หนังสืออยู่ในลิสต์... เดี๋ยวว่าจะไปซื้อมาอ่าน "ปฏิบัติการลับ ดับไฟใต้"

คือคนเขียนเป็นนายพลด้านการข่าวฯ... เอาของจริงมาใส่หนังสือครับ... พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ นายทหารการข่าวแห่งศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) บก.สูงสุด

ถึงแม้จะลาออกจากราชการเมื่อปลายปี 2548 ที่ผ่านมา แต่พล.ท.นันทเดช เจ้าของงานเขียน "ปฏิบัติการลับดับไฟใต้" ก็ยังทำงานสนองคุณแผ่นดิน รับใช้ด้านงานข่าวโดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับองคมนตรีและผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านอยู่...

คนเขียนคำวิจารณ์เป็นนักข่าวสายสงครามฯ ตัวจริงครับ...

รายละเอียดตามนี่... http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000112775

โดย สำราญ รอดเพชร 5 กันยายน 2549 23:12 น.

ผมเข้าใจว่าน่าจะกำลังวางแผงขายอยู่ในขณะนี้ สำหรับพ็อกเก็ตบุ๊คน่าอ่านสำหรับคนทั่วไป และ "ต้องอ่าน"สำหรับสื่อมวลชน รวมทั้งผู้ที่ทำงานด้านความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้..

"ปฏิบัติการลับ ดับไฟใต้" งานเขียนของจากประสบการณ์จริง จากการทำงานในพื้นที่ของ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ นายทหารการข่าวแห่งศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) บก.สูงสุด

ในฐานะคนรู้จัก พล.ท.นันทเดชส่งมาให้ผมอ่านและวิจารณ์ เมื่อวานซืน(3ก.ย.)นี่เอง และผมอ่านมันรวดเดียวจบโดยไม่เว้นวรรค ด้วยความระทึก...ระทึกเพราะมีอยู่หลายเหตุการณ์ หลายกรณีที่ผมกระหายใคร่รู้ในเชิงข่าว เพราะตัวเองไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินได้ฟังมาจนประทับเป็นความรับรู้ของตัวเองนั้น...ถูกต้องหรือไม่..!?

ซึ่งหนังสือหนา 190 หน้าเล่มนี้ ได้เติมเต็มข้อมูลภาคสนามให้ผมได้เกือบครบถ้วน ไม่ว่า กรณีปล้นปืนที่กองพันพัฒนาที่ 4, กรณีกรือเซะ, กรณีตากใบ และเบื้องลึกเบื้องหลังอีกหลายเหตุการณ์..

พล.ท.นันทเดชเป็นมือข่าวของศรภ.ที่คลุกอยู่ในภาคสนามมานานนับ 30 ปี เมื่อปี 2545 ถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมแกะรอยนายฮัมบาลี บุรุษหมายเลข 3 ของขบวนการเจไอ โดยเริ่มต้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นปีที่ปฏิบัติการ "อุ้ม - ฆ่า" ได้เริ่มเปิดฉากขึ้น

หลังจบภารกิจจับกุมนายฮัมบาลีแล้ว ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ศรภ.ภาคใต้ ในขณะที่สถานการณ์ 3 จังหวัดระอุพอดิบพอดี

ไม่แปลกที่นอกเหนือจากข้อมูลเชิงลึกแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังได้ฉายภาพความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลทักษิณในการแก้ปัญหา 3 จังหวัด...

"...เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นติดต่อกันเรื่อยมานั้น เกิดจากสาเหตุหลัก 2 ประการคือ (1) เหตุร้ายเป็นผลที่พัฒนามาจาการใช้อำนาจรัฐต่อราษฎรโดยไม่มีระบบการถ่วงดุลอำนาจ และการยึดทฤษฎีเดิมที่ว่า เจ้าหน้าที่รัฐตาย 1 คน ฝ่ายคนร้าย (หรือฝ่ายเอ็ง) ต้องตาย 2 คน ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ใช้ได้ผลในภาคอื่นๆ แต่เมื่อนำมาใช้ ณ ภาคใต้กลับไม่ได้ผล เพราะมีปัญหาที่ซับซ้อนกว่า ทั้งพื้นฐานประวัติศาสตร์ประกอบเข้ากับความขัดแย้งทางการเมือง และ (2) นโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติ ซึ่งกำหนดให้หาผลงานแข่งขัน รวมถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป็นการปราบผู้มีอิทธิพลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเสียเป็นส่วนใหญ่...."

"...ในห้วงระยะเวลาตั้งแต่ต้นปี 2547 ไปถึงกลางปี 2548 ได้เกิดความสับสนในสายการบังคับบัญชาว่าใครจะมีอำนาจมากกว่ากันระหว่างทหาร ตำรวจ ผู้ว่าฯ ซีอีโอ และหน่วยงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนกลาง..."

...ฯลฯ...

มีอีกหลายตอนที่น่าสนใจซึ่งไม่อาจหยิบยกมาให้อ่านกันตรงนี้ได้ แต่โดยภาพรวมเมื่อได้อ่านทั้งหมด งานเขียนของนายทหารมือข่าวท่านนี้ได้ยืนยันยันหรือคอนเฟิร์มด้วยข้อมูล ในประเด็นที่หลายคนระบุว่า การที่รัฐบาลทักษิณลดบทบาททหาร ยุบพตท.43 และศอ.บต.พร้อมๆ สถาปนารัฐตำรวจขึ้นใน 3 จังหวัด เป็นปมสำคัญในการนำ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถลำลึกสู่ความรุนแรงครั้งใหม่..และมีโอกาสถูกยกฐานะสู่ปัญหาสากล..

