เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 02, 2025, 11:36:26 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กระทู้การเมืองที่น่าจะเป็นกลาง  (อ่าน 3615 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 03:07:28 PM »

ทักษิณ สนธิ ปชป. และ ประชาชน กรณีศึกษาประวัติศาสตร์ชิ้นเยี่ยมของประเทศไทย ภาค 4

จริงๆ น่าจะเป็นภาคเสริมมากกว่า แต่เห็นมีเพื่อนๆ น้องๆ login ใหม่ๆ เข้ามาแจมเยอะ เละปะเอาของเก่าเข้ามาเล่าใหม่ปูทางกันนิดหน่อย ใครเคยอ่านแล้ว อย่าเพิ่งแขวะ เรียบเรียงไม่ดีนัก เพราะไม่ใช่ นักเขียนหนังสือ

นี่ถ้ายังเรียนอยู่ และจบมาทางสาย รัฐศาสตร์ ผมเห็นท่าจะต้องทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี่เสียแล้ว
ท่ามกลางกระแสการขัดแย้ง อย่างรุนแรงที่สุดของประวัติศาสตร์ของคนในชาติในขณะนี้ ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใด สาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจากหลายๆ ปัจจัยรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพสังคมเศรษฐกิจ ระดับของการศึกษา ทัศนคติต่อเรื่องต่างๆที่ต่างกัน  ความอ่อนไหวของอารมณ์  การบิดเบือนข้อมูลเพื่อชิงกระแส  มิจฉาทิษฐิ  ความโลภโมโทสัน  การสูญเสียผลประโยชน์  และ การรักชาติอย่างไร้เหตุผลเป็นต้น

ก่อนอื่น ขอให้ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ก่อน ขอย้อนอดีต ไม่ต้องไปไกล เอาแค่ ปี 35 เพราะจะได้แทน สภาวะตอนนี้ได้อย่างใกล้เคียงกว่า

สุจินดามาจากการแต่งตั้ง กระแสสังคมตอนแรกก็ไม่ค่อยยอมรับ สมัยนั้นการรับรู้ข่าวสาร ต้องถือว่า อิทธิพลของหนังสือพิมพ์มีสูงมาก เพราะท่านชาติชาย ไปยกเลิกคำสั่ง คณะปฎิวัติ ในประเด็นการควบคุมสื่อ  แต่ยังไม่มีพลังมากพอ คุณฉลาด นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตัวจริง ต้องอดข้าวประท้วง จนกระทั่ง จำลองเข้ามาร่วมอดอาหารประท้วงด้วย แต่อยู่ได้ไม่กี่วัน ก็หันไปใช้วิธี ม็อบกดดัน โดยมีประชาชนเกือบทั้งประเทศเป็นแนวร่วม ประเด็นสำคัญที่คนไทยกลัว และ ตื่นตัวมาก ในตอนนั้น คือ เผด็จการทหารกำลังจะกลับมา มีการนำพวกที่เป็นเพื่อนเป็นญาติ ไปไว้ในตำแหน่งอันทรงอิทธิพล ชี้เป็น ชี้ตาย ประเทศ นอกจากนี้ยังไม่พอ ยังมีการวางแผนที่

เมื่อจำลองนำม็อบออกมา ประกอบกับกระแสรักชาติรุนแรง รวมทั้งสื่อทุกเล่ม ไม่มีเล่มใด รวมทั้ง คอลัมน์ใดเลย ที่จะเอนเองไปทางรัฐบาล กระแสความเกลียดชังรัฐบาลจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  แต่ รัฐบาล สุจินดา ที่กุมกำลังทหารไว้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่มีทางที่จะยอมลงจากอำนาจอย่างเด็ดขาด จนเป็นที่มาของการนองเลือด และเกือบๆ จะเป็นสงครามกลางเมือง มีการจารกรรม ห้างร้าน อย่างต่อเนื่อง มีแก็งค์มอเตอรไซค์ออกก่อกวน ไม่รู้กี่มือต่อกี่มือ ไม่ใช่แค่ มือที่ 3 เท่านั้น จนกระทั่ง พระบารมีมาโปรด ในหลวงทรงเรียก คู่กรณีทั้งสองเข้ามาสอน เรื่องราวจึงคลี่คลายไปในทางที่ดี กล่าวสั้นๆ แค่นี้ เพราะเดี๋ยวจะเป็นการอ่านหนังสือให้สังฆราชฟัง แต่กำลังจะโยงมาถึงเหตุการณ์หลังจากนั้น

