board ยังคุยเรื่องการเมืองได้ใช่ไหมครับ
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10390"มังกรเติ้ง" เปิดอินไซด์ "ดินเนอร์หูฉลาม"สัมภาษณ์โดย ชาลินี จงจิตร
"ที่ลือว่าผมจะเป็นนายกฯ ไอ้คนข้างๆ คุณ (หมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ) มันบอกว่า ท่านไม่ได้นะ เดี๋ยวคุณบรรหารจะเป็นตาอยู่นั้น ผมบอกไปว่า คุณเอาคนในพรรคคุณขึ้นแทนคุณแล้วกัน ใครก็ได้ จะเป็นสมคิด ก็ได้ แต่โภคิน ไม่ได้ สุดารัตน์ ไม่ได้ สมคิด ได้คนเดียว..."
ย่ำค่ำวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา "บรรหาร ศิลปอาชา" หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ยกทีมผู้บริหารพรรคมารับประทานอาหารที่ชั้น 9 อาคารมติชน
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้น นอกจากความอร่อยของแต่ละเมนูแล้ว ยังมีบทสนทนาที่มีรสชาติจัดจ้านไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะ "บรรหาร" ร่ายยาวที่สุด ทั้งรายละเอียดที่ไป "ดินเนอร์หูฉลาม" กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไล่ไปถึงนโยบายหาเสียงพรรคชาติไทย และการเข้าพบของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อหาแนวร่วมในบางเรื่อง
ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงไหวพริบปฏิภาณและประสบการณ์ของ "มังกรการเมือง" ผู้นี้
นับจากบรรทัดนี้ไป นี่ คือคำบอกเล่าของ "บรรหาร"
@ "ทักษิณ"ส่งคนทาบเป็นมือสมานฉันท์"พรรคไทยรักไทยส่งผู้ใหญ่ในพรรคมาคุยกับผมที่บ้านจรัญสนิทวงศ์ ประมาณ 2 ทุ่ม วันที่ 5 กรกฎาคม เข้ามาในห้อง แอร์เย็นฉ่ำไม่ร้อน บอกว่า นายกฯ อยากสมานฉันท์ จะหาทางออกอย่างไร ผมก็บอกไปว่า ตอนนี้ไม่มีใครเชื่อถือนายกฯแล้ว ผมก็ไม่เชื่อ จะสมานฉันท์จริงหรือเปล่า จริงแต่ปากมั้ง เพราะตอนนี้ถูกคนโน้นคนนี้ด่าเยอะแยะเลย ชักทุรนทุราย ก็ให้ไปบอกนายกฯว่า ให้ไปกดปุ่ม กกต. ทั้ง 3 คนออก นายกฯปลดได้ เพราะที่รู้มานายกฯสั่งให้ออกได้ ถ้ายอมรับผมจะเป็นตัวกลางในการปรึกษาพรรคการเมืองต่างๆ แต่ไม่รับรองว่าผมจะทำสำเร็จ เพราะไม่ง่าย มันเลยเวลามามากแล้วตั้งแต่กินหูฉลามเมื่อ 10 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นไปกินกันแต่ไม่เป็นข่าว บอกคนที่มาว่าให้ไปคุยกับนายกฯ ตอนนั่งเครื่องบินไปดูบอลโลกที่เยอรมนีด้วยกัน
แต่ปรากฏว่านายกฯไม่ได้ไปดูบอลโลก พอวันที่ 14 กรกฎาคม มีเลขาธิการพรรคของผมซึ่งตัวดีนัก โทรศัพท์ไปหานายกฯทักษิณ อยากให้คุยกับพี่บรรหาร เพื่อจะมีทางปรองดองกันได้ และได้มาบอกกับผม พร้อมนัดหมายวันเวลาให้เสร็จ ตอนนั้นใกล้วันที่ 20 กรกฎาคม จะเดินทางไปอาแลสกาแล้ว แต่ว่างไม่ตรงกัน ก็เลยนัดวันที่ 27 กรกฎาคม เลยมากินที่ร้านซ้ง
