Ha Ha Ha ฮา "ฮั่นแน่" พีี่นายสมชาย (ฮา) อ่ะ ฮา
แหม.... เอา "ไอ้หน้าเหลี่ยม" ไปเปรียบกับ "ไอ้หน้าหล่อ" ฮา
ไอ้หน้าเหลี่ยม คนชนะ "เลือกตั้ง" ต้องไปจัด ครม. ที่ "ดูบาย " ฮา
แต่ ไอ้หน้าหล่อ แชมป์ วิ่งราว 100 เมตร ฮา
มี "เทพ อุ้ม สม" ต้องไปจัดที่ "ค่ายทหาร" ฮา

เรื่อง "คนเก่ง" ไม่อยาก "เปลืองตัว" ฮา
ยายคิดว่า "เขากลัว" พอชนะเลือกตั้ง แล้วโดน "ยุบพรรค" ซ้ำซาก อ่ะ ฮา
แต่ถ้าเป็น "เทพ อุ้ม สม" ฮา
55555 "หมด อายุ ความ" ฮา

ไอ้เรื่อง "คนโง่" ส่วนใหญ่ เลือก ไอ้หน้าเหลี่ยม ฮา
ก็คงเพราะเขามี "นโยบาย" ที่จับต้องได้ เป็นจริง ไม่เพ้อฝัน อ่ะ ฮา
555 เลือกตั้งทุ๊กครั้ง ก็ชนะ ทู๊กที อ่ะ ฮา

ยายว่า "พวกเขา" ไม่โง่น๊ะ ฮา
5555 "ตาสว่าง" ขึ้นแยะ ฮา

"แพง" ทั้งแ่ผ่นดิน ฮา
ยายเชื่ออ่ะ "หุ้น" มันดีดโครมๆ ฮา

ไอ้เรื่อง "คนโง่" เยอะ แล้วเป็นอุปสรรค ต่อ "ประชาธิปไตย" ฮา
อ๊อกฟอร์ด หรือ แคมบริด์ เขาไม่ได้สอน ไม่มีใน "ตำรา" น๊า ฮา

