ญี่ปุ่น-สิงคโปร์แห่ช็อปคอนโดให้เช่า เยนอ่อน-เออีซีดันตลาดไทยบูมสุดขีด
ทุนญี่ปุ่น-สิงคโปร์แห่ช็อปคอนโดฯปล่อยเช่า เยนอ่อน-เออีซีดันตลาดไทยบูมสุดขีด ค่าเช่าเริ่ม 30,000-150,000 บาท/เดือน "โคบายาชิ-N.O.K-BKK บูโดซัง-NIKO" สยายปีกดักลูกค้าในกรุงเทพฯเพียบ
นายขจร เอ็ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยกำลังกลับมาได้รับความนิยมสูงอีกครั้งในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลงทุนเพื่อปล่อยเช่า ทำให้โปรดักต์ที่ตอบโจทย์จะเป็นคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ล่าสุด ชมรมอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่นติดต่อขอนำคณะสมาชิกบริษัทญี่ปุ่น จำนวน 90 ราย ขอเยี่ยมชมไซต์โครงการของไซมิส แอสเสทและโครงการไอดิโอ ของกลุ่มอนันดา ดีเวลอปเม้นท์
นายขจรกล่าวว่า กระแสกลับเข้ามาซื้อคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่าให้กับคนชาติเดียวกันเริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง ทั้งในกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่น สิงคโปร์ ยุโรป ล่าสุดบริษัทเพิ่งโรดโชว์ห้องชุดในโครงการไซมิส สุรวงศ์ ห้องชุดไซซ์เริ่มต้น 33-197 ตารางเมตรที่ประเทศสิงคโปร์
เมื่อ 14 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าสามารถปิดการขายได้ 3 ชั้น (ชั้น 10-11-12) รวม 40 ยูนิต มูลค่า 254 ล้านบาทภายในเวลาวันเดียว ผู้ซื้อจะเป็นนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก โดยราคาเริ่มต้น 9.9 หมื่นบาท/ตร.ม. และปรับราคาขายขึ้นเป็น 1-1.1 แสนบาท/ตร.ม. แต่ก็ยังถูกกว่าคู่แข่งโครงการอื่นในทำเลเดียวกันที่ขายราคาตลาด 1.3 แสนบาท/ตร.ม. "จุดเด่นของคอนโดฯในกรุงเทพฯที่นักลงทุนสนใจคือ ราคาถูกกว่าในประเทศตนเอง เมื่อซื้อแล้วปล่อยเช่ามีผลตอบแทน 8-10% เหตุผลหลักส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากกรุงเทพฯ จะเป็นศูนย์กลางหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี บรรยากาศการลงทุนก็คึกคักเพราะรัฐบาลไทยมีแผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์หลายโครงการ โดยเฉพาะแผนลงทุน 2 ล้านล้าน"
ความเคลื่อนไหวการซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่าของนักลงทุนต่างชาตินั้น นายขจรกล่าวว่า เมื่อ 2-3 เดือนก่อนมีกลุ่มนักลงทุนยุโรปซื้อห้องชุดแบบเหมาชั้นในทำเลทองหล่อ ชั้นละประมาณ 30-40 ยูนิต ในส่วนของไซมิส แอสเสท โครงการแรกที่สร้างเมื่อ 3 ปีก่อนคือ "ไซมิส จอยญ่า" สุขุมวิท 31 เคยมีราคาเช่าเดือนละ 35,000 บาท/เดือน ปัจจุบันราคาปล่อยเช่าขยับเป็น 55,000 บาท/เดือน ทำให้มีนักลงทุนญี่ปุ่นแห่มาซื้อห้องชุดรีเซลในโครงการมีสัดส่วนสูงถึง 30% จากจำนวนยูนิตรวม 160 ยูนิต
ทั้งนี้ เทรนด์การเลือกซื้อห้องชุดพบว่ากลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นดูเหมือนจะเป็นกลุ่มหลักในขณะนี้ เพราะมีการติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของปี เป็นช่วงโยกย้ายสลับตำแหน่งผู้บริหารญี่ปุ่นในประเทศไทย จึงเป็นจังหวะที่จะต้องมีการมองหาห้องเช่าไว้รองรับ ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์บริษัทโบรกเกอร์อสังหาฯรายใหญ่จากญี่ปุ่นเข้ามาติดต่อโครงการคอนโดฯในกรุงเทพฯหลายรายด้วยกัน อาทิ โคบายาชิ, N.O.KInter Plus, NIKO NIKO KAWABE, BKK บูโดซัง, บริษัทผู้ผลิตกระเบื้องโตโต้ เป็นต้น
"อัตราค่าเช่าสำหรับคนญี่ปุ่นที่ทำงานในประเทศไทยหรือเอ็กซ์แพตจะมี 4 ระดับคือ 1.พนักงานที่มาทำงานคนเดียว (ไม่มีครอบครัวมาด้วย) จะได้รับค่าเช่าจากบริษัท 30,000 บาท/เดือน เลือกห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 2.พนักงานที่มีครอบครัวมาด้วย เลือกแบบ 2 ห้องนอน 50,000-60,000 บาท 3.ผู้บริหารระดับหัวหน้า-ผู้จัดการ จะเลือก 2-3 ห้องนอน ค่าเช่า 70,000-80,000 บาท และ 4.ผู้บริหารระดับสูงคือเอ็มดีหรือซีอีโอ จะมีค่าเช่าเดือนละ 1.2-1.3 แสนบาท" นายขจรกล่าวด้วยว่า แต่เดิมชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทยก็มีการเช่าห้องมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี แต่เทรนด์ใหม่ที่เห็นคือเดิมจะติดต่อเช่ากับโบรกเกอร์ไทย แต่ปัจจุบันมีโบรกเกอร์ข้ามชาติเข้ามาดูแลบริหารจัดการห้องเช่าเอง และพัฒนามาเป็นการชักชวนนักลงทุนญี่ปุ่นให้มาซื้อคอนโดฯปล่อยเช่า เพราะญี่ปุ่นเริ่มย้ายฐานการผลิตเข้าไทยและอาเซียนมากขึ้น หลังจากพยายามจะเข้าไปลงทุนในจีนแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ขณะที่การลงทุนซื้อคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ ตอบโจทย์ด้านผลตอบแทน เพราะมีกำไรปีละ 8-10% จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะค่าเงินเยนปัจจุบันอ่อนค่าลง ยกตัวอย่างปี 2555 ค่าเงินเยนเท่ากับ 70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปีนี้อยู่ที่ 100 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อย่างน้อยการลงทุนนอกประเทศก็ได้กำไรจากค่าเงินแล้ว 30% เมื่อรวมกับผลตอบแทนรายปีอีก 8-10% จึงเป็นความคุ้มค่าและทำให้อสังหาริมทรัพย์กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นhttp://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1381076955