ผมขอเล่าประสบการณ์ของพ่อแล้วกันนะครับ ....
ประมาณ 18 ปีที่ผ่านมา ขณะนั้นพ่อผมเป็นช่างประจำเครื่องบิน ( รุ่น L19 ) ของตอนการบิน พล.ม.2 ค่ายอดิศร สระบุรี ( ชื่อในขณะนั้น ) และในแต่ละปีต้องมีภารกิจทำการฝึกบิน ทั้งกลางวันและกลางคืน
และแล้วภารกิจฝึกบินประจำในปีนั้นๆก็ได้ถูกกำหนดขึ้น เป็นหมายกำหนดการฝึกบินภาคกลางวัน จากสนามบิน ค่ายอดิศร มุ่งหน้าสู่ สนามบินจังหวัดน่าน ด้วยเครื่องบินใบพัดเดี่ยว รุ่น L19 เป็นเครื่องบินตรวจการ 2 ที่นั่ง ประจำของกองทัพบก ในหน่วยบิน พล.ม. 2 ร่วมบินเป็นขบวนจำนวน 5 ลำ
รุ่งเช้าเจ้าหน้าที่ นักบินเก่า และใหม่ ร่วมประชุมนิรภัยการบินชี้แจงครั้งสุดท้ายก่อนเริ่มฝึก ...เวลาประมาณ 09.00 น. เครื่องบินทั้ง 5 ลำ ถูกลากจากโรงเก็บ และทำการตั้งขบวน เพื่อเตรียมขึ้นบิน หนึ่งในนั้นมีนักบินมือใหม่ร่วมบิน และทำการฝึกไปด้วย พ่อผมได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้ร่วมเดินทางช่วยบินไปกับนักบินใหม่คนนี้ด้วย โดยให้ประจำเครื่องลำดับที 4 ( โดยปกติ ช่างประจำเครื่องจะสามารถทำหน้าที่เป็นนักบินที่สองช่วยบินได้ ในสภาวะฉุกเฉิน )
เครื่องบินลำแรกเหินสู่อากาศ เหตุการณ์ปกติ โดยลำที่สอง และสาม ก็บินขึ้นตามขบวนไป.. และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ... ในระหว่างที่เครื่องลำที่ 4 ( เป็นลำที่พ่อผมประจำอยู่ )กำลังเริ่มยัดเครื่องยนต์เพื่อเร่งเครื่อง .... ทันใดนั้น นักบินประจำเครื่องที่ 5 ( ผู้พันณุ ) ก็รีบลงจากเครื่องบิน และวิ่งมาที่ run way โดยโบกมือสัญญาณ ให้เครื่องลำที่ 4 ชลอความเร็ว และหยุดกลาง run way ...จากนั้น ผู้พันณุ ( ผู้บังคับฝูงบิน ) ก็เดินมาที่ข้างประตูเครื่องที่ 4 และบอกกับพ่อผมว่า เฮ้ย ! จ่ากา ( ชื่อพ่อผมเองครับ ) เดี๋ยวลื้อมานั่งลำอั๊วะ แล้วให้จ่าแม็ค ที่อยู่ในลำอั๊ว ไปนั่งลำนี้แทน....
พ่อผมได้ทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ( ผู้พันณุ ) โดยไปนั่งลำที่ 5 แทน จากนั้นเครื่องที่เหลือทั้งสองลำ ก็ได้ออกเดินทางร่วมขบวนการบินไป ระหว่างทางพ่อผมก็ได้ถามว่าทำไม ผู้พันณุ ถึงให้ผมมานั่งลำนี้ ... ผู้พันณุก็เพียงบอกว่า " ไม่รู้เหมือนกันว่ะ " แค่อั๊วะอยากให้ลื้อมากับอั๊วะ " ไม่รู้เพราะอะไรว่ะ "
" โดยปกติพ่อจะอาราธนาคุณพระ โดยจะห้อยพระสมเด็จวัดระฆัง ฯ พิมพ์ใหญ่ , พระรอด ฯลฯ อีกมากมายหลายองค์ ( ทุกองค์เป็นพระที่รับมรดกมาจากคุณปู่ทวดครับ ) วันนั้นก็เช่นกัน พ่อก็อาราธนาพระเป็นปกติ โดยพ่อจะทำก่อนขึ้นเครื่อง และตอนก่อนจะเริ่มออกบิน "
ขบวนบินจากสระบุรี เริ่มเข้าสู่เส้นทาง จ. อุตรดิตถ์ โดยเส้นทางต้องมุ่งหน้าผ่าน บ้านทุ่งไฮ้ฮา ที่มีเทือกเขาสูงชัน ลดหลั่นกันไปโดยตลอดพื้นที่ ... เมฆฝนดำทะมึนลอยอยู่ตรงหน้าระหว่างเขา บ.ทุ่งไฮ้ฮา ขบวนบินส่งวิทยุให้หลีกเลี่ยงการเข้าเขตเมฆฝน และลดเพดานบินให้ต่ำลง แต่เมฆฝนก็หาได้ลดการก่อตัวลงไม่ และยังคงมืดครึ้ม ฟ้าปิด และก่อตัวกินเขตน่านฟ้ากว้างมากยิ่งขึ้น ... ไม่นานเครื่องลำแรก ( ต้นขบวน ) ก็ส่งสัญญาณวิทยุให้ทุกเครื่อง ทุกลำ หันหัวกลับ เพื่อบินวนรอให้ฟ้าเปิดอีกครั้ง
เครื่องลำที่ 1 ให้สัญญาณ " back " ( บินวนกลับ ) ลำที่ 2 ให้สัญญาณ " back " , ลำที่ 3 ให้สัญญาณ " back " เสียงที่ทุกลำควรจะได้ยินต่อมาคือ สัญญาณจากลำที่ 4 พูดว่า " back " แต่ว่าก็ยังเงียบอยู่ พันณุ ( บินในลำที่ 5 พร้อมกับพ่อผมที่นั่งมาด้วย ) จึงแจ้งเตือนวิทยุอีกครั้ง " คำสั่ง .. ลำที่ 4 back " คำสั่ง ... ลำที่ 4 back " แต่ก็ไร้เสียงตอบ ดังนั้น ผู้พันณุ จึงเริ่มเชิดหัวเครื่องขึ้น แต่ก็ยังคงบินตามลำที่ 4 อยู่ ... แต่เพราะรู้ว่าข้างหน้าคือเขาสูง พันณุ จึงสั่งอีกครั้ง....
