ไม่ตอบเรื่องโรฮิงญา แต่ขอคุยเรื่องพม่าได้ไหม?
สมัย10กว่าปีที่แล้ว มีโอกาสไปนอน รพ.ศูนย์แห่งหนึ่ง ทางใต้ เพราะขาหัก ศูนย์กระดูกอยู่ที่นั่น นอนห้องรวม
เตียงข้างๆเป็นพม่าอายุราวๆ20 นอนอยู่ นึกเคืองในใจว่ามาแย่งที่คนไทย แย่งการบริการของคนไทย
ผมขาหักท่อนบนท่อนเดียว แต่เขาหักท่อนล่าง แถมหักสองท่อนในข้างเดียว เนื้อช้ำกว่าผมเยอะ
เขานอนนิ่งยิ้มอย่างเดียว หมอหรือพยาบาลจะมาเจาะ มาดูดเลือดเสียออก หรือถอดท่อดดูดออก
(ปกติเนื้อจะเท่อยางกาะนดนึงให้เจ็บๆ เวลาดึงออก) เขาไม่เคยร้องไม่โวย ไม่มีแม้แต่กระตุกขาเพราะเจ็บ
ผมเสียอีก อุตส่ากัดฟัน อย่าให้อายพม่า ยังอุตส่าห์ขากระตุกเป็นระยะ พยาบาลถามว่าเจ็บไหม กลั้นใจส่ายหน้า

นอนกลางคืน อากาศหนาว แผลที่ผ่าฝังเหล็กร้อยกระดูกมันหดตัวเจ็บจี๊ดๆ ตลอดเวลา ตอนแรกก็พอทน แต่มันไม่ใช่ชั่วโมงเดียวนะครับ
ตั้งแต่ตีสอง กว่าจะสว่าง นึกถึงเตียงข้างๆ พม่ามันไม่เจ็บไม่ปวดมั่งหรือไง นอนนิ่งสนิท พอถึงตีสาม ผมก็เรื่องครางฮือๆ เป็นนกถึดทือ ให้
พยาบาลเวรดึกมาถามไถ่ แล้วให้พารามาสองเม็ด แถมเธอยังเอื้อเฟื้อต่อเตียงข้างๆ ซึ่งพม่ามันส่ายหน้าไม่รับ แต่ยิ้มให้อย่างเดียว
อาหาร รพ.จัดให้ยังไง มันกินอย่างนั้น อร่อยหรือไม่มีทราบ แต่กินหมด ผมเองต้องให้ญาติไปซื้อข้างนอกมา เพราะเบื่อ

ตลอด1เดือนที่ผมอยู่ รพ. ไม่ได้ยินมันร้องสักแอะ ดูขา ขาเขาก็ยับเยินกว่าของเรา มันใจเด็ดจริงๆ แอบคิดในใจว่า
มิน่า ใจเด็ดบรรพบุรุษของพวกเขา ถึงยกทัพมาตีกรุงศรอยูธยาได้ แต่ก็ยอมให้กับใจของเขาจริงๆ
อยู่ รพ.นานๆ เห็นโดยไม่ต้องสังเกตุว่าว่า กลุ่มหมอ พยาบาลแอบให้ความเอ็นดูพม่าคนนี้เป็นพิเศษ

มันไม่เรื่องมาก ไม่มีเรื่องอะไรรบกวนเลยก็ว่าได้ แม้แต่ญาติผู้ป่วยที่เป็นคนไทยของเตียงอื่นๆ มาบ่อยๆ เห็นบ่อยๆ ยังอดซื้อผลไม้
ขนม เผื่อเขาด้วย เพราะเขาไม่มีใครจริงๆ จะมีก็เพื่อนคนหนึ่งซึ่งสัปดาห์จะมาสักครั้ง แล้วก็คุยกันเป็นภาษาพม่าเงียบๆ ไม่กล้าเสียงดัง

พม่าคนนี้ อยู่ก่อนผมเข้า รพ.สัก2-3วัน และตอนผมออกจาก รพ. เขาก็ยังอยู่ ยังไม่หายสนิท
ไม่น่าเชื่อว่าตอนเข้า รพ. ผมไม่ค่อยชอบเขา แต่ตอนออก รพ. ได้หันไปบอกเขาว่า หายไวๆนะ ซึ่งเขาก็ยิ้มรับเหมือนเดิม
แค่อ่านข่าวข้างบนแล้ว นึกถึงเขาครับ
