาหากินต่อไป ข้าพเจ้า คิดทบทวนว่า จะปล่อยให้มีการฆ่ารายวันเช่นนี้ต่อไป หรือ ข้าพเจ้าเป็นถึงพระราชินี อายุถึง 72 ปีแล้วจะมานั่งนิ่งอมพะนำ ไม่พูดไม่จาไม่ได้ จึงคิดว่าควรต้องพูดให้พวกเราได้ฟังว่าสมควรแล้วหรือที่จะปล่อยให้ใครอยากจะฆ่าใครก็ได้ กฎหมายของประเทศมีอยู่แต่ใช้ไม่ได้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ น่ากลัวเหลือเกิน คนไทยมีสิทธิที่จะอยู่และทำมาหากินโดยสุจริต แต่ทำไม่ได้แล้ว จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ข้าพเจ้าเลยคิดว่าชีวิตมนุษย์สำคัญที่สุด โดยเฉพาะ เป็นคนบริสุทธิ์ถ้าไม่ได้ทำร้ายใคร จึงขอให้เขาอยู่อย่างร่มเย็น เดี๋ยวนี้แม้แต่เจ้าหน้าที่กรมชลประทานที่มาช่วยข้าพเจ้า หาแหล่งน้ำตามโครงการพระราชดำริก็ยังถูกฆ่า ผู้พิพากษาอายุยังไม่ถึง 40 ลูกยังเล็กก็ยังถูกฆ่า ไม่รู้ปล่อยไปได้ อย่างไร ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ช่วยดูแลคนไทยด้วยกันให้อยู่อย่างร่มเย็น
ช่วยกันหาทางยุติการฆ่ารายวันการฆ่าก็ไม่เหมือนปกติ เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ ไม่เชื่อว่าเป็นการกระทำของชาวมุสลิมที่รู้จักกันมากว่า 30 ปี ไม่ใช่เขาแน่ เป็นอะไรมาจากไหนไม่ทราบ จึงขอให้ร่วมกันแสดงออกถึงความห่วงใย ต่อคนไทย แม้จะอยู่ไกลถึงภาคใต้ แต่พวกเขาถูกรังแกเอาชีวิต ต้องช่วยกันคิดช่วยกัน หาทางยุติการฆ่ากันรายวัน เมื่อก่อนที่ข้าพเจ้าจะไปประทับอยู่ ก็มีการฆ่ากันเสียชีวิต 1-2 คนแต่พอกลับมา บางวันถึง 8 คน จึงน่าจะช่วยกันสะสางยุติเหตุการณ์การฆ่ากันเช่นนี้ ไม่ใช่มอบให้รัฐบาลแก้ ปัญหา แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมถึงปัจจุบัน มีคนถูกฆ่าเสียชีวิตไปแล้วกว่า 300 คน ข้าพเจ้าเองก็หมดสติปัญญา ขอมอบให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ทราบว่าท่านมีงานมากมายที่ต้องทำ
ซื้อที่ดินให้ครอบครัว ตร.พลีชีพเมื่องานเฉลิมฉลอง 72 ปีของข้าพเจ้า มีคนมาถวายเงินจำนวนมาก ข้าพเจ้าก็ได้นำเงินส่วนนี้ไปซื้อที่ดินที่นราธิวาสจำนวน 600 ไร่ ตั้งใจว่าจะเอาไปสร้างที่อยู่อาศัยให้กับภรรยา หรือครอบครัวของตำรวจชั้นผู้น้อยที่ถูกฆ่าตาย คนละ 2 ไร่และบ้าน 1 หลัง พร้อมทั้งสอนวิธีเลี้ยงปลา ปลูกพืชพรรณธัญญาหาร ขณะนี้กำลังสร้างบ้านและกำลังพัฒนาที่ดิน จึงขอขอบคุณเจ้าของเงิน ข้าพเจ้ากลับมาครั้งนี้อายุ 72 พรรษาสงสัยต้องหัดยิงปืนบ้าง
ร่วมผนึกพลังตอบแทนแผ่นดินส่วนเหตุการณ์ที่ร้านข้าวต้มที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว น่าสงสารมาก เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ใช้ยิงเฉยๆ ใช้ระเบิดด้วย ชื่อร้านข้าวต้มอั้งม้อ ตอนนี้พังไปหมดแล้ว เท่าที่ สังเกตมักจะชอบลอบประทุษร้ายเฉพาะคนที่ไม่มีหนทางต่อสู้ ก็เลยขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่ช่วยให้กำลังใจข้าพเจ้ามาฟังกันในวันนี้ ทั้งท่าน นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย และผู้มาฟังทุกท่าน เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา แต่ไม่ควรโมะให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว คนไทยทั้งชาติต้องมีหน้าที่ตอบแทนแผ่นดินตามที่อาจารย์แบนบอก เพราะขณะนี้ ทำมาหากินไม่ได้ ตายลูกเดียว จะให้เขาอพยพออกจากผืนดินที่ปู่ย่าตายายเขาหามาก็ได้ แต่ข้าพเจ้ายังมองไม่เห็นว่าจะให้อพยพคนไทย 