เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 07, 2025, 11:10:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: TANK ตำนาน"รถบรรทุกน้ำ"สมัยสงครามโลก  (อ่าน 2241 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pimdown
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 22
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 800



« เมื่อ: กันยายน 30, 2006, 09:15:40 AM »

TANK ตำนาน"รถบรรทุกน้ำ"สมัยสงครามโลก

รถถัง คือยานพาหนะสำหรับต่อสู้ที่เน้นทำลายศัตรูภาคพื้นดิน รถถังรุ่นใหม่จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน เช่น กำลังการยิง ระยะยิง การเคลื่อนตัวภาคพื้นดิน และความแข็งแกร่ง
คุณสมบัติของรถถังสามารถเคลื่อนตัวได้ในพื้นที่สูงต่ำอย่างในสนามรบได้อย่างรวดเร็ว รถถังจึงเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่นับว่าอันตราย และน่าเกรงขามที่สุดในสนามรบ ทั้งนี้ เพราะรถถังมีระยะการโจมตีที่กว้าง และมีความทนทานสูง

อย่างไรก็ตาม รถถังมักจะมีจุดอ่อนเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีทางอากาศ และกับระเบิด รวมทั้งโดนการรุมโจมตีโดยทหารราบ ปกติการโจมตีของรถถังจะเป็นรวมตัวโจมตีกันเป็นกลุ่มกับหน่วยรบอื่น โดยร่วมกันระหว่างการโจมตีทางอากาศกับทหารราบ

ส่วนคำว่า "รถถัง" (tank) เป็นชื่อพรางเพื่อให้ข้าศึกที่ดักฟังข่าวเข้าใจว่า เป็นรถบรรทุกน้ำธรรมดา และได้กลายมาเป็นชื่อเรียกยานรบชนิดนี้มาจนถึงปัจจุบัน

ชื่อของ "รถถัง" หรือ "แท็งก์" ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1

ครั้งนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรประสบปัญหาการเคลื่อนกำลังพลผ่านแนวต้านของข้าศึก ที่มีทั้งสนามเพลาะ ปืนกลหนัก-เบา ลวดหนามและสิ่งกีดขวางต่างๆ อังกฤษจึงนำรถแทร็กเตอร์ช่วยกรุยทางนำหน้าทหารราบเวลาเข้าตีข้าศึก ซึ่งรถแทรกเตอร์ก็ทำหน้าที่กรุยทางได้ดี แต่ก็มีปัญหาตรงที่รถแทร็กเตอร์ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการรบ จึงมักถูกยิง ถูกทำลายลงเป็นจำนวนมาก

พันตรีเออร์เนสต์ สวินตัน ในกองทัพสหราชอาณาจักรได้ความคิดมาจากรถหุ้มเกราะของโรลสรอยซ์ที่กองทัพอากาศใช้อยู่ในปี ค.ศ.1914 และโดยการสนับสนุนของวินสตัน เชอร์ชิลล์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในยุคนั้น จึงมีการพัฒนาอาวุธชนิดใหม่ขึ้น

รถถังรุ่นแรกสุด มีชื่อเล่นว่า "ลิตเติ้ล วิลลี่" โดยนำแผ่นเหล็กหนามาทำเป็นเกราะหุ้มรถแทร็กเตอร์ และติดปืนกลเข้าไปพร้อมกับเจาะช่องให้ทหารที่อยู่ในรถแทร็กเตอร์สอดปลายปืนเล็กยาวเพื่อยิงต่อสู้จากภายในรถได้ ผ่านการทดสอบการใช้งานในกองทัพอังกฤษในวันที่ 6 กันยายน ค.ศ.1915

ส่วนรถถังคันแรกที่ได้ปฏิบัติการทางการทหารจริงๆ คือ "มาร์ค วัน" ในยุทธภูมิแห่งซอมม์ การสงครามครั้งที่ใหญ่ที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1916 โดยฝ่ายพันธมิตรพยายามบุกเยอรมนีผ่านทางแนวแม่น้ำซอมม์ทางด้านเหนือของประเทศฝรั่งเศส ทำให้มีผู้บาดเจ็บถึงกว่าล้านคน

อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่าเหตุที่เรียกขานรถถังว่า "แท็งก์" (tank) ซึ่งเป็นคำคำเดียวกับที่เรียก "รถบรรทุกน้ำ" ก็เพื่อลวงข้าศึก

ที่สุดคำว่า แท็งก์ เลยกลายเป็นชื่อเรียกรถปฏิบัติการในการสงครามชนิดนี้จนถึงปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 30, 2006, 10:33:21 AM »

Tank กิ้ว  Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 30, 2006, 10:47:54 AM »

