นักแฉมือถือลวงโลกเจอดี ถูกพ่อค้า-แม่ค้ารุมกระทืบ
นักแฉมือถือลวงโลกเจอดี ถูกพ่อค้าแม่ค้าขายโทรศัพท์มือถือบริเวณชั้น 4 ห้างสรรพสินค้ามาบุญครองกว่า 30 คนรุมกระทืบจนได้รับบาดเจ็บ วิ่งโร่แจ้งความตำรวจ สน.ปทุมวัน หลังจากไปร่วมสัมมนาหัวข้อเรื่อง "แฉด้านมืดวงการมือถือ รู้ทันสารพัดคนโกง" ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนหมดเปลือก ตำรวจขอกล้องทีวีวงจรปิดของห้างมาดู ตามหาตัวคนทำร้ายมาดำเนินดคี
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 13 กันยายน นายชัยวัฒน์ ฉันทสกุลเดช อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปกร บ้านอยู่เขตธนบุรี ที่ปรึกษาของเวปไซต์
www.x-raymobile.com เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ต.ธเนศ กลิ่นศรีสุข ร้อยเวร สน.ปทุมวันว่า ถูกกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขายโทรศัพท์มือถือบริเวณชั้น 4 ห้างสรรพสินค้ามาบุญครองกว่า 30 คนรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ
นายชัยวัฒน์ ให้การว่า สาเหตุคงเกิดจากตนได้เขียนหนังสือชื่อว่า "แฉด้านมืดวงการมือถือ" นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาของอีกหลายเวปไซด์เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ และได้ไปร่วมงานสัมมนาเรื่องเอ๊กซเรย์โมบายช๊อฟ ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน หัวข้อเรื่อง "แฉด้านมืดวงการมือถือ รู้ทันสารพัดคนโกง" จัดโดยศูนย์เอไอเอส ฟิวเจอร์เวิลด์ เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา
"วันนั้นผมได้เปิดเผยถึงข้อมูลที่รับทราบมาจากลูกค้าที่ประสบปัญหาจริงแล้ว นำเหตุการณ์มาเล่าต่อในเวบไซต์ และเหตุกาณ์ที่พบเกี่ยวกับกลโกงของร้านมือถือ อาทิ การนำเอาเครื่องเก่ามาสวมรอยให้เป็นเครื่องใหม่ และมีการแกะกล่องโทรศัพท์มือถือใหม่ที่รับมาจากศูนย์จริง แล้วนำเอาเครื่องใหม่ออกแยกอุปกรณ์ขาย" นายชัยวัฒน์ กล่าวและว่า
ช่วงบ่ายวันนี้ (13ก.ย.) ตนมีนัดสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและชีวิตส่วนตัวเพื่อลงนิตยสาร โดยนัดสัมภาษณ์ที่ห้างสรรพสินค้าโตคิว ซึ่งเป็นห้างที่เชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็ได้เดินออกจากชั้น 4 ห้างโตคิว เพื่อมาหาเพื่อนที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือในห้างมาบุญครอง
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ระหว่างที่เดินออกมาช่วงทางเชื่อมก็พบว่ามีพ่อค้าร้านหนึ่งหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขียนสกูปแฉเรื่องวกลโกงมือถือตามข้อมูลพูดที่สยามพารากอน เอามาชี้ให้ตนดูพูดว่าพูดแบบนี้ต้องการอะไร จากนั้นกระชากตนตบและกระทืบ จากนั้นได้มีพรรคพวกร่วมกระทืบกว่า 20 คน แต่ รปภ.ของห้างก็รีบเข้าห้ามปราบ ก่อนแยกย้าย ทำให้ตนฟกช้ำสมองซีกซ้ายเจ็บชา แขนมีร้อยแผลถลอก เจ็บที่ปาก