3 แสนคน ไปอยู่ที่ไหนกันบ้างและจะให้เขาทำกินอะไร และจะปล่อยให้โดนฆ่าตายทุกวันก็แย่ จึงต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อช่วยชีวิตคนไทยประมาณ 3 แสนคน ทางภาคใต้ ให้เขามีทางทำมาหากิน ได้มีชีวิตอยู่ ขอให้เขามีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ อยากจะพูดกับพวกสิทธิมนุษยชนว่าพวกนี้ไม่ได้ทำบาปทำกรรมอะไรเลย เขาก็น่าจะมีสิทธิทำมาหากินในประเทศของเรา ขอให้นายกฯและรัฐบาลหาทางแก้ไขปัญหาอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าสัญญาว่า 72 ปี จะไปหัดยิงปืนใหม่โดยไม่ต้องใส่แว่น ขอบพระคุณค่ะ ขอบพระคุณมาก
-------------------------------------------------------------------------------
ยกมาจาก
www.Thairath.co.th...
http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/breaking.news/bknews.php?id=11630 นายสงวน อินทร์รักษ์ เลขาธิการสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยถึงกระแสพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเล่าถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พระองค์ทรงทราบด้วยพระองค์เองว่า มีผลต่อจิตวิทยา และเป็นขวัญกำลังใจให้กับประชาชนอย่างมาก เนื่องจากในขณะนี้มีครูทำเรื่องขอย้ายออกจากพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งตนพยายามทำความเข้าใจขอให้ครูอย่าได้แตกตื่นและอย่าย้ายออกไป เพราะการย้ายออกทำให้เกิดความไม่สบายใจกันมากขึ้น นอกจากนี้ประชาชนชาวไทยพุทธ อำเภอจะแนะ 27 ครอบครัวอพยพออกจากบ้านไปแล้ว เพราะโดนข่มขู่ว่าถ้าไม่ออกไปจะถูกฆ่าภายใน 2 วัน
เลขาธิการสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส กล่าวด้วยว่า อยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่านายกรัฐมนตรีรู้อยู่เต็มอกว่าความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใครเป็นผู้บงการ
ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงนายน้อย แก้วอำไพ อายุ 47 ปี ชาวบ้าน ตำบลตาแกะ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี บาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี เหตุเกิดที่บริเวณถนนสายบ้านบาเจาะ-ตาแกะ ตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง ก่อนเกิดเหตุนายน้อยขับรถจักรยานยนต์ไปส่งแม่ที่บ้านบือเจาะ ขากลับ คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้น 4 นัด ถูกที่บริเวณลำตัว และ แขน ชาวบ้านช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนปืนขนาด .38 สำหรับประเด็นสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นที่นายสมชายยกมาจากกระแสพระราชดำรัสมามี 3 ประเด็นครับ...
1) พระองค์ท่านบอกว่าให้พระชาชนชาวไทย
แสดงพลังความไม่พอใจแก่ผู้ทำผิดกฎหมาย... แบบบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป...
2) พระราชินีบอกว่าคนที่กระทำการนั้น... ไม่ใช่ไทยมุสลิมที่พระองค์ท่านรู้จักมานาน...
"มาจากไหนก็ไม่รู้..."3) ตัวพระองค์ท่านจะหัดยิงปืน... และที่ผ่านมา
พระองค์ท่านไปสอนให้ผู้หญิง+ผู้คนที่นั่นหัดยิงปืน... "แม่นมาก..."ระหว่างที่ท่านมีกระแสพระราชดำรัส... กล้องถ่ายให้เห็นเบื้องข้างใบหน้านายกฯ... เห็นแล้วบอกได้คำเดียวครับ เป็นใบหน้าคนมีความทุกข์ใจ... เฮ้อ...
เห็นไหม... ประเทศไทยยังต้องการปืนแบบถูกกฎหมายครับ...