หลัง พฤษภาทมิฬ ทหารได้เข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่า ถึงแม้ผู้นำประเทศจะดี ไม่ดี อย่างไร เขาไม่มีวันที่จะให้เผด็จการทหารมาครองประเทศได้อีกต่อไป ท่าน ผบ. เหล่าทัพ ในยุคหลัง ๆ จึงเป็นนายทหารที่น่าเคารพเสมอมา และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ก่อนปี 40 น้อยคนนักที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงเศรษฐกิจจะคิดว่า ประเทศไทยจะต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาท น้อยคนนักที่จะรู้จัก ตัวย่อสามตัว คือ IMF น้อยคนนักที่จะรู้จัก จอร์จ โซรอส หากเป็นคนทำงานทั่วๆ ไป หรือชาวบ้านๆ เราได้แต่ตะลึงกันไปทั้งประเทศว่า ทำไมประเทศที่กำลังจะเป็น เสือตัวที่ 5 แห่ง เอเชีย ถึงได้กลายเป็นแมวผู้ซูบซีด ทำไมประเทศที่ทุกคนฝันให้เป็น NICS (Newly Industrialize Countries) จึงล้มไม่เป็นท่า ทำไมจู่ๆ  เราถึงเป็นลุกหนี้กันทุกครัวเรือน ทำไมจู่ๆ ตลาดหุ้น ที่มียอดทะลุ ไป 2 พันจุด จึงแตกคังโพละ ทำไมไฟแนนซ์ปิด กันกว่า 50 แห่ง ทำไมคนตกงานรวมทุกสาขา เป็น แสนๆ คน ทำไม ทำไม และ ทำไม ทุกคนท้อแท้สิ้นหวัง

ทักษิณเข้ามาใน ปี 44  ทุกคนก็ยังไม่ได้ให้ราคามากนักว่าจะช่วยประเทศชาติได้กี่มากน้อย แม้จะมีคนขนานนามให้ว่า อัศวินควายดำ ที่จะมากอบกู้เศรษฐกิจไทย แต่ตัวเลือก ณ. ขณะนั้น มันไม่มีเลย ไม่มีใครที่ขาวสะอาด เก่งในเชิงบริหาร ฉลาด รู้เท่าทันโลก รวย และมีบารมีมากพอ โดยรวมอยู่ในคนๆ เดียว

ที่ว่าขาวสะอาด เพราะยังไม่ได้มีข่าวโกง เนื่องจากการเป็น รัฐมนตรีอยู่ช่วงสั้นๆ และ อยู่กระทรวงที่ไม่อาจจะมีข้อครหาอะไรได้มากนัก เช่น กระทรวงการต่างประเทศ ทุกคนจึงตั้งความหวังกับคุณ ทักษิณไว้มาก ที่เห็นได้ชัดว่า คนไทยให้ความสำคัญกับปากท้อง และ อนาคตของชาติมากกว่า จริยธรรม ชัดๆ ก็คือ กระแสกดดัน ในช่วง ซุกหุ้นภาค 1 เพราะคนเห็นว่า นั่นไม่ใช่ประเด็นของการโกง จนท้ายที่สุด เมื่อ ทักษิณชนะ มีแต่คนโห่ร้องดีใจ และ รุมประณาม นายกล้าณรงค์อย่างสาดเสียเทเสีย ทั้งๆ ที่ นายกล้าณรงค์ก็ทำไปตามหน้าที่ กระดานหุ้นดีดเขียว พรึ่บ ทั้งกระดาน ในทันทีที่รู้ข่าว

นโยบายต่างๆ ที่มุ่งเอาใจประชาชน ที่เรียกว่า ประชานิยมได้ผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ภาพพจน์ที่ดูมีระดับในวงการการเมืองและ เศรษฐกิจโลก ในช่วง 4 ปีแรก ทำให้พวกต่อต้าน ทำอะไรไม่ได้เลย และกลายเป็นพวกหิด พวกเหา ที่รอวันตายซากเท่านั้น ประชาชน มีความภาคภูมิใจในความกล้าหาญของนายกฝีปากกล้า กล้าเบ่งกับเพื่อนบ้าน ว่า มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และ จะเป็น ผู้นำ อาเซียนแทนที่ สิงคโปร์ ในเวลาไม่นาน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับไม่อาจต้านกระแสได้ เพราะกลัวถูกด่าและ ขายหนังสือไม่ออก ทุกฉบับเขียนข่าวเอนเอียงไปทาง รัฐบาลตลอด 4 ปี ข่าวที่เป็นในทางลบ ก็ลงแบบเนื้อข่าวจริงๆ ไม่มีการเล่นคำที่ทำให้คนอ่านเมามันส์ และ มีอารมณ์ร่วม  หนังสือพิมพ์ผู้เสียผลประโยชน์ก็ประคองตัวรอวันชำระแค้น

ช่วง 4 ปี ก็มีข่าวโกง โน่น โกงนี่ ผลประโยชน์ทับซ้อนออกมาเป็นระยะ แต่ก็ไม่ระคายผิว คุณทักษิณ เพราะ นโยบายประชานิยมมันกุมหัวใจคนไว้เกือบหมด อีกประการหนึ่ง คนไทยชินชากับ คำๆนี้ ไปแล้ว เพราะ ในชั่วชีวิตเขา ประสบกับการ โกง การรีดไถ จนชาชิน เขาคุ้นกับคำกล่าวที่ว่า  นักการเมือง โกงเลือกตั้ง เขาคุ้นกับคำว่า นักการเมือง ที่เบียดบังเงินหลวง เขาคุ้นกับคำว่าตำรวจชั่วบางคนที่ชอบรีดไถ เขาคุ้นกับคำว่า มาเฟียเถื่อน ที่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง

ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่สนใจ คนชั้นรากหญ้าก็สนใจ ปากท้อง อันเป็น Physical Need อันดับหนึ่ง ของมนุษย์ไว้ก่อน คนชั้นกลาง ก็ไม่สนใจเช่นกัน เพราะ เขามองภาพใหญ่ว่า ประเทศกำลังไปได้สวย เศรษฐกิจกำลังไปได้ดี ไม่ได้เชื่อรัฐบาล แต่เขาเชื่อ ธนาคารโลก เขาเชื่อในข้อมูล ของ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ที่ไม่มีใครไปจ้างให้บิดเบือนข้อมูลได้ เขาเชื่อในข้อมูลของกระทรวงแรงงาน เรื่อง จำนวนคนตกงานที่น้อยลง จนอยู่ใน % ที่ต่ำกว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนาอีกหลายๆ ประเทศ

คนชั้นกลางเหล่านี้เขาก็ฟัง ฝ่ายที่เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของ รัฐบาล ไม่ใช่ปิดหูปิดตา แต่ในเมื่อ อธิบายกันไป กันมา ก็ไม่มีหลักฐานที่จะดำเนินคดี อะไรได้ตามกฎหมาย จึงไม่นับว่าเป็น Fact นับเป็นความเคลือบแคลงใจที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป เรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระนั่นอีก ฝ่ายค้านก็แจกแจงประเด็นไม่ชัดเจน ว่าแทรกแทรงอะไร อย่างไร

คนชั้นกลางที่เคลือบแคลง ทักษิณ  จึงอาจเลือกแสดงออกโดยการไปเลือก พรรคฝ่ายค้านมาตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้น หาก ปชป เอง ไม่ฆ่าตัวตายก่อนการเลือกตั้งครั้งที่ 2 เพียงไม่กี่วัน ที่นำเรื่อง พระราชดำรัสมาเล่น โดยลืมไปว่า เรื่องนี้ มันละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเจตนาอย่างไร ก็แก้ตัวไม่ได้ เพราะกระแสปากต่อปาก มันรุนแรงมาก กระแสในโค้งแรกๆ ออกมาที่ ฝ่ายค้านน่าจะได้ร่วม 200 เลยกลายเป็น ทรท ได้มาท่วมสภา และเกือบ 100% ของคน กทม. จังหวัดที่ได้ชื่อว่า มีทั้งคนชั้นกลาง และ ผู้มีการศึกษามากที่สุด เลือก ทรท !!!

การเลือกตั้งครั้งที่ 2 ทรท รวมทั้ง คุณทักษิณเอง ได้คะแนนท่วมท้น จนลำพองใจว่า ไม่มีทางที่ใครจะล้มได้ แต่อย่างที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ใดๆ ในโลก ล้วน อนิจจัง  ทำให้คุณทักษิณผู้มีวาจาก้าวร้าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่เคยคิดที่จะให้เครดิต กับ อาจารย์ที่มีอิทธิพลต่อวิธีคิดของสังคม ไม่เอาใจสื่อ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่า นี่คือ กระบอกเสียงที่ ทรงพลานุภาพมากที่สุด การจัดรายการ นายกพบประชน เป็นการพูดฝ่ายเดียว ทำให้คนที่ฟัง ไม่คิดว่าจะมีน้ำหนักที่น่าเชื่อถืออย่างจริงใจ จนทำให้กระแสความนิยมตกลงเรื่อยๆ

จากผลงานที่ขยันสร้างสรรค์ออกมาเรื่อยๆ โดยที่ของเก่าก็ยังไม่สำเร็จคาราคาซัง หลายโครงการเป็นโครงการที่ดี แต่นำไปใช้ไม่ถูกต้อง เลยถูกฝ่ายต่อต้าน เหมาไปว่าเป็นโครงการที่ไม่ดีไปเสียอีก  เหล่านี้จึงเป็นจุดอ่อนให้สังคมเคลือบแคลงว่าน่าจะมีนอกมีใน มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งก็ไปเข้าทาง นักวิชาการหลังห้องสมุดขาประจำ กับ สื่อที่หมั่นไส้อยู่เป็นทุนเดิม   

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ เรื่องเหล่านี้ คุณทักษิณ ก็ยังจะเป็นนายกได้อีกอย่างน้อย 1 สมัย แน่นอน มันก็เหมือน เดินผ่านพุ่มไม้ที่มีหนามเล็กๆ เท่านั้น การตัดสินใจผิดพลาดครั้งแรก คือ การถอดรายการ เมืองไทย รายสัปดาห์ของนายสนธิ คนๆ นี้ มีพิษสงรอบตัว มีปากเป็นเอก มีความรู้ลึกหลายๆ ด้าน ทั้ง ประวัติศาสตร์ และการเมือง