"ผมจึงได้แจ้งไปทางผู้เกี่ยวของศูนย์เอไอเอสว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่ไปบรรยาก็ไม่เปิดเผยว่าห้างต้นเหตุเป็นแหล่งกลโกงที่ไหน และไม่แน่ใจว่าหนังสือฉบับนั้นไปเขียนอย่างไร อย่างไรก็ตามทางศูนย์เอไอเอส จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แม้นว่าผมไม่ได้จบด้านนี้โดยตรง แต่ไม่ต้องให้มีการหากินด้วยการเอาเปรียบบุคคลอื่น" นายชัยวัฒน์ กล่าว
ร.ต.ต.ธเนศ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานขอกล้องทีวีวงจรปิดของห้างมาดูว่ามีใครร่วมทำร้ายร่างกายนายชัยวัฒน์ บ้าง จากนั้นก็จะออกหมายเรียกมาสอบปากคำพร้อมดำเนินดคีต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายชัยวัฒน์ ได้กล่าวในการสัมมนาที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน หัวข้อเรื่อง "แฉด้านมืดวงการมือถือ รู้ทันสารพัดคนโกง" ว่า ลำพังแค่ได้แกะห่อพลาสติกด้วยมือตัวเองก็อย่าคิดว่าได้มือถือ "ซิงๆ" มาใช้ เพราะเล่ห์กลของพ่อค้ามือถือตามศูนย์การค้า หรือแหล่งขายต่างๆ สามารถเนรมิตให้มือถือมือสองกลายเป็นมือใหม่ได้ไม่ยาก
"ถ้าต้องการกล่องที่ห่อพลาสติกเรียบร้อย ผมก็ทำให้ได้ แค่ 20 บาทเอง" จอมกระชากหน้ากากจากเวบไซต์ดังกล่าวเรียกน้ำย่อยผู้ฟังการแฉกลโกงของพ่อค้าที่จัดโดยศูนย์เอไอเอส ฟิวเจอร์เวิลด์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผลพ่วงจากการปลดล็อก "อีมี่" (EMIE) เมื่อปี 2543 ถือเป็นปีปลดแอกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเป็นเจ้าของมือถือสักเครื่องจากการผูกขาดโดยผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ก็เป็นการปล่อยผีให้เกิดธุรกิจ "หิ้ว" และ "ย้อมแมว" ของบรรดาร้านขายโทรศัพท์ตู้กระจกที่ผุดขึ้นทั่วประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปเช่นกัน
จะว่าไปแล้ว ร้านค้ามือถือนอกศูนย์เกิดขึ้นพร้อมกับธุรกิจให้บริการมือถือของค่ายต่างๆ โดยร้านเหล่านี้มีโปรแกรมสำหรับปลดล็อกอีมี่ให้เป็นอีมี่กลาง และบางครั้งเมื่อลูกค้าต้องการเปลี่ยนค่าย หรือได้เครื่องมาจากแหล่งมือถือสักแหล่งหนึ่งโดยถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ร้านค้าเหล่านี้จะรับปลดล็อกอีมี่ให้ในราคาเริ่มตั้งแต่ 500 บาท และลดลงมาเรื่อยท่ามกลางภาวะการแข่งขัน
หลังจากปลดล็อกอีมี่แล้ว ใครก็ซื้อโทรศัพท์มือถือจากที่ไหนก็ได้ ใครก็นำเข้ามาได้ จนเกิดตลาดมืดตลาดสว่างขึ้น รูปแบบการทำธุรกิจเปลี่ยนไปแทนที่ผู้ใช้ที่มีปัญหาวิ่งกลับไปที่ศูนย์ก็เริ่มน้อยลง แต่จะวิ่งกลับไปที่ร้านค้า ถ้าเจอร้านที่ซื่อสัตย์ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าเจอบางร้านที่ไม่รับผิดชอบก็ถือว่าเป็นเคราะห์
