ครั้งที่สอง เป็นเรื่องภายในครอบครัว
หลังจากที่คุณพ่อเสียไป ก็เกิดความร้าวฉานในครอบครัวเมื่อปี 31-32
ด้วยความที่ไม่ยอมคน (สมัยก่อนนะเดี๋ยวนี้ยอมทุกอย่างแล้ว) จนถึงขั้นจองล้างจองผลาญกัน
ขนาดมีการสั่งคนมาด้อมๆมองๆทีเดียว มีครั้งนึงถึงกับอยู่ไม่ได้ต้องเผ่นไปตั้งหลัก อาศัยเพื่อนกันนี่แหละ
พาเข้ากรุงเทพ ออกเดินทางไปถึงสุราษฏร์ฯราว 3 ทุ่มก็เช็คอินที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อาบน้ำอาบท่าเสร็จกะจะ
นอนพักสักหน่อย แต่เจ้ากรรมเกิดลางสังหรณ์อะไรบางอย่างเลยบอกเพื่อนเก็บของเข้ากรุงเทพฯเลยดีกว่า
ระหว่างทางก็ปรึกษากัน สรุปก็หาที่พึ่งทางใจเพราะเพื่อนเขานับถือพระจีนอยู่องค์นึงเลย เออ ออ ไปก็ไปถึง
กรุงเทพตีสี่เศษๆ อาบน้ำอาบท่ากินกาแฟเสร็จเปลี่ยนรถวิ่งเข้าชลบุรีทันที มาถึงศรีราชาแวะทานข้าวเช้าเสร็จ
ก็ไปตำหนัก " หลวงปู่มังกรขาว" วันนี้จะเป็นวันประทับทรงวันสุดท้ายจะประทับทรงอีกทีก็เดือนหน้า .......
แหม โชคดีอะไรปานนั้น รู้สึกศรัทธาอีกแล้ว รอแล้วรออีก ท่านก็ชี้เรียกคนอื่นที่มาหลังไปจนเกือบหมด แต่ก็ไม่คิดอะไร
จนถึงบ่ายสองครึ่ง ท่านจึงเรียกเข้าไปบอกว่านึกว่าจะไม่ทนรอเสียแล้ว บอกว่าเป็นการลองใจ แต่ที่แปลกก็คือผมไม่คิด
อะไรจริงๆ จิตใจว่าง สงบมาก ท่านก็ทำพิธีปัดเป่าให้ ด้วยความศรัทธาจึงออกปากขอเช่ารูปบูชาตามที่เห็นบ้านเพื่อน
งดงามมาก ....... แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะลูกศิษย์มาบอกว่าหมดแล้ว และไม่มีอีกแล้ว
สิ่งที่เหลือเชื่อก็บังเกิด.......ร่างประทับทรงสั่งให้ไปนำออกจากห้องบูชาส่วนตัวของท่านเองเอามาให้ผม ทำให้เป็นที่
ฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่รอเฝ้าอยู่ ตัวผมก็รู้สึกภูมิใจมากที่ได้มาแบบนี้ปราบปลื้มที่สุด ท่านก็บอกว่านำไปบูชา
ให้ดีจะได้คุ้มครอง และปัดเป่าบรรเทาสิ่งร้ายต่างๆให้กลับกลายเป็นดีได้ในไม่ช้า
พร้อมทั้งบอกว่าอีกไม่นานต้องมีการผ่าตัดนะ รักษาสุขภาพด้วย ถึงตอนนี้ก็ตกใจเป็นกำลังเพราะคิดว่าอาจโดนปองร้าย
ถึงขั้นบาดเจ็บอะไรเป็นแน่ ถามท่านไป ท่านก็บอกว่าไม่ต้องวิตกหรอกเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะเขาทำอะไรเราไม่ได้
เพราะเราก็มีของคอยปกป้องดูแลอยู่แล้ว ถึงเวลาก็จะรู้เองให้หมั่นทำความดีให้มากๆเข้าไว้ ถึงเวลาก็กราบลาท่านกลับ
บ้านเพื่อนพร้อมสิ่งมงคล (เดี๋ยวพรุ่งนี้จะถ่ายรูปให้ดูครับ) นำฝากไว้ที่หิ้งบ้านเพื่อนก่อน ส่วนตัวผมก็อาศัยอยู่ที่กรุงเทพ
เกือบหนึ่งเดือน ให้เพื่อนคอยติดตามส่งข่าวคราวความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม จนเรื่องซาๆไปจึงเตรียมตัวกลับรัง
ก่อนกลับก็แวะวัดโพธิแมน เช่าบูชาพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 9 นิ้วจำนวน 5 องค์ เป็นพระปลุกเสกเก่าแก่หลงเหลืออยู่
ประกอบด้วยพระปางประทานพร ปางสุโขทัย อู่ทอง เชียงแสน ลพบุรี ........
