ประชาชนมีอาวุธปืน(โดนถูกต้องตามกฎหมาย)สามารถช่วยเหลือชีวิตของตนเองและป้องกันทรัพย์สินจากคนร้ายได้ จะปล่อยให้คนร้ายใช้อาวุธปืน(ที่ผิดกฎหมาย?)มีปล้นมาจี้แล้วไปแจ้งความถ้าไปเจอเจ้าพนักงานที่ดีก็ดีไปแต่ส่วนใหญ่ไปเจอไอ้ที่ไม่ดีมักจะย้อนเอาว่า "ทำไมไม่ช่วยเหลือตนเองก่อน จะค่อยให้เจ้าพนักงานมาช่วยได้ไง เจ้าพนักงานมีงานล้นมือ" ทุกท่านที่อ่านข่าวสังเกตุไหมครับว่าคนร้ายมีอาวุธปืน .357 เป็นประชาชนธรรมดามีอาวุธปืนร้ายแรงแบบนี้ได้อย่างไร? หรือเป็นปืนเถื่อน ผมขอเอาข่าว นสพ.จาก คมชัดลึก ฉบับ 12 ก.ย. 49 มาให้ทุกท่านอ่านอีกครั้งครับ และอยากให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่เห็นว่าประชาชนที่มีปืนโดยถูกต้องตามกฎหมายมีประโยชน์อย่างไรด้วยครับ อย่าปิดกั้นกันเลยท่าน
โจรบุกบ้านปืนจี้ผัวเมียอุ้มลูกยิงสวนดับ
สองผัวเมียเมืองคอนใจเด็ด ถูก 2 โจรบุกปล้นทรัพย์เอาปืนจี้หัวขณะฝ่ายหญิงนั่งกอดบุตรสาววัยขวบเศษแอบซ่อนปืนข้างหลัง ฉวยโอกาสโจรเผลอยิงสวนเปรี้ยงเดียวเจาะกะโหลกโจรดับคาบ้าน โจรอีกรายตกใจยิงใส่ฝ่ายหญิงบาดเจ็บ แต่กลับถูกผัวที่ถูกยิงสาหัสตั้งสติได้คว้าปืนจากมือเมียยิงดับอีกราย
เหตุสองสามีภรรยายิงต่อสู้กับคนร้ายที่บุกเข้ามาปล้นทรัพย์ถึงบ้านพักจนคนร้ายเสียชีวิต 2 ศพ แต่ตัวเองได้รับบาดเจ็บครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา พ.ต.ต.สุรพล ภักดี สารวัตรเวร สภ.อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายในบ้านเลขที่ 56 หมู่ 5 ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น แล้วนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐศิษฏ์ มีนะกนิษฐ รอง ผกก.ป.สภ.อ.ทุ่งใหญ่ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว พบ น.ส.ทัศนีย์ น้ำรอบ อายุ 29 ปี เจ้าของบ้าน นั่งอุ้มบุตรสาววัย 1 ขวบเศษอยู่ในบ้าน ที่มือขวากำอาวุธปืนขนาด 9 มม.ไว้แน่น ในสภาพบาดเจ็บเนื่องจากแขนซ้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ทราบชื่อคือ นายทวีป นวลขาว อายุ 42 ปี สามีของ น.ส.ทัศนีย์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่หน้าอก อาการสาหัส เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวทั้งสองคนส่งโรงพยาบาลทุ่งใหญ่ให้แพทย์ช่วยเหลือในเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทุ่งสงเพื่อให้แพทย์ผ่าตัดช่วยชีวิต
นอกจากนั้น ในบ้านที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพ นายณัฐวุฒิ พูนพนัง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 4 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สภาพคว่ำหน้าอยู่ภายในห้องนอน ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบว่า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ศีรษะ 1 นัด ข้างศพพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 กระบอก ไฟฉาย 1 กระบอก และที่ประตูบ้านพบศพ นายสมศักดิ์ เอี่ยมกำลัง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ 3 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ นอนเสียชีวิตในสภาพมือขวากำอาวุธปืนขนาด .357 ไว้แน่น ตรวจสอบพบว่าถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด มีกระบอกไฟฉายอยู่ในกระเป๋ากางเกง และยังพบปลอกกระสุนอาวุธปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่จำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบคดี
ต่อมา พ.ต.ต.สุรพล ภักดี สารวัตรเวร สภ.อ.ทุ่งใหญ่ สารวัตรเวรเจ้าของคดี ได้นำกำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาลทุ่งสง เพื่อสอบปากคำ น.ส.ทัศนีย์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่ง น.ส.ทัศนีย์ ให้การว่า เหตุเกิดขณะที่นายทวีป สามี กำลังกวาดขยะอยู่บริเวณหน้าบ้าน ส่วนตนกำลังชงนมให้บุตรสาวอยู่ในบ้าน ก็ได้ยินเสียงสามีตะโกนเรียก จึงเดินไปหา และพบว่ามีคนร้าย 2 คน สวมหมวกไหมพรมคลุมใบหน้า กำลังใช้อาวุธปืนจี้ศีรษะสามี เมื่อเห็นดังนั้นตนจึงหันหลังกลับเดินไปหยิบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ของสามีที่เก็บไว้ในห้องนอน แล้วถือไว้ข้างหลังเพื่อไม่ให้โจรเห็น พร้อมกับอุ้มบุตรสาววัย 1 ขวบเศษไว้