" คำสั่ง ... ลำที่ 4 back " ทันใดนั้นเอง ภาพตรงหน้าคือ ภูเขาลูกสูงสุดแห่งบ้านทุ่งไฮ้ฮา ที่เต็มไปด้วยป่าก่อไผ่ และป่าทึบ เสียงสุดท้ายของ พันณุ ที่บอกแก่ลำที่ 4 คือ เฮ๊ย !! ชนแล้ว เฮ๊ย ๆๆๆ ...........
แสงไฟวาบใหญ่จากเครื่องลำที่ 4 ที่ระเบิดจากการชนเขา พร้อมน้ำมันที่ปีกข้างละ 200 ลิตร ไฟลุกท่วม ..เวลาเพียงครู่หนึ่ง ที่ พันณุ และพ่อเห็นแสงไฟ แต่มันช่างเหมือนกับเวลานานแสนนานของลำที่ 5 ที่เห็นเหตุการณ์ลำที่ 4 ชนภูเขาต่อหน้าต่อตา และแล้วเสียงจากวิทยุก็ดังขึ้น " ลำที่ห้า back " ..... ลำที่ 4 ชนเขา ลำที่ 4 ชนเขาแล้ว
จ่าแม็ค พร้อม นักบินใหม่ คอหักตายคาที่ โดยศพทหารทั้งสองนายถูกเสียบติดที่กอไผ่ เครื่องบินลำที่ 4 ไฟไหม้เสียหายทั้งลำ .....
เครื่องทุกลำบินวนอยู่พักใหญ่ พร้อมแจ้งอุบัติเหตุแก่ฐานบินใกล้เคียงเพื่อกู้ภัย..... จากนั้นเครื่องทุกลำก็บินต่อไปสู่จุดหมายปลายทาง โดยเหลือเพียง 4 ลำเท่านั้น .... และก่อนลำที่พ่อผมนั่งมาจะลงจอด พ่อได้คลำหน้าอกเพื่อจะจับพระทั้งพวงมาขึ้นจบที่ศีษระ เพราะในใจก็คิดว่า รอดตายมาได้ก็เพราะพุทธคุณของพระท่านแท้ๆ แต่แล้วพ่อก็ต้องแปลกใจ !! เพราะ
" พระทั้งพวง ได้หายไป " และเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ที่พระจะหล่นหาย ในขณะที่พ่อใส่ชุดทหาร ในชุดนักบิน พร้อมรองเท้าหนังฮาฟ และเสื้อก็รูดซิบมาถึงคอ อีกทั้งในเวลาก่อนที่เครื่องลำที่ 5 จะบินขึ้นจากสระบุรี พ่อก็ได้อาราธนาพระ โดยยังคงจับพระทั้งพวงที่อกอยู่เลย
หลังจากเครื่องลงสู้สนามบินน่าน พ่อได้ค้นหาสร้อยพระบนเครื่องอีกครั้ง และก็ยังโทรฯ ไปบอกให้ทหารเกณฑ์ที่สนามบินสระบุรี เดินเรียงหน้ากระดานหาทั่วสนามบิน แต่ก็ไม่เจอตราบจนปัจจุบัน
โดนเรื่องราวปาฎิหารย์นี้ก็ยังเป็นที่เล่าขาน กันจนถึงปัจจุบันนี้ของทั้งอดีตนักบิน L19 และอดีตช่างเครื่องบิน L19 ประจำตอนการบิน พล.ม.2 ค่ายอดิศร สระบุรี ว่า " พระหายไปได้ยังงัยทั้งพวง "
สำหรับผมและพ่อ คิดว่า พุทธคุณขององค์พระนั้น ได้ดลใจให้ ผู้พันณุ มาเรียกให้เครื่องบินหยุด เพื่อเปลี่ยนตัวกัน ( จนปัจจุบัน ผู้พันณุ ก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงต้องทำอย่างนั้น ) และพ่อก็ไม่เคยคิดเสียดายพระสมเด็จวัดระฆังฯ และพระกรุอื่นๆอีกมากที่หายไป เพราะท่านเหล่านั้นได้มาคุ้มครองและได้ต่อชิวิตให้แล้ว ผมขอเล่าประวัติด้วยความเคารพแด่ทหารหาญแห่งภารกิจการฝึกบินในเที่ยวบินนั้นๆทุกๆท่านครับ
การัณย์