ไม่แน่...ยังไม่เคลียร์..

ท่านเรียกมันว่าอะไร...ผมเรียกมันว่าซ้ำเติม...เหยียบได้ก็ตอนนี้แหละ...เพราะมันกลัวแพ้เรา

ประธานอียูวิตก-ลุงแซมสั่งจับตา สถาบันจัดอันดับขู่ลดเครดิตไทย
ทำเนียบขาวจับตาสถานการณ์ไทยอย่างใกล้ชิด ประธานอียูแสดงความวิตก S&P-ฟิทช์ ขู่ลดอันดับเครดิต "ฟิทช์" ชี้ไทยยังมีสภาพคล่องภายนอกแข็งแกร่งเพียงพอรับมือ"ภาวะช็อคที่เกิดขึ้น" ส่งผลดาวโจนส์ปิดร่วง 14.90 จุด

(20ก.ย.) หลังจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ประกาศยึดอำนาจ นำโดยพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีความเห็นจากบุคคลและองค์กรต่างประเทศ

ทำเนียบขาวจับตาอย่างใกล้ชิด

นายเฟรเดริก โจนส์ โฆษกสภาความมั่นคงของทำเนียบขาว แถลงว่า สหรัฐอเมริกากำลังติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมขอให้ประชาชนชาวไทย แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยหลักประชาธิปไตย

ประธานอียูแสดงความวิตก

โฆษกของ นายกรัฐมนตรีแมตติ แวนฮาเนน แห่งฟินแลนด์ ซึ่งเป็นประธานสหภาพยุโรป หรืออียู ในวาระปัจจุบัน ระบุว่า ประธานอียูแสดงความวิตกเป็นอย่างยิ่ง ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย และว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่สถาบันทางประชาธิปไตย ดูเหมือนถูกยึดครองโดยกำลังทหาร พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็น ในการหันกลับไปสู่วิถีทางประชาธิปไตยโดยไม่ช้า

ส่งผลดาวโจนส์ปิดร่วง 14.90 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดร่วงลง 14.09 จุด หรือ 0.12 % ปิดที่ 11,540.91 จุด เนื่องจากนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก เฝ้าจับตาดูสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ในไทย เคยมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อในอดีต โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย ที่เริ่มต้นขึ้นจากการลอยตัวค่าเงินบาท และต่อมาลุกลามกลายเป็นวิกฤตการณ์ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก

ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 2.87 จุด หรือ 0.22 % ปิดที่ 1,318.31 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 13.38 จุด หรือ 0.60 % ปิดที่ 2,222.37

ฟิทช์-S&Pขู่ลดอันดับเครดิตไทย

ฟิทช์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ประกาศเครดิตพินิจสำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยโดยมีแนวโน้มถูกปรับลดอันดับ

ทั้งนี้ ฟิทช์ให้อันดับเครดิตด้านการออกตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศของไทยอยู่ที่ 'BBB+' ขณะที่อันดับเครดิตด้านการออกตราสารหนี้สกุลเงินบาทอยู่ที่ 'A'ซึ่งฟิทช์ประกาศเครดิตพินิจโดยมีแนวโน้มปรับลดอันดับ

"การดำเนินการของฟิทช์สะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเครดิตระดับประเทศของไทย หลังมีความพยายามก่อรัฐประหารขึ้นในกรุงเทพวันนี้" ฟิทช์ระบุในแถลงการณ์

ฟิทช์ยังเปิดเผยว่า จะยังคงจับตาความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเครดิตพินิจ และตัดสินว่าสมควรมีการปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตหรือไม่

"ฟิทช์"ชี้ไทยมีสภาพคล่องภายนอก

ขณะเดียวกัน ฟิทช์ เรทติ้ง ยังระบุด้วยว่า ไทยมีสภาพคล่องภายนอกที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้ไทยอยู่ในฐานะที่ดีที่สามารถรับมือกับ"ภาวะช็อคใดๆที่อาจเกิดขึ้น

"มีความตึงเครียดในไทยเมื่อไม่นานมานี้ และการก่อรัฐประหารดูเหมือนทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพคล่องภายนอกแล้ว ไทยยังมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพียงพอที่จะรองรับแรงกดดันด้านบัญชีทุน" นายโรเจอร์ เชอร์ นักวิเคราะห์ของฟิทช์ กล่าว

ขณะที่บริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ จำกัด หรือ S&P สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศเครดิตพินิจ สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทย โดยมีแนวโน้มถูกปรับลดอันดับ หลังเกิดการก่อรัฐประหารในประเทศ S&P ให้อันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของไทย อยู่ที่ 'BBB+' ขณะที่อันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาทอยู่ที่ 'A'

ส่วนอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะสั้น สกุลเงินต่างประเทศอยู่ที่ 'A-2' และอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะสั้น

สกุลเงินบาทอยู่ที่ 'A-1' ซึ่ง S&P ประกาศเครดิตพินิจโดยมีแนวโน้มปรับลดอันดับ

นายคิม เอง ตัน นักวิเคราะห์ของ S&P ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าว สะท้อนถึงความเป็นไปได้ ของการเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่องทางการเมืองในไทย ซึ่งเกิดขึ้นจากการก่อรัฐประหาร

ต่างชาติเตือนปชช.เพิ่มความระวัง

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายอเล็กซานเดอร์ ดาวเนอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ในนครนิวยอร์ค เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ระหว่างออสเตรเลียกับไทย ซึ่งเป็นทั้งประเทศคู่ค้าเสรี รวมทั้งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดทั้งทางการเมืองและยุทธศาสตร์

นายดาวเนอร์ให้สัมภาษณ์วิทยุของบรรษัทกระจายเสียงออสเตรเลีย หรือ ABC ว่า ออสเตรเลียรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อความจริงที่ว่า ได้เกิดการก่อรัฐประหารแบบนี้ขึ้น การได้เห็นประชาธิปไตยถูกทำลายด้วยวิธีนี้ ได้สร้างความวิตกเป็นอย่างมากให้กับประเทศของเขา

รัฐบาลออสเตรเลียได้เตือนพลเมืองของตนไม่ให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทย และเตือนผู้ที่เยือนไทยอยู่แล้วให้ใช้ความระวัดระวังตัวอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ที่ได้เตือนพลเมืองของตนที่อยู่ในไทยให้ใช้ความระมัดระวังเช่นเดียวกัน

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ไม่แน่...ยังไม่เคลียร์.. (อ่าน 2405 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้