@ ทันทีที่เห็น"ทักษิณ"โหวงเฮ้งแย่ไร้ความสุขวันที่นัด 27 กรกฎาคม ไม่ได้บอกท็อป (นายศราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายคนเล็ก อดีต ส.ส. สุพรรณบุรี) ไม่ได้บอกลูกพรรค แต่มาประชุมพรรคก่อน เพื่อขอความเห็น เล่าให้ฟังว่าที่ไปรับปากนั้นดูแล้วไม่เสียหาย มีเงื่อนไขให้ กกต. ลาออก ลดความรุนแรงลง และใช้เงินน้อยในการเลือกตั้ง ตอนนั้นชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังไม่มา เขามาจวนจะเลิกประชุมแล้ว ทุกคนก็โอ.เค.บอกไปฟังนายกฯจะว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งผมก็บอกว่ามันสำเร็จยาก เพราะแก้วมันร้าวไปแล้วจะแตกอยู่แล้ว เอาอะไรมายาก็ยาก แต่ก็จะทำแม้มันจะสำเร็จยาก
พอ 2 ทุ่มผมไป ท็อปถามพ่อไปไหน ผมก็บอกว่าอย่ายุ่ง ผมก็ไปคนเดียว นั่งรถไป ไม่ได้บอกนักข่าวแม้แต่นิดเดียว ไม่มีใครรู้ มาถึงก็นั่งกินกัน ผมเห็นใบหน้านายกฯตอนพูด ผมดูโหวงเฮ้งคนเก่ง โหวงเฮ้งเขาจะแย่แล้ว เห็นติดกันมา 3-4 เดือน ซีดๆเซียวๆ ผมก็พูดขึ้นตอนแรกเลยว่า "นายกฯคงไม่มีความสุขตอนนี้" นายกฯตอบว่า "พี่ผมจะสุขอย่างไรผมถูกด่าทุกวัน สื่อมวลชนก็ด่าผม" อ้าว ก็ปากคุณเป็นพิษนี่ ผมพูดอย่างนี้เลยนะ ก็เตือนแล้วไม่เชื่อ พอพูดแบบนี้พรุ่งนี้เอาอีก มะรืนนี้เอาอีก
@ โวยดูด 4 ลูกพรรคอีสานคนละ 10ล.ผมเลยบอกเขาไปว่า ตามที่ให้ผู้ใหญ่มาทาบทามให้พี่สมานฉันท์ พี่จะเปลืองตัว เจ็บตัว ข่าวออกไปพี่จะเสียหาย ถามว่าจะเอาจริงหรือไม่ เพราะนายกฯมีเงินเยอะแยะ มีผู้คนมากมาย เลือกตั้งกี่ครั้งคุณก็ชนะ มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง คุณจำเป็นต้องใช้อำนาจรัฐ ใช้เงิน ทุ่มเงิน ทุ่มต่างๆ ทั้งหมด ดูดคนหรืออย่างดูดคนของผมไปแล้ว 4 คน คนละ 10 ล้านบาท จ่ายไปแล้วอีสาน 4 คน
นายกฯบอก "เปล่าพี่ ผมไม่รู้เรื่อง" ผมบอกว่า "ก็ไม่รู้เรื่อง ไอ้คนที่ห้อยตามคุณ มันจัดการนะ" ผมบอกว่า "นายกฯผมขอเลยนะอย่าใช้เงิน" นายกฯก็บอกว่า "พี่บรรหาร ผมจะไม่ใช้คราวนี้ จะให้นิดเดียว คนละไม่กี่ตังค์ แล้วเวลาเลือกตั้งผมจะเดินทางไปต่างประเทศเลย" ผมก็ถามว่า "นายกฯบอกไม่ใช้ แต่หัวหน้าวังมันใช้นี่ คุณต้องเบรกไม่ให้ใช้ซิ เพราะมันจะเอาโควต้ามาต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกับคุณนี่ คุณต้องนับตรงนี้ด้วย และอำนาจรัฐอย่าใช้ เพราะสู้กันตัวต่อตัวของคุณก็ชนะแล้ว อย่าใช้อิทธิพลทางตรงทางอ้อม ขออย่างนี้ ถ้านายกฯทักษิณทำได้ ผมก็รับจะไปเจรจา ซึ่งก็มี 2 พรรค คือมหาชน กับ ปชป.(พรรคประชาธิปัตย์) ไม่มีอะไร" นายกฯก็บอกว่า "เอาพี่ ผมเอาจริงๆ"