ประชาธิไตยของประเทศไทย "เดินช้า" ผิดทิศทาง ฮา
ยายเชื่อว่า มีคนทำให้เป็นอย่างนั้น อ่ะ ฮา
เพราะ "คนฉลาด" ปกครอง ยาก อ่ะ ฮา
5555 อย่าเคลียดน่า คอยสักพัก พอ "หมดรุ่น"
ปล่อยให้พวก "หััวหงอก" ตายก่อน ทีนี้มันปรู๊ดปร๊าด เชียวแหละ ฮา
เอ้า ยายเอาเพลงมาฝาก มิตรรักของ "ไอ้หน้าหล่อ" ฮา
https://www.youtube.com/watch?v=2CBqvcqsmMMมี 3 เรื่อง เรื่องตั้งนายกฯ เรื่องคนโง่โดนหลอก และเรื่องมือที่มองไม่เห็น...
เรื่องตั้งนายกฯ นั่นเป็นเรื่องโดนหลอกรอบวง
เพราะก่อนนั้นไม่เคยคิดกันมาก่อนว่าจะมีคนหน่อมแน้มได้จนถึงขนาดนี้
ถึงขนาดที่เกือบตายเพราะโดนล้อมรถยนต์
โดนอิฐตัวหนอนทุบกระจกก็แล้ว... ก็ยังไม่มีปัญญาบังคับใช้กฎหมายได้,
อันนี้เป็นเรื่องบุคลิกคน แล้วเรื่องนี้ก็ลามปาม มาถึงการถอดใจยกธงขาวยุบสภาเสียดื้อๆ...
เหมือนคนวิ่งนำหน้ากำลังลุยเตะฝูงหมาที่กำลังล้อมงับน่องฯ
อยู่ดีๆหัวหน้าทีบบอกว่าเลิกเฟ๊ยๆ เลิกเตะหมา...
ลูงน้องกำลังพัลวัลพัลเกเตะปากหมาอยู่
เลยโดนหมารุมงับน่อง จนต้องกลายเป็นพวกเดียวกับหมาจะได้ไม่ต้องโดนงับน่อง,
แล้วตอนนี้หัวหน้าทีมก็มาโอดครวญว่า
อดีตลูกน้อง หันมางับน่องตัวเอง... ฮา... (ก็ต้องสู้คดีกันต่อไป)...
ผลลัพธ์คือเป็นนายกที่ใช้ต้นทุนทางสังคมได้เปลืองที่สุด
แล้วผลลัพธ์แห่งการใช้ต้นทุนทางสังคมที่เปลืองนี้
ทำให้ต้นทุนที่มีอยู่ของสังคมไทยถูกลดทอน
จนกลายเป็นว่าเป็นยุคที่ตกต่ำที่สุดของ"สัญญลักษณ์แห่งคุณงามความดี"ที่อยู่สูงที่สุดของประเทศ...
อดีตนายกคนนี้แหละ เป็นจุดอ่อนที่โดนเจาะ, หากย้อนเวลาได้จะไม่ได้เป็นนายกฯ...
เรื่องคนโง่โดนหลอกนั้นมาได้จนถึงวันนี้ คงมีคนตาสว่างกันบ้างจากปรากฎการณ์"แพงทั้งแผ่นดิน"
แต่ในที่สุดก็จะโดนหลอกรอบใหม่อีก เหมือนเด็กโดนเอาขนมมาหลอกล่อครั้งใหม่,
เพราะต้นเหตุมูลฐานแห่งความโง่ยังไม่ได้ถูกขจัดปัดเป่าไปให้หมดอย่างสิ้นเชิง
คือเรื่องการอ่านแยะ เรียนรู้แยะๆ จะได้มองโลกกว้าง...
ความโง่มันไม่ใช่เกิด"พยาธิสภาพโง่"ขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน
แล้วกินยาแก้โง่สองเม็ด นอนหลับหนึ่งตื่นแล้วหายโง่,
แต่ความโง่มันเกิดจากนิสัยพื้นฐานในกมลสันดานที่ไม่เคยนึก"อยากรู้"ในสิ่งรอบข้างรอบตัว
แล้วไม่เคยนึก"อยากค้นคว้า"จากแหล่งความรู้, จนในเวลาที่ผ่านไปเท่ากัน
คนโง่กับคนฉลาดจะยิ่งถ่างช่องว่างแห่งความรู้ออกไปทุกทีที่เวลาผ่านไป...
ถ้ายายบ๊าบเคยเรียนเรื่องการบริหารมาบ้าง จะรู้ว่า
เรื่องพฤติกรรมในองค์กรจะมีคนถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้วตามทฤษฎี X และทฤษฎี Y ของแมคเกรเกอร์
แล้วต้องจูงใจผู้คนให้เหมาะสมกับบุคคลให้ถูกประเภทฯ
(ไม่ใช่แต่ทฤษฎีของแมคเกรเกอร์เท่านั้น
แต่ทุกทฤษฎีที่เกี่ยวกับการปกครอง/การสร้างแรงจูงใจจะแยกและจัดหมู่ผู้คน
- แต่ที่เอาเรื่องแมคเกรเกอร์มาคุย ก็เพราะมันอธิบายได้ง่าย และเบื่อเรื่องบัวสี่เหล่าแล้ว)...
