แต่กองทุน พรบ. ผู้ประสพภัยทางรถนี่เหลือเงินอื้อเลยนะครับ ไม่น่าเป็นได้ว่าจะไปมองที่บัตรอื่นก่อน
ต่อให้ผู้บาดเจ็บขี่มอเตอร์ไซค์ล้มเองก็สามารถใช้หลักประกัน พรบ.รักษาตัวได้เช่นเดียวกันไม่จำเป็นต้องมีคู่กรณี
สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งข้อสังเกต ว่า...ในความเป็นจริง จะมี เอกสารหรือหลักฐานอะไร?บ้าง ที่จะยืนยันว่า "ผู้ประสบเหตุ " เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากรถยนต์ หรือ มอเตอร์ไซด์ เพื่อที่แพทย์พิจารณาแล้ว สามารถใช้ สิทธิตาม "พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ " และใช้ค่าใช้จ่ายจาก "กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย " นอกจากนี้ผมไม่แน่ใจว่าต้องสำรองจ่ายก่อนหรือเปล่า? และที่สำคัญกรณีนี้ "ผู้ประสบเหตุ สลบ" ครับ..
เท่าที่ทราบมาบางแห่ง เมื่อนำ "ผู้ประสบเหตุ" ส่งโรงพยาบาล บางครั้งอาจต้อง ดึง" พ.ร.บ." ที่ติดที่รถไปด้วย เพื่อยืนยันครับ..
สำหรับเรื่องเงินที่เหลือ ไม่เฉพาะ
" กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย" อย่างเดียวหรอกครับ ที่เหลือแยอะ ของ
"ประกันสังคม " เองก็เหอะ เห็นตัวเลขแล้ว ตาลุกวาว....

แต่สิ่งที่กลับมาผมว่ายังไม่คุ้มมากนัก ไปใช้รักษาพยาบาลที่เหมือนกับ ชนชั้นสามของประเทศอย่างนั่นหล่ะ??
เงิน "ประกันสังคม " ที่ผ่านมา มีคนบางคนจ้องตาเป็นมัน หวังจะเล่นแร่แปรธาตุ เช่นกัน..โชคดีของประเทศไทยครับ ลองคิดดูซิครับ แรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม เกือบ 9 ล้านคน ลองคิดเล่นๆตั้งแต่ปี 2533 หรือ 34 โน้นแนะ ยอดเหลือทุกปี ...มันน่าสนมิใช่น้อยหรือ..??
สำหรับ
"โครงการบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท หรือ โครงการประกันสุขภาพ เดิม " ..ผมเห็นด้วยที่จะเหมาะสำหรับผู้มีรายได้น้อย..แต่ถ้าถามว่าแล้วจะพิจารณาอย่างไร? ผมว่าตัววัดเรื่องรายได้ของประชากรมีมากมาย ที่สำคัญมันเกิดอะไร?ขึ้นในภาคปฎิบัติหรือครับ? เงินส่วนหนึ่งเลยหายไปจากระบบ ..ผมเห็นผู้มีอันจะกินทั้งหลายยังพกบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท รักษาเกือบทุกโรคกันทั้งนั่น...

แต่ถ้าเป็นไปตามที่ "ท่าน nars " กล่าวถึง ถ้าโรงพยาบาลของรัฐ ทำอย่างนั่นจริงๆ ...ผมว่าประเทศเรา..คนจนไม่มีสิทธิ แล้วครับ..วิกฤติหนักหนาสาหัสแล้ว...

ทุกวันนี้ผมเลยบ้าพกบัตรทุกใบเท่าที่ทำได้....ตั้งแต่ ..บัตรประกันชีวิต + สุขภาพ , บัตรประกันสังคม, บัตรเครดิตที่แพทย์เห็นแล้วรักษาได้ (ถ้าสลบค่อยว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง..

) และสุดท้าย บัตรบริจาคอวัยวะ ทุกส่วนของร่างกายให้สภากาชาดไทยครับ....