นายชัยวัฒน์ หรือคุกกี้ ซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นกันในเวบไซต์เอกซ์เรย์โมบายเล่าให้ฟังว่า ร้านค้าที่เปิดขายในห้างนั้นเปลี่ยนมือกันบ่อยมาก บางครั้งก็เปลี่ยนชื่อ เมื่อถูกแฉผ่านเวบ บางคนซื้อไปแล้วเจอปัญหาเครื่องติดๆ ดับๆ อีกวันเอามาที่ร้านเดิม แต่คนขายกลับตีหน้าซื่อบอกว่าไม่รู้จัก หรือไม่เคยขายรุ่นนี้
"แผนที่ในห้างเปลี่ยนได้ตลอด ร้านค้าที่เคยซื้อเดิมมาอีกวันอาจไม่อยู่แล้ว คนขายเปลี่ยนหน้าไปแล้ว คุณจะบอกกับเขาว่า 'พี่ครับผมซื้อมือถือจากพ่อค้าคนหนึ่งที่ร้าน รูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้' เขาไม่มีทางยอมรับหรอก หรือบางครั้งพ่อค้าที่อยู่ร้านนี้เปลี่ยนไปอยู่ร้านอื่นแล้ว
ก่อนที่คุกกี้จะเข้ามาเป็นสื่อกลางเผยกลโกงของร้านค้ามือถือมือสอง เขาเองเคยมีประสบการณ์โดนโกงกับตัวเอง "ผมซื้อมือถือมาเครื่องหนึ่ง ซึ่งพบว่าเมโมรี่สติกใช้งานไม่ได้ รุ่งขึ้นผมกลับไปที่ร้านเดิม คนขายบอกหน้าตาเฉยว่า ไม่รู้จัก คุณไม่ได้ซื้อเครื่องผม ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น แล้วเขาก็บอกว่า เขาซ่อมให้ได้ คุณจะรอไหม มีงานรอแก้อีมี่ให้เพื่อนอีก 400 เครื่อง เป็นคุณจะรอไหม" เขาย้อนถาม
พ่อค้าบางรายมีร้านอยู่หลายร้าน ตอนเช้าอยู่ร้านหนึ่ง ตกบ่ายไปอยู่อีกร้านหนึ่งที่เป็นเครือญาติกัน หรือพอมีปัญหาถูกแฉผ่านเวบ เช้ามาเขาก็เปลี่ยนป้าย มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร หรือโป้ยไปว่าวันนั้นเพื่อนมาช่วยขายแค่วันเดียว การจะเอาผิดกับร้านพวกนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก
"บางร้านให้นามบัตรไว้เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ แต่นามบัตรสั่งพิมพ์สักกี่ใบก็ได้ ราคา 100 ใบ 300 บาท ใช้หมด โยนทิ้งเปลี่ยนนามบัตรใหม่ เปลี่ยนชื่อใหม่ จากแน็ต เป็นแน็ตตี้ ชื่อจริงคุณรู้ไหม บ้านที่อยู่คุณรู้ไหม ก็ไม่รู้ รับประกันด้วยลมปาก ผมบอกได้เลยว่าไม่เหมือนรับประกันด้วยศูนย์" นายชัยวัฒน์ กล่าวและว่า
ถึงแม้เครื่องนอกกับเครื่องศูนย์โดยคุณสมบัติทั้งหลายจะเหมือนกัน แต่ราคาเครื่องนอกถูกกว่าเครื่องศูนย์หลายพันบาทก็มี แต่สิ่งที่เครื่องนอกไม่มีคือ การรับประกัน
อีกสิ่งหนึ่งที่เขาอยากให้สังเกตคือ ใบเสร็จรับเงิน ร้านค้าเหล่านี้จะไม่มีใบเสร็จแสดงหลักฐานการซื้อขาย แม้แต่มาตรการที่รัฐออกมาบังคับให้ร้านที่รับซื้อสินค้ามือสองต้องลงทะเบียน และขอเอกสารประกอบการซื้อขายสินค้าเพื่อป้องกันเครื่องขโมย หรือถ้าซื้อเครื่องมือหนึ่ง ผู้ค้าต้องขอรายละเอียดของลูกค้า แต่ในทางปฏิบัติแล้วร้านค้าตู้กระจกเหล่านี้ไม่นำมาปฏิบัติ
