..อ่านข่าวนี้แล้ว..รู้สึกว่า...ไม่อยากออกไปทานข้าวนอกบ้านเลย...นี่ไม่ใช่ครั้งแรก....แต่เป็นครั้งที่หนักที่สุดเล่นยิงถล่มกันเลย...น่ากลัวครับ....พี่น้องสมาชิกเรา...ต้องระวังตัวกันเอาไว้นะครับ........
รปภ.คุมผับสุดป่าเถื่อนควงปืน 4กระบอกรัวยิงนักเที่ยวดับ ทั้งคน-รถพรุน ตร.ระบุคนมีสี
รปภ.ผับสุดเถื่อน อาวุธปืน 4 กระบอกรัวยิงนักเที่ยวดับ เผยกลุ่มผู้ตายเจ้าของร้านทำป้ายโฆษณา พร้อมแฟนสาวไปนั่งก๊งเหล้าร้าน "ป.ปลาเผา" ฝั่งธนฯ เพื่อนสาวอีกคนไปมีเรื่องกับเมียน้อยเจ้าของร้านในห้องน้ำ จนเกิดบานปลายกลายเป็นเหตุวิวาทกันระหว่าง 2 โต๊ะ ตัดสินใจเช็กบิลกลับบ้าน เดินผ่านแก๊ง รปภ. เจอขู่ "เดี๋ยวมึงเจอกู" พอขับรถออกจากร้าน แวะจอดข้างทางตกลงไปกินกันต่อ ถูกรถกระบะตามประกบ 4 คนร้ายอาวุธปืนครบมือ กระหน่ำยิงทั้งรถทั้งร่างพรุน ด้าน "ผู้การ 9" ลั่น มือปืนสีไหนไม่ไว้หน้า หลักฐานถึง จับหมด ขณะที่ฝ่ายสืบสวนระบุ ไอ้โหดรายนี้เป็นคนมีสีชัวร์
รปภ. ผับมีสีสุดเถื่อน รุมยิงนักเที่ยวตายคารถรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 21 ส.ค. พ.ต.ต.วิทยา สุดสาคร สวส.สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าโรงเรียนยุวภัทรเนอสเซอรี่ ถนนพุทธมณฑล สาย 2 แขวงหลักสอง เขตบางแค ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.วิวัฒน์ วรรธนะวิบูลย์ รอง ผบก. น.9 พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.บก.น.9 และจนท.ฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไททัน สีดำ ทะเบียน สณ 7105 กรุงเทพมหานคร มีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนหลายขนาด กระจกหน้าแตก ยางแตก พรุนทั่วทั้งคัน นับได้ 14 รู ใกล้กันพบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ตท 7920 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่มีรอยกระสุนปืน นอกจากนี้บริเวณ ที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนกระจายเกลื่อน พื้นถนนจำนวนมากทั้งขนาด 9 มม. 7 ปลอก ขนาด .32 จำนวน 5 ปลอก และขนาด 7.65 อีกจำนวนหนึ่ง รวมแล้วเกือบ 30 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค ไปแล้วก่อนหน้า ทราบชื่อนายศุภเชฎฐ์ เสรีกสิชน อายุ 26 ปี อยู่เลขที่ 55 หมู่ 6 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ เจ้าของร้าน "เสรีอาร์ต" รับจ้างทำป้ายโฆษณา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าบริเวณกลางหลัง และขาขวา เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสอบสวน น.ส.นิภาวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี แฟนสาวของผู้ตาย ให้การว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายกับตนและเพื่อน ๆ เป็นหญิง 3 ชาย 2 รวม 5 คน ไปนั่งดื่มกินกันที่ร้านอาหาร ป.ปลาเผา ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ใกล้แยกทศกัณฐ์ จนช่วงเที่ยงคืน น.ส.จอย (นามสมมุติ) เพื่อนในกลุ่มเดินกลับมาจากไปเข้าห้องน้ำ บอกว่าเมื่อสักครู่ถูกหญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ทราบภายหลังว่าเป็นเมียน้อยเจ้าของร้าน เดินตามเข้าไปในห้องน้ำ แล้วถามว่า "มึงจะแย่งผัวกูเหรอ"