เรียนท่านผู้อ่านตรงๆ ว่า พูดถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ถึงนาทีนี้ผมยังเป็นห่วงเป็นลำดับแรก เท่าๆ กับปัญหาการเผชิญหน้าทางการเมืองในขณะนี้ที่มีโอกาสถึงขั้นเลือดตกยางออกได้ไม่ยาก..หากว่า "ทักษิณ" ยังไม่ออกไปหรือยุติบทบาท...

ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี รองคณบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาชุมชน คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี เปิดเผยเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า จากข้อมูลที่ได้สังเคราะห์ร่วมกันกับศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้ สถิติตั้งแต่เดือนม.ค. 47 - ส.ค.49 รวม 32 เดือนพบว่ามีการก่อเหตุต่อเนื่องถึง 5,460 ครั้ง คนไทยมุสลิมเสียชีวิต 924 ราย คนไทยพุทธ 697 ราย

และจากการสำรวจเดือนพ.ค.-มิ.ย.49 จากการสำรวจของนักรัฐศาสตร์ ม.มิสซิสซิปปี้ สหรัฐอเมริกา ร่วมกับนักรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานีพบว่าประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขาดความเชื่อมั่นสถาบันทางการเมือง และข้าราชการตำรวจมากที่สุด...

ภายใต้ความล้มเหลวในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดของรัฐบาลทักษิณ ผมเพิ่งได้ยินได้ฟังเป็นครั้งแรกจากปาก ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ว่า ฝ่ายข่าวกรองรู้หมดว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มไหน แต่ไม่มีผู้นำเดี่ยว ต่างคนต่างกลุ่มต่างปฏิบัติการ รัฐบาลรู้โรดแมปหรือแผนปฏิบัติการ 7 ขั้นของผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นที่ 6 คือสร้างสถานการณ์รุนแรง ก่อนนำไปสู่ขั้นตอนที่ 7 คือการประกาศชัยชนะ...

"ใครมาเป็นรัฐบาลระหว่างปี 2544 -254 9 ก็ต้องเจอสถานการณ์แบบเดียวกัน เพราะฝ่ายตรงข้ามมีโรดแมปอยู่แล้ว" ท่านบิ๊กจุ๋มของผมพูดชัด...

บอกตามตรงว่าน่าผิดหวัง.... ผมแค่ตั้งคำถามว่า ถ้าไม่มีการอุ้มฆ่า, ไม่มีการยุบ พตท.43และศอ.บต.,ไม่มีคำว่า "โจรกระจอก" ต่อให้ฝ่ายโน้นมีโรดแมป 7 ขั้น สถานการณ์ก็จะไม่เป็นอย่างที่เห็น...และผมรับรองว่านายกรัฐมนตรีของรัฐบาลนั้น จะไม่อยู่ในสถานการณ์ไม่กล้าเหยียบภาคใต้ ไม่กล้าโผล่หน้าไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนพ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน...

ไม่ว่าจะยังไง ถึงวันนี้แม้ผมจะเคยรู้สึกวูบในความหวังต่อตัว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กบ.ชต.) ในช่วงที่ผ่านมา แต่หลังจากที่ท่านเริ่มประกาศแข็งกร้าวอีกครั้ง ถึงขั้นกล้าสวนกลับฝ่ายการเมืองที่ออกมาตำหนิเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกรณีการถล่ม 22 ธนาคารในจังหวัดยะลา เมื่อไม่กี่วันก่อน...

ย่อมแสดงว่า พล.อ.สนธิพร้อมแล้วที่จะพิสูจน์ฝีมืออีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย ภายใต้บทเรียนแห่งความผิดพลาดอันอุดมในห้วง 4-5ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลทักษิณ..

ขณะเดียวกันผมก็ทราบว่า ถึงแม้จะลาออกจากราชการเมื่อปลายปี 2548 ที่ผ่านมา แต่พล.ท.นันทเดช เจ้าของงานเขียน "ปฏิบัติการลับดับไฟใต้" ก็ยังทำงานสนองคุณแผ่นดิน รับใช้ด้านงานข่าวโดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับองคมนตรีและผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านอยู่...

กองทัพบกและผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองของเรา คงจะช่วยกันหยุดยั้งการนำพา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่วิกฤตได้ในที่สุด....

แต่ถ้าอยากเห็น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลุดจากภาวะสงคราม ภาวะวิกฤตกลับสู่สภาวะที่ไม่ระอุอย่างทุกวันเร็วขึ้น ผมยังยืนยันว่า "ทักษิณ...ออกไป" ช่วยได้ทันทีอย่างน้อยก็ 50 เปอร์ เซ็นต์!!

	ผู้เขียน	หัวข้อ: หนังสืออยู่ในลิสต์... เดี๋ยวว่าจะไปซื้อมาอ่าน "ปฏิบัติการลับ ดับไฟใต้" (อ่าน 2462 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้