อ้อ นึกออกแล้ว เรียงผิด เรียกโดยสรุปว่า ทองแสนสุข ลพบุรีและประทานพร หนักมากตอนที่ศิษย์วัดนำมาส่งที่รถ
ต้องช่วยกันหาม 2 คนทีเดียว ตอนกลับเอารถเพื่อนกลับ (แลกรถกันใช้ชั่วคราว) มีสิ่งแปลกอีกแล้ว ผมสามารถยก
ใส่รถคนเดียวได้เลยในความรู้สึกๆว่าน้ำหนักลดไปมากไม่ถึงกับเบาหวิวแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นภาระอะไรมากมาย
กลับมาถึงก่อนเข้าจังหวัดก็แวะหาที่เงียบดูจังหวะก่อน เอาไว้ดึกๆค่อยเข้าบ้าน พอถึงตีสามก็แอบเข้าบ้าน ทุกอย่างปกติ
นำรูปพระมาจัดเข้าหิ้ง ส่วนหลวงปู่มังกรขาวตั้งใจว่าจะทำหิ้งใหม่เป็นที่ประทับให้ เลยวางไว้บนโต๊ะเป็นการชั่วคราวก่อน
รุ่งขึ้นสายๆใกล้เที่ยงก็มีคนของทางโน้นมาเจรจายอมความ เพราะทั้งสองฝ่ายก็เป็นทั้งโจทก์และจำเลย คือต่างคนต่าง
ฟ้องใครเป็นต่อก็เป็นโจทก์ฟ้องไป ใครเป็นรองก็คือจำเลยรวมแล้วนับสิบคดีทั้งอาญาและแพ่งหลังจากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล
ติดต่อกันเกือบสองปี ทำให้อ่อนแรงกันไป ทางเขาใช้ทนายท้องถิ่น ส่วนของผมใช้ทนายในกรุงเทพ ก็อาศัยพรรคพวก
ช่วยๆกันหาให้ บังเอิญได้ทนายดีและมีคุณธรรม เป็นการตั้งทนายคนที่สองหลังจากขอเปลี่ยนคนแรก ซึ่งเป็นเพื่อนร่วม
ชั้นเรียนตั้งแต่สมัยมัธยม เคยไปกินเที่ยวกันเป็นประจำ เลยไว้ใจแต่กลับกลายเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ สุนัขสองราง
ทำคดีที่ได้เปรียบจนกลายเป็นเพรี่ยงพร้ำ .......... จำกันไว้เลย จำจนตายคนประเภทนี้
ต่อมาเมื่อเรื่องทางศาลสิ้นสุด ก็ถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนแบ่งที่ได้มาก็เป็นส่วนนึง ให้เป็นค่าใช้จ่าย
วิชาชีพทนายที่เขาไม่เรียกร้องอะไรเลย เพราะเขามาสัมผัสรับรู้จึงเกิดความเห็นใจ แม้กระทั่งเวลามาว่าความให้ก็ไม่ยอม
นั่งเครื่อง ยอมนั่งรถเมล์ปรับอากาศมาว่าความให้ พาไปกินข้าวก็กินข้าวราดแกง เว้นแต่ก่อนวันจะกลับค่อยไปนั่งร้านดีๆ
ทนายท่านนี้ ต่อมาหลังจากเสร็จเรื่องไปราวสองปี ก็พาครอบครัวมาเยี่ยมผม พักกันที่บ้านเหมือนครอบครัวเดียวกัน
ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันกว่าสิบปีแล้ว ไม่ทราบสารทุกข์สุกดิบเลย เพราะได้ข่าวครั้งหลังสุดว่าไม่ได้ทำอาชีพทนายความ
แล้วแต่ไปทำนากุ้งที่นครศรีธรรมราช (บ้านเกิดของเขา)
เรื่องนี้ตื่นเต้นตอนหนีตายเท่านั้นเอง ยอมรับอย่างนึงว่าเวลาเข้าตาจนมักมีสิ่งรอบด้านออกมาช่วยเหลือ ปัดเป่า และ
ผ่อนหนักให้เป็นเบา
องค์นี้แหละที่ได้จากห้องพระของร่างทรง ขออนุญาตหลวงปู่แล้วครับ