ขอบคุณครับ...สงสัยมานานเหมือนกัน...ว่าทำไม..ต้องเรียก TANK แล้วมาเป็นไทย..ก็เรียก รถถัง..  แต่ฟังชื่อก็น่ากลัวดี...ทำให้เกิดศัพย์ ใหม่ ๆ หรือคำเปรียบเปรย สำนวนไทย ๆ เช่น  หุ่นอย่างกับรถถัง...แสดงถึงว่า บุคคลิกคน ๆ นั้น กำยำ แข็งแรงมาก ๆ เช่นกับรถถัง...
บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 30, 2006, 10:56:35 AM »

British Mark 1 Tank


บันทึกการเข้า
xiehua dun
เรารักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6209


ปัจจุบันวัดความดีของคนที่ กม.


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 30, 2006, 12:11:44 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า


เพราะฉันจะไป ด้วยหัวใจดวงนี้ สองขาที่มีจะปีนสู่ภูผา
เพราะฉันจะไป ให้เห็นความสุขแท้มันด้วยตา
เมื่อได้มองลงมาเห็นโลกในมุมอีกมุม     มันคงช่างงดงาม
C.J. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 314
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5383


ขอ...นัดเดียว


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 30, 2006, 01:04:22 PM »

http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9490000121790

หลังจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. เข้ามาจัดการปัญหาความวุ่นวายภายในบ้านเมือง พร้อมประกาศถึงจุดยืนที่ชัดเจนในการเข้ามาบริหารจัดการประเทศ ซึ่งใครจะมองการกระทำครั้งนี้อย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่ที่แน่ๆ คือภาพลักษณ์ของทหารในสายตาประชาชนดูดีขึ้นมาก รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้หลายๆ คนว่าประเทศชาติที่บอบช้ำมาหนักกำลังจะได้รับการเยียวยาเสียที
       
       เมื่อผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองกำลังตื่นเต้นกับทหาร และรถถังที่กระจายไปตามสถานที่สำคัญเพื่อควบคุมสถานการณ์ บ้างก็เข้าไปขอถ่ายรูปจนกลายเป็นภาพชินตา ดังนั้น เราน่าจะมาทำความรู้จักกับพาหนะที่กำลังเป็นพระเอกของชาติยามนี้กันหน่อย โดยเราพบบทความดีๆ จากเว็บไซต์พันทิป โดยคุณ Skyman มาโพสข้อมูลเอาไว้ จึงขออนุญาตนำมาบอกต่อๆ กัน

 
 
รถถัง M41
 
 
       คุณ Skyman บอกว่า รุ่นแรก คุณปู่ “M41” นี้อยู่คู่กับกองทัพบกไทยมาเกือบ 50 ปี สร้างชื่อในสงครามเกาหลี M41 ได้รับการจัดหาจากกองทัพบกไทยจำนวนรวม 200 คนในช่วงสงครามเย็นที่เรามีปัญหากับเวียดนามครับ เนื่องจากมันมีขนาดที่เล็กพอดี แต่มีประสิทธิภาพในการรบที่สูง M41 ติดปืนใหญ่รถถังขนาด 76 mm. ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีอีกบางประเทศที่ประจำการด้วย M41 อยู่นะครับ แต่ส่วนใหญ่ได้รับการ upgrade ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ติดเกราะหนาขึ้น แต่ข้อเสียของ M41 ก็คือมันเป็นเครื่องยนต์เบนซินครับ กินน้ำมันมากและเสียงดังมากครับ
       
       ทั้งนี้ M41 มีบทบาทกับการเมืองไทยและสงครามในไทยมาโดยตลอด
       
       M41 นั้นผลิตจากสหรัฐอเมริกาในช้วงปี 1950 มีขนาดความยาว 8.2 เมตร กว้าง 3.2 เมตร สูง 2.71 เมตร และหนัก 23.5 ตัน เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ กำลังสุงสุด 500 แรงม้า ช่วงล่าง ทอร์ชั่น บาร์ ความเร็วสูงสุดบนถนน 72 กม./ชม. ขับเคลื่อนได้ระยะทางไกลสุดต่อน้ำมันเต็มถัง 161 กม.