การบีบให้ นายสนธิ ไปจัด ไฮปาร์ค ที่สวนลุม นับเป็นความคิดที่ผิดมาก นั่นยังไม่พอ นายสนธิ ยังเป็นนักพูดที่สะกดคนฟังชั้นเยี่ยม การให้น้ำหนักการพูดที่มีหนักมีเบา ทิ้งจังหวะเสียง รู้ว่าช่วงใดควรเร่งเร้า ช่วงใดควรสร้างความรู้สึกที่ท้อแท้ ห่อเหี่ยว สามารถสร้างกระแส และอารมณ์ร่วมได้อย่างชะงัด คนที่เคยรู้สึกไม่ดีกับ ทักษิณอยู่แล้วพอได้มาฟัง ก็รู้สึกเกลียดทักษิณเข้ากระดูกขึ้นมาทันใด คนที่เคลือบแคลงอยู่บ้าง ก็มีอารมณ์เกลียดขึ้นไปด้วย คนอยากรู้ อยากเห็นบางคน พอเจอกระแสคนฟังที่แวดล้อม โห่ร้อง ก็เลยเกิดความฮึกเหิมที่จะขับไล่

การเกลียดของคนเหล่านี้ ไม่ได้มาจากการเกลียดทักษิณอย่างชนิด เผาพริกเกลือ ด้วยตนเองตั้งแต่แรก แต่เกิดจากการ Built  อารมณ์ อย่างต่อเนื่อง จนเกลียดก็เพราะเกลียด ในหัวสมอง และ หู ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องมาอธิบายอย่างอื่น เพราะคิดว่า ที่ตัวเองได้ฟัง มันคือความจริง 100% (เน้นว่า 100%) ซึ่งมันก็น่า เผาพริก สาปแช่งกันล่ะครับ หากข้อความที่ นายสนธิกับพวกกล่าวหา นั้นมันเป็นจริงตามนั้น 100%


อดีตนายกทักษิณไม่มีทางตอบคำถาม นายสนธิกับพวกอย่างชัดเจน ก็เพราะจริงๆ แล้ว ทักษิณเองก็มีความ ไม่ชอบมาพากลอยู่ ความไม่โปร่งใส กับการเล่นพรรคเล่นพวก จะมาก หรือน้อย จะ พิสูจน์ได้ หรือไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือ หากมาตอบคำถาม ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทางอากาศ เรื่องไม่จริง ก็อาจโดนดิสเครดิต มีมูลบ้างก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องที่ทำผิดจริงๆ ก็จะกลายเป็นขายชาติ

ทักษิณจึงไม่มีทางที่จะออกมาตอบคำถามตรงนั้น ถึงออกมาเพราะกระแสกดดัน ก็ต้องเฉไฉไปทางอื่นพอสมควร พยายามไม่ให้ประชาชนมองว่าตัวเองไม่ดี เพราะมีผลต่อ คะแนนเสียง สมัยนี้ไม่มีการโกง แบบ นักการเมืองโบราณ ที่ คอรัปชั่นกันจะๆ  แต่จะออกมาในรูปของการออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง หรือ การใช้ ข้อมูล อินไซเดอร์ 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น อาจจะให้ญาติๆ ไปกว้านซื้อที่ดินรอบๆ สุวรรณภูมิไว้ จากนั้น จัดทำประชามติแบบมีอิทธิพลชี้นำกลายๆ ให้สรุปออกมาว่า ให้สร้างเมืองสุวรรณภูมิได้ ตอนไปกว้านซื้อ ก็เอาเบาะๆ แค่ พันไร่ เอาว่า ไร่ละ 3 ล้าน พอเป็นเมือง สุวรรณภูมิ ปั๊ป ราคาไปถึง ไร่ละ  20 ล้าน พันไร่ ก็ฟันกำไรไป หมื่นเจ็ดพันล้าน อย่างนี้เป็นต้น แบบนี้ ตีความได้หลายอย่างตามแต่ ทัศนคติ ของแต่ละคน ตามที่ผมเกริ่นนำไว้แล้ว บางคนบอกโกง บางคนบอกไม่เห็นจะโกง หากโกง เอาผิดตามกฎหมายได้ไหมล่ะ แต่ที่แน่ๆ คือ ไอ้คนที่ขายที่ มันกำลังนับเงินหน้าบานอยู่

แต่นั่นล่ะครับ ไคลแม็กซ์ยังมาไม่ถึง การขายหุ้นชินให้แก่เทมาเส็คต่างหาก นับเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายของ อดีตนายกเลยทีเดียว คงเป็นเพราะนิสัยเหิม และมั่นใจในตัวเองสูงเป็นทุนเดิม จึงเลือกที่จะมาขายในช่วงนี้แบบหักดิบกันไปเลย หากผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ก็หมดห่วงแล้ว พยายามจะยิงนก นัดเดียว ได้นก สามตัว คือ
1. ได้เงินตั๋งๆ
2. ไม่ต้องให้ลูกที่ยังอ่อนหัดไปบริหารแข่งกับ บริษัทยักษ์ใหญ่
3. หวังจะตัดปัญหา ผลประโยชน์ทับซ้อนโดยสิ้นเชิง

งานนี้ ทักษิณพลาดเต็มๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากในการขายหุ้น เพราะมีจุดที่นำมาเล่นได้มากมาย และเป็นเรื่องที่ซับซ้อน อธิบายอย่างไร คนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงการเงิน และ ตลาดทุน ก็ไม่มีทางเข้าใจ คนรากหญ้าไม่ต้องไปห่วง เขาไม่รู้เรื่อง และก็ไม่สนใจ เพราะเป็นเรื่องไกลตัว แต่คนที่พอจะมีการศึกษาบ้าง อธิบายยาก ยังไงก็ไม่อาจไว้วางใจได้