คุณแม่ยังสาวใจเด็ดรายนี้ ให้การต่อว่า จากนั้นคนร้ายก็บังคับให้สามีพาไปที่ห้องนอน พร้อมกับหันปากกระบอกปืนมาจี้บังคับตนที่นั่งอุ้มบุตรสาวอยู่ให้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึงออกจากคอ โดยที่คนร้ายไม่สังเกตเห็นว่าตนถือปืนแอบไว้ข้างหลัง ดังนั้น เมื่อคนร้ายบอกให้สามีก้มตัวลงนอนหมอบกับพื้น ตนจึงฉวยโอกาสหันปืนไปยิงใส่คนร้าย 1 นัด กระสุนถูกศีรษะคนร้ายที่อยู่ใกล้ จนล้มลงเสียชีวิตทันที
เมื่อเหตุการณ์พลิกไปถึงตอนนั้น น.ส.ทัศนีย์ ให้การว่า เมื่อคนร้ายอีกคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูห้องนอนได้ยินเสียงปืน ก็หันปากกระบอกปืนมายิงใส่ตน กระสุนเข้าที่แขนซ้าย จากนั้นก็ยิงใส่สามี 1 นัด กระสุนเข้าที่หน้าอก ก่อนวิ่งหลบหนีไป แต่ยังไม่ทันวิ่งพ้นบริเวณบ้าน สามีซึ่งยังมีสติก็ดึงปืนจากมือตนไปยิงใส่ 2 นัด ทำให้คนร้ายล้มฟุบลงที่ประตูหน้าบ้าน ส่วนสามีก็หมดสติ ตนจึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร ให้ช่วยแจ้งตำรวจ
พ.ต.ท.ณัฐศิษฏ์ กล่าวว่า สามีภรรยาคู่นี้ถือเป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวมาก กล้าต่อสู้กับคนร้ายที่มาปล้นจนคนร้ายเสียชีวิต 2 ศพ โดยเฉพาะในรายของ น.ส.ทัศนีย์ นั้นถือเป็นหญิงเหล็กที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"หากเจ้าทรัพย์มีจิตใจกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเช่นกรณีนี้ ผมคาดว่าโจรผู้ร้ายก็คงรู้สึกขยาดหวาดกลัวเช่นกัน" .ต.ท.ณัฐศิษฏ์ กล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสัมภาษณ์ น.ส.ทัศนีย์ ที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด โรงพยาบาลทุ่งสง ซึ่ง น.ส.ทัศนีย์ เล่าว่า สามีเพิ่งซื้อปืนกระบอกดังกล่าวมาในราคา 47,000 บาทเมื่อ 2 ปีก่อน เอาไว้ป้องกันตัวหลังเลิกทำนากุ้งกุลาดำ ที่ อ.หัวไทร กลับมาอยู่บ้านเพื่อทำสวนยางพารา
น.ส.ทัศนีย์ เล่าอีกว่า เหตุเกิดขณะที่ตนกำลังชงนมให้บุตรสาว คือ ด.ญ.วรากมล หรือน้องเฟิรส์ อายุ 1 ขวบ 2 เดือน และหลังจากต่อสู้กับคนร้าย ก็ทราบจากตำรวจว่าคนร้ายทั้งสองเสียชีวิตแล้ว โดยคนแรกถูกตนยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ เสียชีวิตคาที่ และดีใจที่คนร้ายตาย เพราะไม่เช่นนั้นตนก็กลัวว่าจะกลับมาล้างแค้น
"ที่ตัดสินใจยิงคนร้าย เพราะคิดว่าถึงยังไงคนร้ายต้องต้องทำร้ายครอบครัวฉันแน่ จึงตัดสินใจยิงในช่วงจังหวะที่สามีหมอบลงกับพื้น และไม่นึกว่าจะยิงเข้าจุดสำคัญจนทำให้คนร้ายเสียชีวิตทันที" คุณแม่ใจเด็ด กล่าว
พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เมื่อได้รับรายงานจาก ผกก.สภ.อ.ทุ่งใหญ่ ก็เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมกับกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาพยานหลักฐานและสืบสวนสอบสวนหาแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับคนพื้นที่ใดบ้าง และทราบว่าหนึ่งในคนร้ายมีคดีความอยู่ในชั้นศาล
"คนร้ายกลุ่มนี้ทราบว่ามีเครือข่ายนับสิบคน มีการเตรียมการในการเข้าปล้นเป็นอย่างดี โดยการใส่ถุงมือเพื่อลบร่องรอยเมื่อเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าไปตรวจสอบภายหลัง ก็จะไม่มีหลักฐานเอาผิดได้" ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าว
พล.ต.ต.สุดใจ กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีพยานเห็นว่ามีรถกระบะไม่ทราบสีและยี่ห้อ ขับเข้ามาจอดห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร และเมื่อได้ยินเสียงปืน คนขับรถกระบะก็ขับรถเลี้ยวมาดู เนื่องจากคิดว่าพรรคพวกทำงานสำเร็จจึงมารับ แต่เมื่อเห็นชาวบ้านหลายคนมาดูที่บ้านเกิดเหตุก็รีบขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
"ตำรวจจะรีบสอบสวนในเบื้องต้น และให้ความเป็นธรรมกับสองสามีภรรยา ซึ่งจากหลักฐานต่างๆ ก็น่าจะเป็นการป้องกันตัวมากกว่าอย่างอื่น และจะได้ทำประกาศเกียรติคุณและมอบโล่ให้สองสามีภรรยาที่สามารถช่วยเหลือทางราชการได้อีกทางหนึ่ง การมีอาวุธปืนถ้าใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะเป็นสิ่งที่ดี เช่นครอบครัวของนายทวีป แต่ถ้านำอาวุธไปใช้ในสิ่งไม่ดีไม่ควรก็จะเป็นภัยแก่ตนเอง" ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าว
สำหรับที่มาของข่าวครับ
http://www.komchadluek.com/