 
 
M48A5
 
 
       M48A5 (ประจำการ พ.ศ. 2522)
       
       หลังจากเราจัดหา M41 มาได้ซักพัก และหลังจากจัดหา Scorpion ได้ปีเดียว กองทัพบกก็จัดซื้อ “M48A5” เข้าประจำการครับ M48A5 มีความแม่นยำสูง โดยมีอัตราการยิงถูกในนัดแรกสูงที่สุดในสมัยนั้น M48A5 ติดปืนใหญ่ขนาด 105 mm. เกราะหนาสุงสุดที่ด้านหน้า 120 mm. ทบ.ไทยมีประจำการ 105 คันครับ
       
       M48A5 นั้นผลิตโดยสหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1970 เป็นรุ่นที่ได้รับการอัพเกรดมาจากรุ่น M48s ซึ่งเริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1952-1959 ซึ่งสืบสายพันธ์มาจากรุ่น M46 และ M47 มีขนาดความยาว 6.4 เมตร กว้าง 3.6 เมตร สูง 3.1 เมตร และหนัก 48 ตัน มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 12 สูบ และดีเซล 12 สูบ 690 แรงม้า ช่วงล่าง ทอร์ชั่น บาร์ ความเร็วสูงสุดบนถนน 48 กม./ชม. ขับเคลื่อนได้ระยะทางไกลสุดต่อน้ำมันเต็มถัง 415 กม.

 
 
Commando Stingray 
 
 
       Commando Stingray (ประจำการ พ.ศ. 2532)
       
       เราคงจะไปหา “Stingray” ที่ประเทศอื่นไม่ได้ เพราะรถถังชนิดนี้มีประจำการที่ประเทศเราประเทศเดียว (แม้แต่อเมริกาผู้ผลิตก็ไม่ได้ประจำการ) เพราะบริษัทผู้ผลิตประสบความสำเร็จในการขายให้เราแค่ประเทศเดียว 100 กว่าคันนิดๆ
       Stingray ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 105 mm. พร้อมด้วยระบบเล็งเป้าด้วยเลเซอร์ ระบบ stabilizer และอีกหลายอย่าง วิธีสังเกต Stingray ได้ง่ายๆ ก็คือดูตรงป้อมปืนที่เป็นเอกลักษณ์ของมันนั่นแหละครับ

 
 
M60A1/A3 TTS 
 
 
       M60A1/A3 TTS (A1 ประจำการ พ.ศ. 2534 ,A3 ประจำการ พ.ศ. 2539)
       
       เท่าที่ดูข่าวยังไม่เห็น “M60” ในกรุงเทพฯ ครับ คาดว่าอาจจะอยู่ที่อื่น
       M60 ที่เราจัดหาเป็นมือสองจากสหรัฐฯ ครับ ผู้รู้หลายท่านทั้งในและต่างประเทศให้ความเห็นว่า M60 เหมาะสมที่สุดในภูมิประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ดินค่อนข้างอ่อน ถ้าเรารถถังหนักๆ และมีแรงกดต่อพื้นที่มากๆ มีหวังติดหล่ม ทำให้ขาดความคล่องตัวไปเยอะครับ
       
       M60 ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 105 mm. โดย M60A3 จะพิเศษกว่าตัว A1 ก็ตรงที่มันมี Tank thermal Sights ฉะนั้น บางทีเราก็เรียก A3 ของเราว่า TTS เช่นกัน TTS ซึ่งเป็นระบบสร้างภาพจากความร้อนครับไทยมีประจำการรวมๆ กันแล้วประมาณ 178 คันครับ
       
       M60 นั้นเป็นรถถังที่พัฒนาโดยใช้พื้นฐานจากรุ่น M48 ในช่วงปี 1959 ใหม่หมด ทั้งเครื่องยนต์และยุทโธปกรณ์ มีขนาดความยาว 6.9 เมตร กว้าง 3.6 เมตร สูง 3.3 เมตร หนัก 52 ตัน เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบชาร์จเจอร์ 12 สูบ ให้กำลังสูงสุด 750 แรงม้า ช่วงล่าง ทอร์ชั่น บาร์ ความเร็วสูงสุดบนถนน 48 กม./ชม. ขับเคลื่อนได้ระยะทางไกลสุดต่อน้ำมันเต็มถัง 450 กม.
       

 
 
FV 101 CVR(T) Scorpion 
 
 
       นอกจากนี้ยังมีรุ่นอื่นที่ยังไม่เห็นก็คือ
       
       FV 101 CVR(T) Scorpion (ประจำการ พ.ศ. 2521)
       
       “Scorpion” เป็นรถถังอังกฤษครับ ตอนจัดซื้อก็ถูกวิจารณ์อย่างมากว่าจะเข้ากับระบบเราที่เป็นอเมริกันได้หรือเปล่า แต่ไปๆ มาๆ Scorpion ก็มีส่วนร่วมในหลายๆ สมรภูมิทำเอาข้าศึกเละตุ้มเปะมาแล้ว Scorpion ติดปืนขนาด ที่ดูรูปร่างแล้วตลกๆ (แต่คนโดนยิงตลกไม่ออก) ที่จริงเค้าจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของรถประเภท “รถรบลาดตระเวนสายพาน” หรือ Combat Vehicle Reconnaissance (Tracked): (CVR(T)) Scorpion ติดปืนขนาด 76 mm. ครับ ไทยมีประจำการประมาณ 150 คัน