การพูดว่า ได้เงิน 7 หมื่นล้าน แต่ไม่เสียภาษี มันตรงๆ ชัดๆ และ เข้าใจง่าย การโอนหุ้นราคา 1 บาท แล้วมาขายในตลาดแบบตกลงกันไว้ก่อน โดยนักลงทุนอื่นไม่ได้รับรู้ ก็เป็นเรื่องที่พูดตรงๆ ง่ายๆ อีก แต่คนที่จะตอบปัญหานี้ ให้ความกระจ่างมันยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ หากทักษิณขายหุ้นนี้ ก่อนหน้านี้สัก ครึ่งปี รับรองได้เลย ว่า อย่างมากก็เป็นข่าวอยู่ ไม่เกิน อาทิตย์เดียว

หลังจากประณามไป ประณามมาก็เอาผิดไม่ได้อีกในทางกฎหมาย การเอาผิดไม่ได้ตามกฎหมายนี่เองครับ ท่านทั้งหลาย ที่ทำให้ลูกโป่งมันระเบิด เพราะฝ่ายที่ไม่พอใจ ฝ่ายเกลียด และ ฝ่ายกลางๆ แต่ชูธงเรื่อง จริยธรรม เป็นใหญ่ จึงเข้ามาร่วมมากมาย เนื่องจากเขามีความคิดเหมือนๆ กันว่า โอย อยู่ไม่ได้แล้ว หากทักษิณอยู่ ประเทศชาติฉิบหายแน่ๆ ทำอะไรมันไม่ได้เลยหรือ กฎหมายก็เอาผิดไม่ได้ ผู้นำที่ไร้ซึ่ง จริยธรรมแบบนี้ เราจะอยู่กันอย่างไร

จำลองเอง หลังจากอยู่วงนอกมานาน ได้โอกาสประจวบเหมาะ จึงนำกองทัพธรรมเข้าร่วมกับ สนธิ และพวกชมรมคนอกหัก และ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดด้วยกัน โดยประเมินสถานการณ์แล้วว่า งานนี้ทักษิณโดนน็อคแน่ คนระดับนำไม่เอา นักวิชาการไม่เอา หนังสือพิมพ์ไม่เอา คนชั้นกลางบางส่วนไม่เอา ราชนิกูล ไม่เอา มีแต่พวกรากหญ้าไร้การศึกษาที่ทักษิณหว่านเงินเท่านั้นที่เอา

แต่.... จำลองเดินเกมผิด จริงๆ แล้ว ยังมี นักวิชาการ และ ผู้มีการศึกษาอีกมาก ที่คิดลึกซึ้งมากกว่านั้นอีกขั้นหนึ่ง คือ เขาก็ไม่เชื่อว่า ทักษิณสะอาด แต่ เขาก็ไม่เชื่ออีกว่า ชาติไทยจะเหมือนอย่างประเทศในลาติน อเมริกา เขาไม่เชื่อว่า ทักษิณไม่รักชาติ และเขาก็ไม่เชื่อว่า ทักษิณเป็นทรราชย์ อย่างที่ม็อบกู้ชาติกำลังสร้างกระแสให้หนักเกินกว่าสภาพการณ์จริง เพื่อจะเป็นเงื่อนไขให้คนตื่นตัว สาปแช่งทักษิณละเป็นแนวร่วมเพิ่มมากขึ้น คนที่ไม่เอาด้วยเหล่านี้ มักเป็น คนที่อยู่ในสาย ธุรกิจ และ อุตสาหกรรม (ที่ไม่เสียผลประโยชน์) นักวิชาการในสาย อุตสาหกรรม วิศวกรรม คอมพิวเตอร์ นักการตลาด นักลงทุน

การเที่ยวประกาศว่าคนเชื่อทักษิณ หรือคนไม่สนับสนุนม็อบคือพวกโง่ จึงรังแต่จะทำให้คนเหล่านี้ไม่พอใจ จริงๆ แล้ว ควรจะอธิบายตามหลักวิชาการ และมาถกเถียงกันในประเด็นน่าจะดีกว่า เหตุผลใครดีกว่า ก็ชนะไป  ดีกว่าไปด่ากันคอเป็นเอ็น และเที่ยวดูถูกคนแบบนั้น การอดทนและเดินสายล้ม ทักษิณอย่างเป็นระบบ ยืดเยื้อ โดยนำข้อมูลตั๋งๆ ให้คนรับรู้ ทุกวี่ ทุกวัน มีหรือ ทักษิณจะอยู่ได้ พอกะน็อคเดินลุยกันอย่างนี้ เลยเหมือนนักมวยที่กะน็อคเขา แต่เอาไม่ลง เลยหมดแรง และกำลังเตรียมตัวถูกสอยกลับ การสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนใหญ่ทั้งๆ ที่สภาวการณ์ไม่ได้สุกงอมพอ และคนทั้งประเทศยังไม่เอาด้วยแบบนี้ เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ

ตัวผู้นำม็อบ แต่ละคนที่เป็นผู้สร้างกระแสเริ่มแรกล้วนแล้วแต่มีปมด้วยกันทุกคน เบื้องหลังแต่ละคนไม่สู้ดีนัก อย่าง นี่เป็นจุดหนึ่ง ที่พวกหน้าใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยไปฟังที่สวนลุม และคนที่มีความคิดหน่อย ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนเหล่านี้ หลายๆ คนที่อยู่ในม็อบกู้ชาติตอนนี้ ไม่สนใจปูมหลังแกนนำใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเขาคิดว่า เขามีภารกิจเพื่อชาติที่สำคัญยิ่งกว่าหลายเท่านัก คือ การล้ม อำนาจเผด็จการพลเรือน ผู้นำม้อบจะทำผิดกฎหมายบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ โดยเขาเองก็ลืมไปเหมือนกันว่า เริ่มแรกทีเดียวน่ะ เขารับรู้เรื่องการโกงจากไหน จากบุคคลที่เชื่อถือได้หรือไม่ หรือเขาเป็นคนวงในที่รู้มาเองกันแน่

ฝ่ายม็อบ และ ฝ่ายค้านรู้ดีว่า งานนี้ หากมีการเลือกตั้ง ทรท. ชนะแน่ แต่การจะตั้ง รัฐบาลรักษาการได้หรือไม่นั้น เป็นอีกประเด็น ที่อาจต้องอาศัย ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จึงเดินเกม บอยคอตการเลือกตั้งเพื่อกดดันทักษิณ โดยคิดว่า ทักษิณคงถอดใจ แต่ ทักษิณก็ทนทายาท เดินเกมเลือกตั้งจนสำเร็จจนได้ ระหว่างนั้นก็ประลองกำลังกันใหญ่เพื่อล้มเลือกตั้งแต่ไม่สำเร็จ ฝ่ายค้านจึงเดินสายให้ประชาชนเลือก โนโหวต ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง ทางด้าน กกต จะด้วยความปรารถนาดีจริงๆ ที่ไม่อยากเห็น นายก ม. 7 หรือต้องการเอาใจ รัฐบาลก็สุดแท้แต่ จึงกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายในการนำผู้สมัครเดิมที่แพ้คะแนนโนโหวต มาลงสมัครใหม่ในเขตอื่น เพื่อให้ สภาครบองค์ประชุม และจะได้เปิดสภาในการตั้งรัฐบาลได้

ในที่สุด ในหลวงก็ต้องเปลืองพระองค์ลงมาแก้ไข วิกฤติอีก โดยออกมาพูดถึงเรื่อง กู้ชาติ ที่ว่าชาติยังไม่จม ไม่ต้องมากู้ รวมถึงการเลือกตั้ง มันที่  2 เมย. ไม่เป็นประชาธิปไตย กระนั้น แต่ละฝ่ายก็ยังมี ทิษฐิมานะ ไม่สนใจกระแสพระราชดำรัส นำพระราชดำรัสมาตีความเข้าข้างตัวเอง ทั้งๆ ที่ พระองค์ท่านก็ดำรัสอย่างชัดเจนมาก พูดภาษาชาวบ้านก็คือ กกต น่าจะล้มการเลือกตั้งนี้ แล้วหาทางคุยกันกับพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อเตรียนมการเลือกตั้งใหม่ ให้แต่ละพรรคมีเวลาเตรียมตัวทัน ฝ่ายกู้ชาติใครก็ไม่รู้ก็หยุดกวนเมืองได้แล้ว ข้อกล่าวหาอะไรต่างๆ ที่อ้างมาถึงพระองค์ท่านน่ะ หากเป็นเรื่องจริง มีหรือท่านจะมีพระราชดำรัสออกมาอย่างนั้น

ท้ายที่สุดทุกฝ่ายก็ไม่สำเหนียกตระหนักในกระแสพระราชดำรัส จน ในหลวงต้องออกมาตรัส ในที่ประชุม ศาล จนเป็นที่มา ของการประกาศให้ การเลือกตั้งที่ผ่านมามิชอบ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ ศาลใช้ หลัก รัฐศาสตร์นำ นิติศาสตร์เพื่อผ่าทางตัน เมื่อการเลือกตั้งมิชอบ ผู้ควบคุมการเลือกตั้ง คือ กกต ก็สมควรรับผิดชอบ โดยการลาออก แต่ก็มีการประลองกำลังกัน ท้ายที่สุด ก็ต้องออก เพราะติดคุก งานนี้ ศาลกลับใช้หลัก นิติศาสตร์ นำ รัฐศาสตร์

ขณะนี้กำลังมีการสรรหา กกต ใหม่ ซึ่งได้แต่หวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้คนดี ซึ่งผมก็ว่า ไม่น่าจะได้ และ ทักษิณกับ ทรท ก็จะชนะเหมือนเดิม แต่คงไม่ถล่มทลายเหมือนที่ผ่านมา มังกรห้าสั้น กับ สมคิด เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในการเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนี้ ฝ่ายแรก เพราะเป็นมือประสานที่ลื่นไหล แม้ไม่มีผลงานอะไร ฝ่ายหลัง คือ คนที่ทำให้ ประเทศไทยจ่ายเงิน IMF ก่อนกำหนดอย่างแท้จริง ไม่ใช่ ทักษิณ ที่ทรท ชูธง ทักษิณเป็นนายก ก็เพื่อสร้างความมั่นใจกับรากหญ้า เพื่อผลในคะแนนเสียง แต่ผมเชื่อว่า ทักษิณไม่เอาแล้ว เปลืองตัวมาเยอะแล้ว และก็รวยไปเยอะแล้วด้วยเหมือนกัน

