ศาลอาญายื่นเงื่อนไขอดีต 3 กกต.ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ก่อนพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ย้ำห้ามไปยุ่งเกี่ยว ยุ่งเหยิงพยาน และห้ามเข้าสำนักงาน กกต. รวมทั้ง ห้ามผู้สนับสนุนมาวุ่นวายในเขตศาล
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เวลา 14.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ศาลโดยนายอำนวย ธันธรา อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และนายอนันต์ เสนคุ้ม รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ออกนั่งบัลลังก์เพื่อทำการไต่ส่วน พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร จำเลยตามคำพิพากษา เพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว
โดยศาลได้แจ้งให้จำเลยทั้ง 3 ทราบว่า ศาลจะถามจำเลยและให้จำเลยตอบ รวม 3 ข้อ ประกอบด้วย จำเลยแต่ละคนมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง โดย พล.ต.อ.วาสนา จำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลว่า จำเลยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด กระดูกต้นคอและเอว มีแคลเซียมเกาะ และเป็นภูมิแพ้ นายปริญญา จำเลยที่ 3 แถลงต่อศาลว่า จำเลยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ ไซนัส ต้องพบแพทย์ 1-2 ครั้งต่อเดือน ส่วนนายวีระชัย จำเลยที่ 4 แถลงต่อศาลว่า จำเลยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง ต้องฟอกไต 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นโรคหัวใจ เคยทำการผ่าตัดขยายหลอดเลือด ไขมันในเส้นเลือดสูง
จากนั้น ศาลได้ถามจำเลยทั้ง 3 ต่อว่า จำเลยทั้ง 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้สนันสนุน กกต.ที่มาก่อความวุ่นวายในวันที่ศาลพิพากษาหรือไม่อย่างไร จำเลยทั้ง 3 แถลงว่า จำเลยไม่รู้จักและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ศาลจึงถามต่อว่าเมื่อจำเลยทั้ง 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว และจำเลยทั้ง 3 ยังต้องมาศาลเพื่อฟังการพิจารณาคดีอื่นๆ อีก และหากมีการก่อความวุ่นวายในศาล จำเลยทั้ง 3 จะทำอย่างไร รับประกันกับศาลได้หรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้ง 3 ไม่มีความกระจ่างชัดให้จำเลย ศาลจึงแจ้งให้จำเลยทั้ง 3 ทราบว่าศาลพอจะรู้ข้อมูลอยู่บ้างว่ากลุ่มคนในวันนั้นมาจากไหน จำเลยจะรับรองกับศาลได้หรือไม่ว่าจะไปปราม กำชับกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ให้มาก่อความวุ่นวาย เพราะศาลไม่ต้องการให้มีบุคคลอื่นมาก่อความวุ่นวายในเขตศาล จำเลยทั้ง 3 จึงยอมแถลงต่อศาล โดยยืนยันว่าจะไม่ให้มีกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนมาวุ่นวายอีก ศาลยังได้ถามจำเลยทั้ง 3 อีกว่า หากศาลปล่อยจำเลยไป จำเลยทั้ง 3 จะไม่ไปเกี่ยวข้องกับบุคคล เจ้าหน้าที่ เอกสารในสำนักงาน กกต. โดยศาลได้ถามย้ำว่าจำเลยจะยืนยันต่อศาลได้หรือไม่ จำเลยทั้ง 3 ถึงแถลงยืนยันว่าจะไม่ไปเกี่ยวข้องตามที่ศาลขอร้อง แต่จำเลยจะขอใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง ในการเก็บของใช้ส่วนตัวในสำนักงาน กกต.และไม่ยุ่งเหยิงกับพยานเอกสารต่างๆ ซึ่งศาลได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ กกต.จัดเตรียมสิ่งของไว้ให้ กกต.ให้พร้อม จากนั้น ศาลสั่งให้จำเลยทั้ง 3 รอศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนั่งรอฟังคำสั่ง ลูกสาว พล.ต.อ.วาสนา เข้าไปกอดพ่อ ทำให้ พล.ต.อ.วาสนาถึงกับร้องไห้ออกมา ขณะที่ญาติของคนอื่นๆ ถึงกับโศกเศร้า
ต่อมา ศาลใช้เวลาพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ทางนายอำนวย ธันธรา อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา จึงอ่านคำสั่ง ให้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวจำเลย แต่ห้ามให้จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จากนั้น ญาติๆจำเลย ได้เข้าไปแสดงความดีใจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะนำตัวจำเลยกละบเรือนจำ และทำการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
น่าจะตอบคำถามได้บ้างนะครับ