@ ยก"ผู้มีบารมี"เตือนให้ระวังปากผมดูสีหน้านายกฯแล้วคิดว่า คราวนี้นายกฯคงพูดจริง เพราะมรสุมข้างๆ มันล้อมรอบเยอะแยะ และผมบอกนายกฯว่าทุกวันมีปัญหาเพิ่มขึ้น จากวันที่ 10 เมษายนมาเนี่ย คุณสร้างเรื่อง "ผู้มีบารมี" มาแล้ว แล้วผู้มีบารมี คุณบอกเป็นบุคคล แล้วบุคคลคือใคร พระเจ้าอยู่หัวฯนะสิ เขาก็บอกว่า "เปล่า พี่ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" ผมถามว่า "ป๋าเปรม หรือเปล่า" เขาเงียบ ผมบอกว่า "คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ตายนะเนี่ย ปากพูดต้องระมัดระวังด้วย"
แล้วผมบอกว่าไม่ต้องห่วง ที่ลือว่าผมจะเป็นนายกฯ ไอ้คนข้างๆ คุณมันบอกว่า ท่านไม่ได้นะ เดี๋ยวคุณบรรหารจะเป็นตาอยู่นั้น ผมได้บอกไปว่า คุณเอาคนในพรรคคุณขึ้นแทนคุณแล้วกัน ใครก็ได้ จะเป็นสมคิด (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) ก็ได้ แต่โภคิน (นายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรค) ไม่ได้ สุดารัตน์ (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รองหัวหน้าพรรค) ไม่ได้ "สมคิด" ได้คนเดียว ให้พูดกับเขาดีๆ ซึ่งนายกฯบอกว่าเขากำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นใครดี นี่คือสิ่งที่ผมพูด
แต่ถ้าเอา "สมคิด" ผมคิดว่าคงติดที่ตัวแกเอง คือตอนที่ผมป่วยเป็นโรคกระเพาะ แล้ว "สมคิด" ไปทำบอลลูนหัวใจ ผมไปนั่งคุยกับแกว่า ถ้าท่านนายกฯ เว้นวรรคคุณต้องไปเป็นแทน ไม่เป็นไม่ได้ แกบอกว่า "ท่านนายกฯบรรหาร ถ้าผมจะเป็น ผมต้องเป็นตัวของตัวเองบ้าง รัฐมนตรีผมต้องดูบ้าง ถ้าตั้งมาให้หมด ผมก็ทำอะไรไม่ได้" นี่อาจเป็นข้อแม้ของแกเหมือนกัน หากท่านสมคิดเป็น "นายกฯนอมินี" คงรับไม่ได้เหมือนกัน อย่างขณะนี้มีรัฐมนตรีหลายคนที่แกไม่เอาเลย ผมว่า "สมคิด" ใช้ได้ แต่สุขภาพไม่ค่อยดี ทำบอลลูนหัวใจมา 2 เส้นแล้ว
@ ยัน"สมานฉันท์"ไม่ใช่ฮั้วการเมืองตอนนี้ผมก็เดินหน้าตามคำมั่นสัญญา เดินทีละอาทิตย์ๆ สัปดาห์นี้สุดท้ายแล้ว แต่คงจะยากในการที่จะสมานฉันท์ เพราะคำสมานฉันท์ไม่รู้กินความกว้างแค่ไหน แต่ผมต้องการแค่ให้ทุกพรรคใช้เงินให้น้อยลง เคยใช้ 10 บาท ให้เหลือ 5 บาท และดูว่าอำนาจรัฐใช้หรือไม่ ซึ่งในการปฏิบัติจะรู้ทันทีว่าใช้หรือไม่ ถ้าใช้ก็เลิกพูดกันเลย คิดว่าท่านจะยอม
ผมบอกว่า "คุณอย่าสั่งเหมือนรถไฟสายที่ 9 คือคุณวิ่งไปอีสาน 7 จังหวัด คุณเรียกผู้ว่าฯ ลงมาหมด บอกไม่ได้นะ ผมจะย้ายคุณ ซึ่งผู้ว่าฯ ลงมาบอกผมหมด"
นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะทำได้ แต่ไม่ใช่ฮั้วการเมืองแบบ เขตนี้คุณส่ง ผมไม่ส่ง ไม่ใช่อย่างนั้น แต่สู้ตามกติกา ลดอิทธิพล ลดเงิน ซึ่งเขายอมรับ แต่คงสำเร็จยาก เพราะบางพรรคอาจจะได้ บางพรรคไม่ได้ แต่ในระดับล่างเขาอาจยอมรับในเงื่อนไขต่างๆ ระดับบนคงอาจจะยอมรับยาก อย่างเช่น ถ้าผมจะคุยกับคุณชวน (นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป.) คุณอภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.) คงไม่ง่าย แต่จำเป็นอาจต้องไปด้วย
ตอนนี้ยังไม่ได้นัดหมายใหม่กับนายกฯ เพราะเรื่องยังไม่จบ แต่ถ้าจบแล้ว ทำได้แค่ไหนก็ค่อยนัดอาจจะเป็นเดือนกันยายน
ผมอยากให้เกิดความสามัคคีกันในการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น คุณจะไปว่ากันตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็ว่าไป ผมไม่ห้าม ไม่เกี่ยว ถ้าพรรคไทยรักไทยมีปัญหาไม่ชอบมาพากลก็ตีกันไปเลย อลงกรณ์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้า ปชป.) จะตีก็ตีไป แต่คิดว่ามันน่าจะทำได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่หมด
@ เผย"สนธิ"ล็อบบี้ต้านสังฆราช-ล้มรบ.ทักษิณผมเองก็เจ็บวันรุ่งขึ้น ไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ศิริราช มีคนมาจับมือ บอกว่าท่านอย่าถูกเขาหลอกนะ ท่านอย่าถูกเขาต้มนะ บ้างบอกท่านยังเชื่อเขาอีกหรือ ผมก็บอกว่าเอาน่า ผมไม่เชื่อหรอก ผมไม่ใช่คนเชื่อใครง่ายๆ แต่ผมไม่ใช่คนที่ชอบไปทะเลาะเบาะแว้งกับใคร พอวันศุกร์ สนธิ (นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ที่สวนลุมฯ ด่าผมฉิบหายวายป่วง ให้คนอัดเทปไว้ โอโห้ มันด่า ขึ้นต้นก็บอกว่า ผมมีผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ผมเคารพ คนตัวไม่สูง ตัวเตี้ย 5 สั้น ชื่อคุณบรรหาร เป็นคนสุพรรณ อายุ 70 กว่าๆ จะตายแล้ว
ซึ่งผมก็คิด เพราะดูเอเอสทีวีมาเกือบ 3 เดือน สนธิเวลามันพูดเวลามันตะเบ็งเสียง "เอามั้ย พ่อแม่พี่น้อง" ผมสังเกตเส้นเลือด (พร้อมกับชี้ไปบริเวณหน้าผากตัวเอง) ของสนธิ มันโป่งขึ้นมาทุกวัน ผมได้ส่งคนไปบอกสนธิว่า ที่บอกว่าอั๊วจะตายก่อน ระวังลื้อตายก่อนอั๊ว
ตอนปลายปี 2547 สนธิ มาหาผมที่บ้าน บอกว่าท่านบรรหารให้เสนอกฎหมายแต่งตั้งท่านสังฆราชหน่อยได้ไหม เรื่องตั้งสมเด็จเกี่ยว ที่วัดสระเกศ ตั้งไม่ถูกต้อง แล้วจะชวนล้มรัฐบาลทักษิณ ซึ่งผมดูแล้วเรื่องการตั้งสมเด็จเกี่ยวเป็นสังฆราชเนี่ย ผมไม่มีข้อมูล ผมก็ตรวจสอบกับรองฯ วิษณุ (นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ขณะนั้น) รองฯ วิษณุบอกว่าที่ตั้งสมเด็จพระสังฆราชนั้นข้างบนรู้เรื่องด้วย เพราะสมเด็จพระสังฆราชทรงรักษาอาการประชวรที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ทั้งวันไม่ได้รับสั่งอะไรเลย และการทำงานต่างๆ เลขาฯ พระองค์ท่านเป็นคนลงนามอ้างพระบัญชาท่านทั้งหมด มันเกิดความเสียหายเยอะแยะ จึงจำเป็นต้องตั้ง โดยพระเจ้าอยู่หัวฯทรงทราบ หลังจากนั้นผมก็เฉย ผมก็ไม่เดินเรื่องต่อ
