ถ้าสมมุติว่ารัฐบาล เลิกอุดหนุนสินค้าเกษตรทุกชนิด ไม่มีการช่วยเหลือภัยธรรมชาติ,ชดเชยประกันราคา,จำนำต่างๆ
จะเกิดไรขึ้นครับ ลับสมองกัน จริงๆคงไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำ เพราะรัฐบาลจะล่มทันที
การชดเชย ก็เหมื่อนเอาเงินไปถมทะเล พอราคาสูง คนก็แห่กันปลูก ลงปุ๋ย,ลงยาฯให้ผลผลิตเยอะๆ(เพราะมีเงินชดเชยหลายแสนล้านบาทต่อปี)จริงๆคนเสียภาษีบุคคลธรรมดา,นิติบุคลเป็นคนกลุ่มน้อยที่ทำงานงกๆเสียภาษีทุกเดือน
หลังๆนายทุนระดับชาติ,นายทุนรายใหญ่ ก็โดดมาละเลงด้วย กว้านซื้อที่ดินหมื่นๆไร่-แสนไร่ เพราะได้ประโยชน์ด้วย
มันบิดเบือนตลาดทั้งนั้น คนเมืองที่ทำงานงกๆ ก็พลอยต้องกินของแพงไปด้วย เอ่า...ซวย2เด้ง
ผมได้ดูรายการเชิงวิชาการนึง ทางTPBSเดือนที่แล้ว ผลงานวิจัย สังคมเกษตรทุกวันนี้ไม่ใช่สังคมที่เป็นคนจน อ่อนแอ โง่ ไม่มีความรู้แล้ว เค้าใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆในประเทศนี้ ลูกหลานเรียนสูง มีรถยนต์ มีอินเตอร์เน็ตใช้ มีการรวมกลุ่มเรียกร้องต่างๆจากรัฐ ใช้นักการเมืองฯเป็นสะพานให้เขาแค่นั้นเอง นักการเมือง,นายทุนขนเงินไปให้ โปรยยาหอมให้ พรรคไหนให้มาเค้าก็รับ แต่จะเลือกหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง
คนเมืองใหญ่ต่างหากที่คิดว่าตนเองเหนือกว่า จริงๆแล้วไม่ใช่ ลองไปหาดูครับ แล้วเท่าที่มองดูก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คนส่วนใหญ่เรียกร้องทุกอย่าง ที่คนส่วนน้อย(ที่คิดว่าตนเองเหนือกว่า)กำลังร้องโอดโอย..โดนเรียกเก็บภาษีเพิ่มตลอด
ลองไปหาดูงานวิจัยชิ้นนี้ครับ แล้วจะรู้ว่า สังคมกำลังหลงทาง พายเรือในอ่างความนึกคิดใบเก่าๆของตัวเอง 
หากเป็น
"ตัวแดง"ตามตัวอักษรเป๊ะๆ, แสดงว่าต้องมีการผิดพลาดในกลุ่มเป้าหมายของงานวิจัย หรือไม่ก็มีการแปลความหมายงานวิจัยผิดพลาดครับ... เพราะ"คนจน อ่อนแอ โง่ ไม่มีความรู้แล้ว"ไม่ใช่สังคมเกษตรฯ และไม่ใช่สังคมเมืองครับ...
แต่"คนจน อ่อนแอ โง่ ไม่มีความรู้แล้ว"แบ่งแยกกันที่ความมีการศึกษาครับ... ความมีการศึกษาไม่ใช่เรื่องใบปริญญาที่ได้รับเมื่อจบการศึกษา เพราะใบปริญญามันแค่จุดเริ่มต้นให้หลักการว่าหากจะไปค้นคว้าต่อ จะต้องไปค้นตรงไหน ค้นอย่างไร และเอาคีย์เวิร์ดอะไรใช้ในการค้น(ไม่ว่าค้นหาจากผู้รู้ ค้นหาจากห้องสมุด ค้นหาจากประสบการณ์ หรือค้นกูเกิ้ล - ก็ต้องรู้จักคีย์เวิร์ด)...
สังคมเกษตรมีทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง ไม่สนใจสีเสื้อ ฯลฯ, แล้วก็เช่นเดียวกันกับกับสังคมเมืองครับ... เราจะเห็นว่าตามหัวเมืองใหญ่ ก็ยังอุตส่าห์มีศาลากลางโดนเผา ทั้งที่จังหวัดนั้นๆ เป็น"หัวเมือง"ครับ(ไม่ใช่จังหวัดยากจน)...
บังเอิญ"คนจน อ่อนแอ โง่ ไม่มีความรู้แล้ว"มีจำนวนมากกว่า ก็เพราะความรู้น้อยกว่า เมื่อคิดไม่ออกมันก็ตัน "ตันไปหมดแล้ว" แต่ไม่มีความรู้ ก็เลยผลักดันพฤติกรรมด้วยอารมณ์ตันๆ เลยยิ่งไปกันใหญ่ครับ... นายสมชายยืนยันว่าปัญหาของประเทศไทยคือเรื่องการศึกษาครับ...
เอาการศึกษาเรื่องแรกแรกเลยคือเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งไปเข้าใจผิดว่า"เสียงส่วนใหญ่"ทำอะไรได้ทุกอย่าง ซึ่งที่จริงไม่ใช่, แต่เสียงส่วนใหญ่จะเอาไปใช้ในระบบถ่วงดุลย์อำนาจ ป้องกันไม่ให้ผลประโยชน์ของผู้คนถูกรังแก ป้องกันไม่ให้ผู้คนโดนฝ่ายบริหารละเมิดสิทธิและเสรีภาพ(หลักนิติธรรมนั่นเอง)... ส่วนเรื่องการบริหารประเทศจะเป็นเรื่องของ"มืออาชีพ"เป็นความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน ประกอบด้วย POSCORB แล้วแตกรายไอเท่มให้เหมาะสมกับประเทศไทย...
ทีนี้"คนส่วนใหญ่"ของประเทศเข้าใจผิดว่า"การบริหาร"คือกันจัดแจงจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า... แก้กันไปแก้กันมา จับไอ้โน่นพัลวัลพัลเกเรื่องนี่ จนผลกระทบมันกระเทือนองคาพยพส่วนอื่นไปหมด เพราะความเขลาไม่"ดำเนินตามแผนงานของประเทศ"...
แผนของประเทศไทยมีแล้วครับ, คือแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหลายฉบับเป็นซีรี่ส์ยาว... แผนนี่ไม่ได้เขียนกันง่ายๆ มีผู้คนทุ่มเทพลังสมองวิจัยสารพัด หลากประเภท หลายวิชาการ แต่ในที่สุดโดน"กล้าคิดกล้าทำ"มันฉีกหมดครับ แล้วมาทำไก๋บอกว่าข้าเก่ง เพราะ"แก้ปัญาเฉพาะหน้า"ได้...