เรื่องจริงมันไม่สนุกเหมือนในหนังหรอกครับ เพราะ มีคน ติดคุก ก็เป็นคนจริง ๆ มีเลือดมีเนื้อ แถมเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม เป็นคนที่สังคมเคยยกย่อง แต่กลับมีสภาพเช่นนี้ คงหัวเราะไม่ออกไปอีกนานครับ
คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมด กลับไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว พูดได้หน้าตาเฉยต่อหน้านักข่าว
ผมจะเรียบเรียงเหตุการณ์ อย่างย่อ ๆ ให้ดูจะได้เห็นว่า กกต. ทั้ง 3 ที่ต้องติดคุกน่ะ น่าสงสาร แต่ไม่น่าเห็นใจ
เริ่มที่ ทักษิณ ประกาศยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอกของพรรคฝ่ายค้าน เรื่องขายหุ้นให้ เทมาเส็ก โดยถาม กกต. ว่า "สามารถจัดเลือกตั้งได้เร็วที่สุดเมื่อไร?" จากนั้นก็เตรียมการอย่าง ลับ ๆ ในการวางตัวผู้สมัครทั่วประเทศ รวมทั้ง ผู้สมัครในภาคใต้ด้วย
*** ข้อสังเกตุ ทำไม ผู้สมัครในภาคใต้ทุก เขต นอกจาก พรรคไทยรักไทยแล้ว พรรคเล็ก ๆ สามารถหาผู้สมัครได้ครบทุกเขตได้อย่างไร? ถ้าไม่มีการร่วมมือของ กกต.ความไม่ชอบมาพากลของ กกต. ชุดนี้ที่สังเกตุได้มีมาตั้งแต่การกำหนดวันเลือกตั้งแล้วโดยแยกเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. หลังจากยุบสภาแล้ว กกต. ได้จัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน เป็นเวลา 37 วัน หลังการยุบสภา
* ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยมากสำหรับพรรค ฝ่ายค้านในการเตรียมตัว เพราะ ในเวลานั้น พรรคฝ่ายค้านกำลังเตรียมตัวในการเปิดอภปรายในสภา ฯ. เรื่องการขายหุ้นของ ทักษิณ ทำให้พรรคฝ่ายค้านคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนั้น หากเป็นไปตามรัฐธรรมนูณ แล้ว การยุบสภาควรเกิดการการขัดแย้งกันใน รัฐสภา ฯ. จนไม่สามารถหาทางออกได้จึงจำเป็นต้องยุบสภา ไม่ไช่การยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอก และ หากการเลือกตั้งไม่ได้เป็นวันที่ 2 แต่เป็นวันที่ 22 เมษายน พรรคฝ่ายค้านก็จะมีเวลาในการเตรียมการหาเสียง และ ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างในการ คว่ำบาตรการเลือกตั้งในครั้งนั้น
2.ในการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน วันเลือกตั้ง กกต. ได้ทำให้เกิดความสงสัยในการวางตัวของ กกต. อันนำไปสู่การยกเลิกการเลือกตั้งดังนี้
2.1.ได้เกิดมีการเปลี่ยนการจัดคูหาเลือกตั้ง โดยให้ผู้ลงคะแนนหันหลังออกสู่ภายนอก ทำให้ผู้ที่อยู่นอกคูหาสามารถเห็นการวางตำแหน่งมือของผู้ลงคะแนน
2.2. บัตรเลือกตั้งได้ย้ายตำแหน่งช่องไม่ลงคะแนนไปอยู่ที่มุมล่างขวา ทำให้สังเกตุตำแหน่งของมือเวลาลงคะแนน ของผู้ลงคะแนนได้อย่างสะดวก และ ได้มีการถ่ายภาพของผู้ลงคะแนนเวลาลงคะแนนใว้เป็นหลักฐานในการฟ้องศาลด้วย
3. เมื่อ สส. พรรคไทยรักไทย ที่สมัครแข่งขันในภาคใต้มีเสียงไม่ครบ 20% กกต. ชุดนี้ก็ได้มีการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 เมษายน โดยการ
* เปิดให้มีการรับสมัครใหม่ และ ออกจดหมายเวียนให้ กกต. เขต รับสมัคร สส. สอบตกจากเขตอื่น หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เวียนเทียน
4. หลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งแล้ว ทางแกนนำพรรค ประชาธิปัตย์ ได้ฟ้องร้องต่อ กกต. เรื่องการจ้างพรรคเล็กให้ลงสมัคร สส. โดยพรรคใหญ่ และ ทาง กกต. ก็ได้ตั้งคณะ อณุกรรมการให้ทำการสอบสวนซึ่งผลปรากฎว่า ทางคณะอณุกรรมการได้สรุปว่า พรรค ไทยรักไทย ผิดจริงตามข้อกล่าวหา และได้ส่งเรื่องกลับแต่ทาง กกต. กลับดองเรื่องใว้หลายสัปดาห์ เมื่อถูกถามถึง ก็ได้ส่งเรื่องให้คณะอณุกรรมการทำการสอบใหม่ จนทนต่อแรงกดดันจากภายนอกไม่ได้ เนื่องจากผลสรุปของ คณะอณุกรรมการ กกต. ได้หลุดไปสู่สื่อนั่นเอง ทางกกต. จึงได้ส่งสำนวนไปให้ อัยการสูงสุด แต่ก็ไม่ได้สรุปคำวินิจฉัยว่า พรรคไทยรักไทย ผิดจริง หรือไม่ ซึ่งทาง กกต. หวังว่า ทางอัยการสูงสุดจะตีสำนวนกลับมา ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ จนกระทั่งทางพรรค ไทยรักไทย ได้ฟ้องร้องต่อ กกต. เสนอให้ยุบพรรค ประชาธิปัตย์ บ้าง ทาง กกต. กลับรีบสรุปสำนวนส่ง อัยการสูงสุดภายในเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากส่งเรื่อง ยุบพรรค ไทยรักไทย
การที่ กกต. สรุปสำนวนยุบพรรค ประชาธิปัตย์ และ เสนอให้ยุบพรรค ประชาธิปัตย์ เป็นเพราะ นาย ถาวร ได้ไปฟ้องต่อ ศาล ว่า การปฎิบัติงานของ กกต. นั้นเป็นไปโดยไม่มีความเที่ยงธรรม ทำให้ประธาน กกต. โกรธจนออกนอกหน้า และได้แก้แค้นคืนนั่นเอง
ยังมีเรื่องที่ กกต. ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอีกหลายคดี แต่ส่วนมากเป็นคดีย่อย ไม่มีผลต่อการคงอยู่ของ กกต.