แต่มีคำหนึ่งที่กลัวมากที่สุด คือ "การเมืองต่อไปนี้เขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง จะให้ใครชุบมือเปิบไม่ได้" อันนี้อันตรายมาก จะกลายเป็นว่าเราจะล้มระบบทักษิณ แล้วจะกลายเป็นระบบสนธิขึ้นมาอีกอัน ผมเป็นห่วงมาก เพราะสนธิพยายามเดินงานอย่างนี้มา 2-3 ปีแล้ว
@ แนะเลือกตั้งกลางพ.ย.-เลยไปห่วงงบฯผมอยากเรียนให้ทราบว่าที่ กกต. ออกไป 3 คน นับว่าเป็นผลดี และที่ผมยันให้มีการเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคมนั้น หมายความว่าวุฒิสมาชิกเลือกเสร็จภายในอาทิตย์นี้ แต่เมื่อกรรมาธิการตรวจสอบประวัติใช้เวลา 20 วัน กว่าจะเสร็จวันที่ 6 กันยายน ก็นัดประชุมสภา กว่าจะโปรดเกล้าฯ ประมาณกลางเดือนกันยายน ซึ่งตอนนั้นพ้นกำหนดวันรับสมัคร ส.ส. ที่วางไว้เดิม ดังนั้นการเลือกตั้งต้องเลื่อนโดยอัตโนมัติ แต่จะเลื่อนออกไปเมื่อไหร่
สมมุติได้ กกต. กลางเดือนกันยายน อีกครึ่งเดือนต่อมาก กกต. สามารถสั่งการได้ทันทีหรือไม่ ผมมีความเห็นว่าการจะเปลี่ยน กกต. จังหวัดมีระบบของมันไม่ง่าย อาจเปลี่ยนกลไก กกต. ด้วย ถ้ากำหนดวันรับสมัคร ส.ส. ระบบเขตได้ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม ประมาณ 15 พฤศจิกายนก็สามารถลงคะแนนได้ แต่ถ้าเลยไปถึงเดือนธันวาคมยุ่ง เพราะงบประมาณไม่ได้ใช้เลย ดีไม่ดี งบประมาณปี 2550 และ 2551 ต้องเสนอ 2 ปีซ้อน มีความเสียหาย เพราะถ้างบประมาณไม่ได้รับอนุมัติจากสภา มีแต่งบค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย แต่งบลงทุนทุกอย่างใช้ไม่ได้ ปัญหาเกิดขึ้นเดตล็อค
และที่รัฐบาลบอกว่าไม่มีเงิน ความจริงอะไรที่เป็นงบรัฐวิสาหกิจต้องเก็บให้มากขึ้น ซึ่งรัฐวิสาหกิจมี 35 แห่ง ต้องเก็บให้มากขึ้น อย่าง ปตท. กำไรตั้ง 5 หมื่นล้านบาทเก็บให้มากเข้า
@ เสนอศาลจว.คุมเลือกตั้งกันโกงนอกจากนี้ที่มีปัญหาว่า กกต. บางจังหวัดที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลต่างๆ นั้น ผมมีความเห็นว่า ขอร้องศาลได้หรือไม่ ในเมื่อศาลฎีกาลงมาขนาดนี้แล้ว ให้ศาลหารือผู้พิพากษาทั้งหมดได้หรือไม่ว่าในวันลงคะแนนให้ศาลจังหวัดลงไปดูแลความเรียบร้อยแต่ละเขต คนมันจะโกงก็ไม่กล้าโกงแล้ว จะทำให้การเลือกตั้งดีขึ้น พรรคการเมืองก็สบายใจ แต่ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่
และต่อไปต้องแก้ระเบียบใหม่ ผู้กำกับการตำรวจภูธร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ผู้ว่าฯ มาเป็น กกต. ไม่ได้