พรฎ ออกมาแล้วให้มีการเลือกตั้ง 15 ตค ทุกฝ่ายพยายามหาทางออกให้กับ ประเทศชาติ สนธิกับแก็งค์กำลังจะกลายเป็นอดีตคณะ ปาหี่หลอกให้คนเกลียด ทรท กับ ทักษิณอย่างไร้สติ การเมืองกลับมาสู่สภาพความเป็นจริงที่มันควรจะเป็น แม้จะใช้เวลสิ้นเปลือง และปล่อยให้เพื่อนบ้านเราหัวเราะเยาะนานไปหน่อย เมื่อการเมืองนิ่ง พวกที่มีคดีอะไรติดตัวอยู่ก็ระวังกันให้ดี

จากคุณ : Kitty Pat  - [ 27 ก.ค. 49 14:32:00 ]

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4572930/P4572930.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2006, 07:18:04 PM โดย ทัดมาลา » บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 05:33:33 PM »

Smiley..ขอบคุณมากครับ คุณโอ๊ค..
      เป็นกลาง แต่ ดูเหมือนจะเป็นมือใหม่ ครับ .. .
      ยังมองไม่ลึกนัก .. ยังเป็นเหมือน การสรุป สถานการณ์ ในมุมมองส่วนตัว.. มาให้ฟัง..  Smiley

 
บันทึกการเข้า

naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 05:39:51 PM »

นายสมชายว่าเอาเหตุการณ์มาเรียง และใส่สำนวนเพิ่มครับ... ใช้ได้หากเป็นเรื่องเล่าให้"น้องๆ login ใหม่ๆ เข้ามาแจม"ฟังครับ...

แต่ถ้าจะเอาไปทำวิทยานิพนธ์ฯ ยังไม่ผูกประเด็นเข้าหาทฤษฎีการเมืองหลายเรื่อง... ยังไม่ขมวดปมวิเคราะห์

อย่างน้อยเรื่องสัญญาประชาคมที่มาแห่งอำนาจรัฐ, เรื่องการจัดสรรประโยชน์ของสังคมตามทฤษฎี"นายทุนโยนเศษเนื้อ"ของค่ายดาวแดง, และเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่ประเทศไทยอยู่ตรงกลางอินโดจีน แถมยังเป็นเจ้าของแผ่นดินที่มีศักยภาพขุดคลองลัดช่องแคบมะละกา ฯลฯ

ทุกเรื่องที่นายสมชายพูดถึงข้างบนหมดนี้เป็นเรื่องที่มีผลต่อรัฐบาลทักษิณกำหนดนโยบายสาธารณะครับ...

ลองอ่านบทความในไทยรัฐวันนี้ เรื่องคลองสุเอซฯ ประกอบด้วย... ในนั้นเกริ่นเรื่องประธานาธิบดีนัสเซอร์โค่นระบบกษัตริย์ของอิยิปต์...

ก่อน"โค่น"เนี่ย เป็นเรื่องยาวน่าศึกษาเชียวครับ...
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 05:46:17 PM »

Smiley.. การวิเคราะห์สถานการณ์ ทางการเมือง ควรต้องมองอย่างวิภาษณ์วิธี ..
      จับเป็นคู่ ขาว-ดำ .. ดี-ชั่ว
      หลัก-ลอง . มองที่ผลประโยชน์ของประเทศชาติ-ผลประโยชน์ส่วนตัว .เป็นคู่หลัก..
      ต่างสัมพันธ์กันโดยอยู่เป็นคู่ และขัดแย้งกัน อีกด้านหนึ่งก็สามัคคีกัน..
      เพราะถ้าขาดอีกฝ่าย.. อีกฝ่ายก็จะอยู่ไม่ได้ ..  ในโลกนี้จึงไม่มีอะไรจะอยู่เดี่ยวโดดได้..
     
      ในเรื่องของประเทศชาติ..  ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ต้องเป็นหลักมาก่อน ผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง..  Smiley
      การวิเคราะห์ในแนวทางนี้ .. แม้ไม่ทราบว่า เป็นวิภาษณ์วิธี  .แต่ขอให้เป็นอย่างแนวทางนี้
      จึงจะเป็นเหตุเป็นผล..  และออกมาตามความเป็นจริง..

      เพื่อให้ข้อเท็จจริง . ให้ผู้รับ จากสื่อ จะเป็นผู้ พิจารณา..