เขาเล่าว่า ภาวะการแข่งขันที่เกิดขึ้นทำให้กำไรต่อเครื่องลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางห้างที่มีร้านค้าอยู่หลายร้อยราย การแข่งขันด้วยการตัดราคาจึงเป็นเรื่องปกติ ขณะที่ค่าเช่าร้านราคาสูงทำให้ผู้ค้าต้องหาทางเพิ่มส่วนต่างกำไรให้มากขึ้น และลูกค้าสามารถหาความรู้และตรวจสอบราคาก่อนตัดสินใจซื้อได้จากแหล่งต่างๆ โอกาสที่จะตั้งราคาสูงเพื่อให้ได้กำไรมากจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคใช้หาข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือใช้สักเครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โทรศัพท์มือถือบางรุ่นที่เป็นสมาร์ทโฟนราคาถูกกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คไม่กี่พัน ปัจจุบัน เวบไซต์ด้านโทรศัพท์มือถืออยู่หลายแห่งที่ให้ข้อมูลแก่ผู้ซื้อ ทั้งในแง่ของการแนะนำเครื่องรุ่นใหม่ๆ และการทดสอบเครื่อง แต่สำหรับเอกซ์เรย์โมบาย ชัยวัฒน์กล่าวว่า มีจุดเด่นต่างจากเวบไซต์อื่นตรงที่ชี้ให้เห็นกลโกงของร้านค้า และวิธีป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคโดนหลอก
"ถ้าหาทางเพิ่มกำไรไม่ได้ วิธีง่ายๆ ที่ผู้ค้าเลือกใช้กันคือ ลดต้นทุนด้วยการ "ชักของ" ออกจากกล่อง เช่นหูฟัง แบตเตอรี่ หน้ากาก ซองหนัง เมโมรีการ์ด เป็นต้น แล้วเอาของเทียมราคาถูกใส่แทน ส่วนของแท้เอาไปขายแยก" คุกกี้ เริ่มคลายความลับของพ่อค้าเจ้าเล่ห์
ยกตัวอย่าง เทคนิคห่อกล่องใหม่ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้ และมักจะคิดว่าถ้าได้แกะพลาสติกออกด้วยมือของตัวเองจะมั่นใจว่าได้เครื่องมือหนึ่ง แต่การห่อกล่องด้วยพลาสติกไม่ใช่เรื่องยาก เหตุผลที่ห่อกล่องใหม่ คือการนำของมือหนึ่ง ขายเป็นมือหนึ่งแต่นำของบางอย่างออกไปเพื่อหากำไร
เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานเตือนถึงการใช้แบตเตอรี่ปลอมซึ่งประกอบไม่ได้มาตรฐานและมีโอกาสระเบิดได้ แต่การซื้อโทรศัพท์มือถือจากร้านตู้บางร้านแม้ตัวเครื่องจะเป็นของแท้ แต่ใช่ว่าแบตเตอรี่จะแท้ไปด้วย ถ้าเคราะห์ร้ายหน่อยแบตเตอรี่ที่ร้อนจัดอาจระเบิดใส่มือเอาได้
"แบตเตอรี่มีหลายระดับ ทั้งของแท้ ของเทียมแต่ไม่ใช่แบตเตอรี่ปลอม ฟังแล้วอาจเข้าใจยาก ของเทียมมีทั้งเกรดเอ เกรดบี และยังมีแท้นอก กับแบตเตอรี่ที่น่าจะแท้แต่สั่งมาจากเมืองนอก จะต่างกับเทียมเกรดเอเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกกันได้ว่าแบตเตอรี่ก้อนไหนของเทียมกับของปลอม"
แหล่งความรู้บางแห่งอาจแนะนำให้สังเกตตัวอักษรบนแบตเตอรี่ ซึ่งของปลอมจะพิมพ์ไม่คมชัดเท่าของแท้ หรือน้ำหนักไม่เท่ากัน แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะแยกแยะได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนทั่วไปที่ชีวิตหนึ่งผ่านโทรศัพท์มือถือมาไม่กี่เครื่อง ลูกค้าทั่วไปไม่มีวันดูออก
"ตัวชาร์จไฟโทรศัพท์ เป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ผู้ซื้อโทรศัพท์มือสองไม่มีวันได้ตัวชาร์จของแท้จากร้านเหล่านี้ ส่วนที่ชาร์จของแท้ผู้ขายจะเอาไปเปลี่ยนใส่กล่องขายร่วมกับโทรศัพท์มือหนึ่งแทน เท่ากับว่า ผู้ซื้อโทรศัพท์มือหนึ่งจะได้ที่ชาร์จของแท้ที่เป็นมือสอง ถ้าคุณซื้อมือสอง คุณจะได้ที่ชาร์จมือหนึ่งแต่เป็นของปลอม" คุกกี้ กล่าว
อุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่ผู้ซื้อควรสอบถามจากร้านค้าให้ดี หรือหาข้อมูลมาให้ละเอียดคือลักษณะของหูฟังที่ใช้กับรุ่นที่กำลังมองหา เนื่องจากหูฟังของโทรศัพท์แต่ละรุ่น และแต่ละล็อตจะไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดจากโทรศัพท์โนเกียทั้งแฟชั่นโฟน และสมาร์ทโฟน
"ถ้าคุณใช้ N72 หูฟังอาจเป็นแบบหนึ่ง N73 อาจจะเปลี่ยนหูฟังแล้ว หูฟังรุ่นนั้นสีดำ รุ่นนี้สีขาว โนเกียเขาเปลี่ยนหูฟังบ่อยมาก N70 เป็นหูฟังสายแข็ง แต่พอมา N73 เป็นหูฟังสายผ้าดูภายนอกอาจจะไม่รู้ แม้แต่ตัวแปลงหูฟังก็เป็นอุปกรณ์ที่พ่อค้าเขาไม่ค่อยให้คุณหรอก เขาจะขายแยกเส้นละ 300 บาท"
โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่เรียกว่าสมาร์ทโฟน บางรุ่นมีความสามารถในการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกด้วย mini SD Card และมักจะมีแถมมาพร้อมกับกล่อง แต่บางครั้งพ่อค้าที่ฉลาด (แกมโกง) จะเปลี่ยนขนาดของหน่วยความจำเช่น ชักเอาหน่วยความจำ 512 MB ออกแล้วเอาขนาด 128 MB ใส่แทนซึ่งราคาถูกกว่า นี่ยังไม่นับเมโมรีปลอมที่ผลิตออกมาปะปนอยู่ในตลาด
หน้ากากเสริม ซอง และเคส เป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ถูกเล่นแร่แปรธาตุให้กับผู้ซื้อ โดยร้านค้าอาจสั่งนำเข้าเครื่องมือหนึ่งจากต่างประเทศ ซึ่งได้มาเฉพาะตัวเครื่อง แต่องค์ประกอบอื่นไม่ได้มีมาด้วย ร้านค้าที่ไม่ซื่อสัตย์บางร้านอาจฉวยโอกาสดึงของออกจากกล่องแท้ แล้วนำไปประกอบร่างใหม่ให้กับเครื่องหิ้ว
ผู้ซื้อบางคนที่สั่งสมความรู้จากเวบไซต์และจากแหล่งข้อมูลต่างๆ จนรู้จุดสังเกตว่าจะต้องพิจารณาจุดไหนบ้างเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกหลอก แต่อย่าลืมว่า พ่อค้าที่เขี้ยวลากดินก็รู้ดีพอกัน และส่วนใหญ่จะรู้มากกว่า และก้าวอยู่ข้างหน้าหนึ่งก้าวเสมอ
"บางคนอาจใช้เทคนิคสังเกตว่า หัวนอตถูกไขมาก่อนหรือไม่โดยดูจากรอยบิดรอยบิ่น แต่พ่อค้าก็สามารถหาวิธีไขนอตให้เบี้ยวน้อยที่สุด หรือไม่เบี้ยวเลย ซึ่งคุณไม่มีทางดูออก แม้แต่หน้ากากที่โฆษณาว่าเป็นรุ่นที่แกะหน้ากากไม่ได้ก็อย่าคิดว่าจะได้เครื่องแท้ ห้างนี้เขาทำได้ เขาเก่ง" เซียนมือถือกล่าวโดยไม่ระบุว่าเป็นห้างไหน
เทคนิคอีกอย่างหนึ่งคือ โปรแกรมภาษาไทย ซึ่งพ่อค้าจะเอาแผ่นโปรแกรมออกแล้วเสนอลงโปรแกรมให้ในราคา 300 บาท ซึ่งผู้ซื้อก็ต้องยอมเพราะถ้าไม่มีภาษาไทยก็จะส่งเอสเอ็มเอสภาษาไทยไม่ได้ หรือท่องเวบไทยไม่ได้
มือถือบางรุ่นมีความสามารถในการท่องอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง Wi-Fi บางศูนย์จะแถมมาให้ในกล่องเพื่อทดลองใช้ ร้านค้าหัวหมอก็แอบดึงออกไปใช้งานเอง "ของแถมในเครื่องเดี๋ยวนี้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเรื่องนี้ต้องตำหนิศูนย์ที่ไม่ค่อยประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าทราบว่ามีหน่วยความจำเสริมแถมให้เท่าไร หูฟังเป็นแบบไหน" ชัยวัฒน์กล่าว
