ตอบแบบที่เคยเรียนวิทยาศาสตร์มาบ้างนะครับ
คือ เวลาที่เกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะใต้ทะเล ซึ่งหมายถึงมีน้ำทะเลอยู่บนแผ่นดินที่ไหวนั้น
เมื่อแผนดินไหว..เกิดพลังงานให้มีแรงดันและดึงโมเลกุลของน้ำทะเลบริเวณนั้นให้เคลื่อนไหวขึ้นและลง ดูเป็นคลื่นบนแผ่นผิวน้ำ แต่โมเลกุลของน้ำในบริเวณนั้นไม่ได้เคลื่อนที่ไปจากเดิม เพียงแต่ขึ้นและลงตามแรงที่กระทำเท่านั้น
น้ำทะเล...มีปริมาณมหาศาล....แรงที่กระทำต่อน้ำทะเลก็มหาศาลเช่นกัน ทำให้ทะเลเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างแรงและรวดเร็ว แต่ความที่มันกว้างใหญ่มาก เลยอาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยกว่าจะปรากฏผลต่อโมเลกุลของน้ำริมชายฝั่ง......
เวลาที่มากน้อยนั้น..ขึ้นอยู่กับระยะทางที่เกิดแรงกระทำหรือมีแผ่นดินไหว...ถ้าไกลก็นานหน่อย...แต่ถ้าไกล้..เห็นเร็วตามธรรมดา
ทีนี้..มาถึงคำตอบที่ว่าทำไมน้ำบริเวณชายฝั่งต้องหดหาย....ไปก่อน.... ไม่แน่เสมอไปครับ
เพราะการเกิดคลื่นมากระทบฝั่ง ขึ้นอยู่กับแนวแรงที่กระทำต่อโมเลกุลน้ำที่ว่า...ถ้ามีแรงลัพธ์เข้าหาฝั่ง...อาจจะเห็นคลื่นเข้าหาฝั่งทันทีโดยไม่ต้องมีการลดก่อนก็ได้...
ลองกดน้ำที่กะละมังซีครับ เอาแค่ขึ้นลงตรง ๆ กลางกาละมังเท่านั้น น้ำที่อยู่ริมของ ๆ ของกาละมังก็มีขึ้นมีลงเหมือนกัน...
เฮ่อ...อธิบายมานาน จะเข้าใจไหมเนี่ย......
