เป็นไปได้ หรือ ครับ ตอนลงไม่มีแรงขับ น่าจะลงมาช้า
ถ้ายิง เฉียง 45 องศาละ เป็นไงครับ

แรงดึงดูดของโลกไงครับที่เป็นแรงขับของวัตถุที่หล่นลงมาให้มีความเร่ง ซึ่งยังไงความเร็วก็ไม่เท่าเดิมแน่นอนครับ เพราะมีแรงต้านอื่น ๆ อีก เช่น แรงต้านจากอากาศ และแรงขับที่เกิดจากแรงดันของการสันดาปดินปืนมีมากกว่าแรงขับที่เกิดจากแรงดึงดูดของโลก ความเร็วขณะตกคงไม่เท่าตอนที่มันวิ่งออกจากลำกล้องแน่ ๆ ความเร็วของหัวกระสุนที่หล่นลงมานั้นมีตัวแปรหลายตัวครับ ในบอร์ดนี้เคยคุยกันหลายครั้งแล้ว จำได้ว่าหากคำนวนโดยไม่ได้นำตัวแปรต่าง ๆ ที่เป็นแรงต้านมาหักล้าง ความเร็วของหัวกระสุนที่ตกลงมาก็จะมีความเร็วเท่าตอนที่มันขึ้นไปอย่างที่เจ้าของกระทู้บอกแหละครับ ซึ่งท่าน อ.ผณิศวร ท่านผู้การสุพินท์ และคุณครูฟิสิกส์ เคยลองคำนวนไว้ ปรากฏว่าความเร็วที่ได้ลดลงครับ แต่ก็ยังมากพอที่จะเป็นอันตรายได้

ข้างล่างเป็นข้อความของท่าน อ.ผณิศวร ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ กระทู้ที่มีสูตรคำนวนผมหาไม่เจอแล้ว

ไม่เท่าครับ ความเร็วปากลำกล้อง (ขาขึ้น) สูงกว่า และหัวกระสุนทรงตัวดีกว่าจากการหมุนในลำกล้อง
หัวกระสุนขาขึ้นเมื่อออกจากลำกล้องมี "ความเร่ง" คือเริ่มจากศูนย์ (ที่ปลอก) วิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ (ในลำกล้อง) จนพ้นลำกล้องแล้วมีแรงโน้มถ่วงกับแรงเสียดทานของอากาศ ทำให้วิ่งช้าลงเรื่อยๆ (ค่าความเร่งติดลบ) จนขึ้นสูงสุดแล้วก็ตกกลับลงมา
ขาลง เริ่มจากความเร็วเป็นศูนย์ (จุดสูงสุด) มี่ความเร่งเท่ากับแรงโน้มถ่วง หัวกระสุนจะวิ่งลงมาเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่การทรงตัวจะไม่ดีเหมือนขาขึ้นเพราะการหมุนช้าลงเรื่อยๆ เช่นกันเนื่องจากแรงเสียดทานของอากาศ และเจ้าแรงเสียดทานของอากาศนี้ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเร็วยิ่งเสียดทานมาก จนในที่สุดแรงเสียดทานกับแรงโน้มถ่วงหักล้างกันพอดี ความเร็วหัวกระสุนจะคงที่ (Terminal Velocity !!) สำหรับ .45 ประมาณว่าไม่ถึง 400 ฟุต/วินาที ซึ่งสำหรับหัวกระสุนหนัก 230 เกรน พลังงานก็อยู่ในระดับ 50-60 ฟุต-ปอนด์ครับ ยังเจาะกระโหลกคนได้สบาย

เป็นเรื่องดีที่จะช่วยกันรณรงค์ไม่ให้ยิงปืนขึ้นฟ้าครับ ช่วยกันบอกต่อ ๆ กันไปว่าอันตรายที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร ทำไมถึงอันตราย ค่อย ๆ บอกค่อย ๆ ซึมครับ