ลิ้งก์นี่
http://www.google.com/search?q=douglas+mcgregor+-+theory+x+y&sourceid=ie7&rls=com.microsoft:en-us:IE-SearchBox&ie=&oe=หากอ่านตามลิ้งก์กูเกิล จะพบว่าคนหมู่มากนั้นไม่สามารถปฎิบัติให้เท่าเทียมเสมอกันได้ทั้งหมด
เพราะทุกคนไม่เหมือนกัน แต่ระบอบประชาธิปไตยฝืนหลักธรรมชาติ
เพราะไปมองว่าเท่ากัน(ซึ่งไม่ใช่),
ดังนั้นหลักประชาธิปไตย ที่ว่าทุกคนเท่าเทียมกันหมด
นั่นคือถ้าคนโง่ แยะกว่าคนฉลาดแล้ว คนส่วนใหญ่จะลากลงเหวตายหมู่...
สรุปว่าคนโง่ก็จะยังมีอยู่ในสังคมเสมอ
แต่เราต้องเลือกวิธีบริหารจัดการ ให้เหมาะสมกับประเทศไทยที่คนโง่แยะ...
เรื่องมือที่มองไม่เห็น...
ตรงนี้เสื้อแดงตีผิดเป้า ตีผิดตัว ไปหลงโจม"ตีสัญญลักษณ์แห่งความดี"
ที่ตลอดทั้งชีวิตทุ่มเล่นกับดิน เล่นกับน้ำ เล่นกับโครงการที่นักการเมืองไม่อยากแตะ
นั่นเพราะเป็นโครงการที่อยู่เบื้องหลัง เหมือนปิดทองหลังพระไม่ตื่นเต้นฯ
และโครงการเหล่านี้นักการเมืองไม่ได้กำไร ไม่ได้ประโยชน์เข้าพกเข้าห่อ
แต่ประโยชน์ตกอยู่กับแผ่นดินกับรากหญ้า
เพียงแต่มันไม่ตื่นเต้นและรากหญ้าต้องเหนื่อยเองด้วย
จึงจะได้ผล(ไม่เหมือนแบมือขอ - มันง่ายกว่า)...
ศูนย์รวมแห่งอำนาจสั่งการของ"มือที่มองไม่เห็น"ไม่ได้อยู่ที่สัญญลักษณ์แห่งความดี,
แต่อยู่ที่"คณะกรรมการตระกูลแปดสาแหรก"...
คณะกรรมการที่ว่านี้มีหลายตระกูลสืบทอด"ทายาทอสูร"พัลวัลพัลเกเป็นเครือข่ายมหึมา
ครอบคลุมทุกองคาพยพของสังคมไทยไม่มีหลุดรอดแม้แต่ตารางนิ้วเดียว,
สมมติว่าต้องการให้สมาชิกคนไหนได้ตำแหน่ง(หรือผลประโยชน์อะไร),
คณะกรรมการก็จะพลิก"บัญชีบุญคุณ"แล้วลากสายโช่
ต่อเนื่องแลกเปลี่ยนผลประโยชน์คนโน้นต่อกับคนนี้ ทีละเปลาะๆ ไ
ปจนสุดสายโซ่ลงตัวได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
(แล้วก็มีบัญชีบุญคุณรายการใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายรายการเชื่อมโยงหลายตระกูล)...
หากนึกไม่ออก ให้ไปดูรายชื่อคณะกรรมการพรรค/รายชื่อ สส. บัญชีรายชื่อทั้งพรรคฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล...
จะเห็นนามสกุลทับซ้อนพัลวัลพัลเก ลูกหลานแต่งงานดองกันไปดองกันมา
ไขว้กันไปมาจนกลายเป็นเครือญาติกันเกือบทั้งหมด"ทุกพรรคใหญ่",
ซึ่งพวกนี้เวลาจัดงานรวมตระกูลก็นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน
ทั้งๆที่เพิ่งเถียงกันในสภาจวนเจียนจะชกหน้ากันเมื่อเดือนที่แล้ว(เหมือนเล่นละครในศาลาโกหก)... ฮา...
เครือข่าย"ตระกูลอีแอบ"นี่ไม่ได้อยู่เฉพาะแค่วงการเมืองเท่านั้น
แม้แต่วงการธุรกิจ วงการข้าราชการ วงธุรกิจ ฯลฯ,
เครือญาติเดียวกันหมดทั้งนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...
นี่ต่างหากคือ"มือที่มองไม่เห็น",
และยืนยงเป็นคนกลุ่มเดียวนี้มาตลอด
ตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราช สมัยรัฐบาลทหาร
จนมาสมัยรัฐบาลประชาธิปไตยนี้ก็ตาม...