      จะเป็นการประเทืองปัญญาแก่ผู้รับ ข้อเท็จจริง ด้วยครับ.. .. Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2006, 05:47:51 PM โดย Ro@d » บันทึกการเข้า

salin - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1327
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2694



« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 05:59:56 PM »

ขอบคุณครับ

ถ้าผู้เขียนเอาลักษณะนิสัยของทักษิณมาวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาจะมีรายละเอียดที่แตกต่างไป
บันทึกการเข้า
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 06:13:30 PM »

เห็นด้วยตามทีพี่ทั้งสองกล่าวครับ

มีนักการเมืองท่านหนึ่งเคยวิเคราะห์ทักษิณไว้ดังนี้ครับ

คลุกวงในรัฐบาลทักษิณ
กร ทัพพะรังสี

ดาวน์โหลดได้ด้านล่างครับ


บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 06:15:21 PM »

 Grin เขียนได้ดีครับ แต่ผมเห็นเหมือนพี่ Road ว่าครับ
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 06:24:26 PM »

 Wink  อ่านแล้วครับ  ขอบคุณนายโอ๊ค
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 06:50:21 PM »

 ก่อนอื่นขอขอบคุณ "คุณทัดมาลา"  ด้วยครับที่นำข้อความมาให้อ่านกัน ตั้งแต่เล่น Internet ผมไม่เคยเข้าไปใน "พันธุ์ทิพย์ " เลย ครับขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ....ในฐานะประชาชนคนธรรมดา ที่ชอบติดตามข่าวสารบ้านเมือง...ในระดับหนึ่ง...แต่ต้องออกตัวก่อนนะครับ...ให้ผมเขียนเรียบเรียงอย่างนี้ อาจจะเขียนไม่ได้ก็ได้....เพราะคนที่จะเขียนอย่างนี้ได้ อย่างน้อยคงต้องมีการเก็บข้อมูลและชอบเขียนหนังสือด้วยครับ....สำหรับผม...

  ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณ Ro@d  ครับ..
Smiley...  " .. ยังเป็นเหมือน การสรุป สถานการณ์ ในมุมมองส่วนตัว.. มาให้ฟัง.. "
   
   ...และที่คุณสมชาย(ฮา) ว่ามาครับ....
 
"  นายสมชายว่าเอาเหตุการณ์มาเรียง และใส่สำนวนเพิ่มครับ... ...แต่ถ้าจะเอาไปทำวิทยานิพนธ์ฯ ยังไม่ผูกประเด็นเข้าหาทฤษฎีการเมืองหลายเรื่อง... ยังไม่ขมวดปมวิเคราะห์ ...."

    เหตุผลคือ ..ปกติแล้ว ผมชอบอ่านและหาข้อมูลหลายแหล่ง และใช้วิธีคิดของตัวเองแยกแยะ  ผลที่ออกมาจึงเป็นข้อสรุปและแสดงออก ..  สำหรับข้อความข้างต้น  ถ้าพูดเป็นภาษาวัยรุ่น ต้องบอกว่า "ไม่โดน" ครับ ..เมื่อเทียบกับบทความวิเคราะห์ในเรื่องการเมืองของท่านอื่นๆ ที่เคยผ่านมา....และที่สำคัญมากกว่านี้  "ทักษิน(ณ) ไม่ได้สู้กับ คุณสนธิหรือกับพันธมิตรเพียงกลุ่มเดียว "     
 ป.ล.   เหตุผลของผมอาจจะไม่เป็น "รูปธรรม" หรือ "วิทยาศาสตร์ " .. มากนัก... นะครับ... Wink Wink
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2006, 09:25:21 PM โดย SA-KE » บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 07:15:28 PM »

ผมสั่งพิมพ์เก็บไว้อ่านแล้วครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16886


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 07:19:15 PM »

เพิ่มเติมนิดครับ............ยังจำก่อนที่ทักสาจะเข้ามาเล่นการเมือง(พรรคไทยรักไทย)ได้ไหม Angry

เขาก็ลงทุนสนับสนุนท่านจำลอง ในการหาเสียงผู้ว่า กทม. ป้ายหาเสียงมีเยอะมากๆ โดนชก

ติดทุกเสาเต็มกรุงไปหมด ป้ายที่เด่นๆถูกใจคนกรุงก็ พี่ๆคยเห็นผมอะเปล่า (เป็นรูปของม้าลาย ที่ชี้ให้ดูทางม้าลาย)ฯลฯ

หลังจากลงทุนจนประสพความสำเร็จ ก็เข้าไปเป็นในพรรคพลังธรรม ลงเล่นการเมืองเต็มตัวแต่เข้าไปไม่เท่าไหร

พี่แกก็เข้าไปเซ็นผูกขาดมือถือ(กี่ปีผมก็ไม่แน่ใจ แต่ทำให้นายทักสารวยคนเดียว) แล้วก็ชิ่งออกโดยการลาออก

บอกว่าการเมืองไม่เหมาะกับผมกลัวเปลืองตัว............ก็นายเล่นเซ็นมือถือไปแล้วนี่สมหวังแล้วนี่.....รวยแล้วนี่.. จูบบบบ

อันนี้ที่ผมจำได้ขึ้นใจครับ................ อดีตคน กทม.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2006, 07:20:52 PM โดย gUnbOy » บันทึกการเข้า


vuttichai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 09:05:11 PM »

อยากให้ถึงวันที่ 15 เร็วๆ .  หลงรัก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 20 คำสั่ง