@ ชูปฏิรูปการเมืองหาเสียงเลือกตั้งคงจะลืมไปแล้วก่อนเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน ที่สื่อเคยพูดกันว่าเลือกตั้งมาคราวนี้ต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด ใช้เวลา 1 ปี - 1 ปีครึ่ง นี่คือจุดมุ่งหมาย เพราะฉะนั้น พรรคชาติไทยจะประกาศนโยบายนี้ออกไปว่า เลือกตั้งครั้งนี้ถ้าเป็นรัฐบาลจะเร่งรัดให้แก้รัฐธรรมนูญ รับรองว่าผมเป็นรัฐบาลจะแก้ให้เสร็จใน 1 ปี ไม่เกิน 1 ปีครึ่ง ตามที่สนธิท้าทาย เพราะผมทำมาแล้ว เมื่อปี 2539 ผมทำปีเดียวเสร็จออกมาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แล้วรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ไปเลือก ส.ส.ร. ต่อแล้วมาร่างรัฐธรรมนูญ แต่กว่าจะเสร็จไม่ง่าย นายกฯต้องลงไปบู๊เอง ทุกขั้นตอน มันติดขัดหมด
เพราะฉะนั้นภายใน 1 ปีครึ่ง ต้องแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จ ต้องแก้เยอะเลย เคยคุยกันหลายคนที่ต้องแก้ ใจผมไม่อยากให้มี ส.ว. เพราะไม่เกิดประโยชน์ อยากให้ยุบส.ว. แต่ไม่รู้ว่าจะผ่าน ส.ว. ชุดนี้หรือไม่ เพราะต้องมาร่วมพิจารณาด้วย อาจต้องเขียนบทเฉพาะกาลให้ ส.ว. หมดชุดนี้ ส่วนองค์กรอิสระก็มีปัญหา กำลังหาวิธีว่าจะสรรหากันอย่างไร ผมว่าควรตัดในส่วนตัวแทนการเมืองออกไป ส่วนการสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน ต้องกรณียุบสภากะทันหัน ไม่ใช่สภาครบวาระ ควรแก้ไขลดจำนวนวัน และการเลือกตั้งให้ไปสิ้นสุดที่ศาลเดียว ไม่ใช่ กกต.
นโยบายพรรคชาติไทย ผมจะเน้นด้านสาธารณสุขกับการศึกษา ส่วนเศรษฐกิจก็เน้นบ้าง แต่ 2 ด้านนี้จะเน้นให้หนัก เพราะถ้าเราไม่แก้เรื่องสาธารณสุขและการศึกษามันแย่แน่ๆ เพราะการศึกษาใช้ไม่ได้เลย ต้องปฏิรูปอีกครั้ง เพราะการเมืองเข้าไปยุ่งแยะ
@ ลั่น"ทักษิณ"นั่งนายกฯไม่ร่วมรบ.แน่ส่วนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคไทยรักไทยหรือไม่อย่าเพิ่งพูด ผมอาจไม่พูดก็ได้ แต่ถ้า"ทักษิณ" เป็นนายกฯ ผมไม่ร่วมแน่นอน แต่ถ้า "อภิสิทธิ์" ได้เสียงเกินครึ่ง ผมก็ต้องอยู่ปชป.
ผมได้พูดกับนายกฯ ว่าเลือกตั้งครั้งที่แล้วคุณทำความเจ็บชํ้าน้ำใจให้เขาเยอะแยะเลย อย่าง เสธ.หนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน) คุณไปทำเขาทำไม (กรณี พ.ต.ท.ทักษิณลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 พิจิตร ไทยรักไทย คู่แข่งนายศิริวัฒน์ บุตรชาย พล.ต.สนั่น) คุณจะลงไปปราบชาละวัน ไม่เว้นให้เขาบ้างเลย เขาเจ็บใจมาก คือนายกฯ เท่าที่จับจุดได้ เขาเสียเพราะคนใกล้ชิด ที่มีไม่กี่คน ตอนนี้ที่ใกล้ชิด คือไอ้ห้อยโหน สงสัยนายกฯโดนมนต์เขมร"
หน้า 11