วิธีป้องกันตัวในการซื้อมือถือไม่ให้โดนหลอก เขาแนะนำให้ตรวจสอบด้วยวิธีต่างๆ เช่น กดปุ่มดูชั่วโมงสนทนา การส่งเอสเอ็มเอส เอ็มเอ็มเอส หรือการใช้จีพีอาร์เอส ถ้าเป็นโทรศัพท์ที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน ยอดการสนทนา หรือการใช้จีพีอาร์เอสต้องเป็นศูนย์ หรือถ้าจะถูกใช้บ้างเพื่อการทดสอบต้องมียอดการใช้ที่น้อยมาก มือถือแต่ละรุ่นจะมีคำสั่งในการตรวจสอบต่างกัน
"ในกรณีที่คุณซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต แล้วผู้ขายบอกว่าเพิ่งซื้อมาไม่กี่วัน ถ้าเราเปิดเช็คชั่วโมงการสนทนาเราสามารถรู้ได้ว่า เครื่องนี้ถูกใช้งานมานานแค่ไหนแล้ว จริงอย่างที่ผู้ขายบอกไว้หรือไม่"
ในกรณีที่เป็นโทรศัพท์ที่สามารถถ่ายภาพได้ ผู้ซื้อสามารถเช็คดูภาพได้ว่าเคยถูกใช้ถ่ายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มือถือบางรุ่นผู้ให้บริการจะมีภาพพื้นหลัง หรือสกรีนเซฟเวอร์พิเศษให้ ซึ่งถ้าไม่ใช่เครื่องศูนย์จริงจะไม่มีภาพพิเศษ หรือแม้แต่ริงโทนเสียงพิเศษก็เช่นกัน ซึ่งผู้ซื้อต้องรู้จักหาข้อมูลจากเวบบอร์ด
ผู้ใช้สามารถกดรหัสเพื่อดูเลขอีมี่ซึ่งเป็นรหัสเฉพาะเครื่องที่ถูกจ่ายให้ไม่เหมือนกันในแต่ละเครื่อง เปรียบเสมือนกับบัตรประชาชนที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ตัวเลขดังกล่าวสามารถนำมาตรวจกับเลขอีมี่ที่อยู่ข้างกล่อง หรือสติกเกอร์หลังแบตเตอรี่เพื่อเทียบว่าตรงกันหรือไม่
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้สายตาประเมินดูคร่าวๆ ได้อย่างเช่นแบตเตอรี่ที่ไม่ผ่านการใช้งาน ที่ขั้วสัมผัสจะต้องไม่มีรอยกดหรือสีที่แสดงว่าถูกประกอบเพื่อใช้งานกับโทรศัพท์มาแล้ว เช่นเดียวกับตัวเครื่องที่ยังไม่เคยผ่านมือชายหรือมือสาวตัวเครื่องและบอดี้ควรจะแน่นหนา
โชคไม่ดี เทคนิคทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้น หรือที่สามารถอ่านพบได้ตามเวบไซต์ หรือหนังสือเคยให้เคล็ดลับไว้ใช้ไม่ได้สักอย่างกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์ ซึ่งรู้เท่าทันผู้ซื้อทุกอย่าง และติดตามการเคลื่อนไหวพร้อมหาเทคนิคป้องกันไว้อย่างเหนือชั้น มีโปรแกรมที่สามารถตั้งค่าการใช้งานทั้งหมดให้เป็นศูนย์ได้ มีแม้กระทั้ง firmware ล่าสุดที่ปกติจะมีใช้กันเฉพาะในศูนย์ซ่อมเท่านั้น
นายชัยวัฒน์บอกว่า วิธีป้องกันถูกหลอกที่ดีที่สุดคือ การซื้อเครื่องจากศูนย์เท่านั้น "ถ้าซื้อเครื่องจากศูนย์แล้วยังไว้ใจไม่ได้ ผมว่าคุณเลิกใช้มือถือไปเลยดีกว่า"
ที่มา :
http://www.komchadluek.net/2006/09/14/a001_47096.php?news_id=47096 เห้อ...อ่านแล้วเศร้าใจจริงๆ