 
 
Type-69 II 
 
 
       Type-69 II (ประจำการ พ.ศ. 2530)
       
       Type-69 II นั้นเราจัดหาจากจีนในช่วงที่ภัยคุกคามจากเวียดนามพุ่งสูงครับ ช่วงนั้นเราเปิดสัมพันธทางการฑูตกับจีน และขอให้หยุดสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (เวียดนามตอนนั้นเป็นสายโซเวียต) ประกอบกับเราต้องการจัดซื้อรถถังอย่างเร่งด่วนที่สุด เราจึงขอซื้อรถถัง Type-69 II มาจากจีน จีนก็ขายให้ราคาถูกแสนถูก (ประมาณ 5% - 10% ของราคาจริง) แต่เป็นรถถังที่เคยประจำการในจีนมาบ้างแล้ว ซึ่งการที่เราได้รับสุดยอดรถถังในกองทัพปลดปล่อยในขณะนั้นก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีในการเป็นพันธมิตรระหว่างไทยและจีน

 
 
HUMVEE ติดปืนกล .50 มม.
 
 
       “Type-69 II” เป้นรุ่นปรับปรุงมาจาก Type-69 ธรรมดาครับ (ซึ่งจีนก๊อบมาจาก T-55 ของโซเวียตอีกทีนึง) รุ่น II นี้ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 100 mm. มีระบบ stabilizer ทั้งแนวตั้งและแนวนอนเพื่อรักษาระดับของปืน มีระบบเล็งด้วยเลเซอร์บนตัวปืนอีก สำหรับ Type-69 II ของไทยนั้นติดตั้งปืน 12.7 mm Browning ของสหรัฐฯ แทน 12.7 ของจีนครับ
       
       Type-69 II ทั้ง 100 กว่าคันเคยมีข่าวเวลาที่มืดมนอยู่ช่วงหนึ่งครับ คือวิ่งไม่ได้เลยซักคัน แต่ช่วงหลังประมาณปี 46 -47 (จำปีไม่ได้) ก็มีข่าวว่าจีนก็รับรถถัง (น่าจะ) ส่วนหนึ่งไปซ่อมคืนสภาพให้เองในมูลค่า 10 ล้านเหรียญแบบเราไม่ต้องจ่ายซักกะบาท
       
       Type 69 II นั้นผลิตจากประเทศจีน ในช่วงปี 1982 โดยเป็นรุ่นที่ถอดแบบมาจากรถถังรุ่น T-54/55 ของรัสเซีย มีขนาดความยาว 6.20 เมตร กว้าง 3.25 เมตร สูง 2.80 เมตร หนัก 36.5 ตัน เครื่องยนต์ดีเซล กำลังสูงสุด 580 แรงม้า ช่วงล่าง ทอร์ชั่นบาร์ ความเร็วสูงสุดบนถนน 50 กม./ชม. ขับเคลื่อนได้ระยะทางไกลสุดต่อน้ำมันเต็มถัง 440 กม.

 
 
รถเกราะล้อยาง V-150 มีแบบติดป้อมปืนหรือปืนกลด้วยครับ 
 
 
       นอกจากรถถังแล้ว ยังมียุทธยานยนต์อื่นๆ อีก เช่น...HMMWV หรือ HUMVEE ติดปืนกล .50 มม. รถเกราะล้อยาง V-150 มีแบบติดป้อมปืนหรือปืนกลด้วยครับและรถเกราะ M113 A1 และ A3 มีทั้งแบบติดปืนกลแบบในภาพ และติด ปตอ.วัลแวน ติดจรวดต่อสู้รถถัง TOW
       
       ที่มา : www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X4728099/X4728099.html
       ข้อมูลบางส่วนเพิ่มเติมโดยผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง
 
บันทึกการเข้า

ธรรมของสัตบุรุษ

๑. ธัมมัญญุตา - รู้จักเหตุ ๒. อัตตัญญุตา - รู้จักผล ๓. อัตตัญญุตา - รู้จักตน ๔. มัตตัญญุตา - รู้ประมาณ ๕. กาลัญญุตา - รู้จักกาล ๖. ปริสัญญญุตา - รู้จักประชุมชน ๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา - รู้จักเลือกบุคคล

http://www.dopaservice.com/eservice/content.do?ctm_id=gun&function=document&gro
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 20 คำสั่ง