น.ส.นิภาวัลย์ ให้การต่อว่า น.ส.จอย เพื่อนของตนเห็นท่าไม่ดี เพราะไม่รู้จักว่าเป็นใคร จึงเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ แล้วเล่าให้ตนฟัง แต่หญิงสาวคนดังกล่าวยังไม่ยอมหยุด เดินเข้ามาต่อว่าที่โต๊ะอีกจนเกิดการโต้เถียงขึ้น และทำท่าจะบานปลายกลายเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท ตนจึงชวนทั้งหมดกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ยอมกลับ สักพักมี รปภ. ของร้าน เป็นชาย 2 คน เดินปรี่เข้ามาจะตบ น.ส.จอย จนผู้ตายทนไม่ไหว บอกว่า "พวกมึงจะตบผู้หญิงหรือ" แล้วก็เกิดเรื่อง กระทบกระทั่งกันอีก จนเที่ยงคืนพวกตนจึงเช็กบิลกลับ ช่วงเดินไปที่ลานจอดรถก็พบกับ รปภ. ของร้าน ตะโกนด้วยท่าทีขึงขังขณะพวกตน จะขับรถออกจากร้านซึ่งมาด้วยกัน 2 คัน ว่า
"พวกมึงเก๋านักหรือ เดี๋ยวมึงเจอกู" แต่พวกตนก็ไม่อยากสนใจ รีบขับรถออกจากร้านทันที
แฟนสาวผู้ตายให้การต่อว่า ขณะขับรถมาถึงหน้าโรงเรียนยุวภัทรฯ ที่เกิดเหตุ จึงจอดรถข้างทางคุยกันว่าจะไปกินข้าวต้มร้านไหนต่อ แต่ตนนั่งรออยู่ในรถกระบะโตโยต้าคนเดียว สักพักมีรถกระบะมิตซูบิชิ สตราดา สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ขับเลยพวกตนไป แล้วยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เข้ามาประกบรถกระบะมิตซูบิชิ ไททัน จากนั้นมีคนร้ายเป็นชาย 4 คน อาวุธปืนครบมือ ลงมากระหน่ำยิงใส่ผู้ตายและรถ เสียงดังหูดับ ตับไหม้ ทั้งผู้ตายและเพื่อน ๆ ต่างวิ่งหนีกัน หัวซุกหัวซุน มีเพียงตนที่อยู่ในรถอีกคันมองเห็นเหตุการณ์ตลอด สิ้นเสียงปืนคนร้ายวิ่งขึ้นรถกระบะ ตะโกนก่อนไปว่า
"ใครมาเที่ยวที่นี่ มีเรื่องในร้านไม่มีรอดโว้ย" แล้วขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ตนจึงลงจากรถวิ่งไปดูพบว่าทุกคนปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ยกเว้นผู้ตายที่ถูก กระสุนปืนเข้ากลางหลัง จึงพาขึ้นรถแท็กซี่ส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ แต่ก็เสียชีวิตในที่สุด
ต่อมาช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.ต.วิทยา ได้เรียกพยานในที่เกิดเหตุ 4 คน มาสอบปากคำ ทั้งหมดให้การตรงกันว่า
คนร้ายน่าจะเป็น รปภ. ของผับดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำรูปถ่ายจากแฟ้มประวัติให้ดู พยานทั้ง 4 คน ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่คนก่อเหตุแน่ ด้าน พล.ต.ต.วร ศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.วิวัฒน์ รอง ผบก.น.9 กล่าวว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนมีสีที่ชอบทำตัวเป็นลิ่วล้อเจ้าของผับ สาเหตุเกิดจากเรื่องผู้หญิง หรือทะเลาะวิวาท แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง และไม่ว่าจะเป็นคนสีไหน ทหารหรือตำรวจ ถ้าทำผิดก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่ พ.ต.อ.ชาญ ผกก.สส. น.9 กล่าวว่าคนร้ายเป็น รปภ. ในคราบคนมีสีตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานพิจารณา ขออนุมัติออกหมายจับอย่างรัดกุมต่อไป.
คัดลอกมาจาก หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
http://www.rssthai.com/reader.php?t=local&r=6502 
